Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 311

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 311 ทุกข์ด้วยกัน ตายด้วยกัน! (ปลาย)

C

ทางฝั่งเจียงจิ่วเอง เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาตื่นเต้นและศรัทธาในแววตาของทหาร คนจึงสีหน้าเซียวลงเล็กน้อย ถ้าเยี่ยฉวนปฏิเสธคำท้าทาย ไม่ต้องสงสัยว่าทหารจะเสียขวัญกำลังใจขนาดไหน แต่ถ้ายอมรับ หญิงสาวจะเป็นคนที่วิตกกังวลมากขึ้นเสียเอง!

ขณะนั้น เยี่ยฉวนเหยียดยิ้มมุมปาก “ก็ได้!” สิ้นเสียงตอบรับ คนพูดกระโจนพรวดลงไปพร้อมผลักกระบี่พุ่งใส่เซียวอวิ๋นซานข้างล่างทันที! เมื่อเห็นเยี่ยฉวนกระโดดลงมา อีกฝ่ายคลายรอยยิ้มเย็นเยียบ ขณะเดียวกัน มือฉวยกระบี่พร้อมดีดตัวทะยานขึ้นสู่อากาศบนเข้าหาคนที่ทะยานลงมา จนสองกระบี่ฟาดกันกลางอากาศ ต่างคนต่างมีแผนอยู่ในใจ!

ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เฝ้ามองจำนวนนับไม่ถ้วน กระบี่สองกระบี่ของคนทั้งคู่ปะทะกันอย่างจัง ทันใดนั้น เยี่ยฉวนพลิกกระบี่หันเหทิศทางและพุ่งปลายเข้าหาลำคอส่วนบนของฝ่ายตรงข้าม!

เมื่อสายตาจับความเคลื่อนไหวของคนตรงหน้าได้ เซียวอวิ๋นซานบิดยกมุมปากเล็กน้อย หากคนมิได้ถอนกระบี่กลับเสือกกระบี่ของตนเองพุ่งตรงจุดหมายบริเวณขั้วหัวใจของเยี่ยฉวนทันที! ชีวิตแลกชีวิต!

ทันทีที่กระบี่ของเยี่ยฉวนแทงเข้ามาในระยะห่างเพียงนิ้วหนึ่งจากคอหอยของเซียวอวิ๋นซาน คนผู้นั้นพลันยกมือซ้ายขึ้นสกัดทิศทางกระบี่เยี่ยฉวน ขณะเดียวกัน กระบี่ในมือของเซียวอวิ๋นซานก็แทงไปข้างหน้าพรวดทะลุเข้าบริเวณหัวใจของเยี่ยฉวนเผง และเมื่อกระบี่ในมือของเซียวอวิ๋นซานสัมผัสร่างของเยี่ยฉวน พลันคนถือกระบี่นัยน์ตาเบิกกว้างมือกลับชะงักหยุด

ไม่จริง! เยี่ยฉวนจะยอมตายง่ายเช่นนี้หรือ? จังหวะนั้นเอง กระบี่ในมือเริ่มแปรเปลี่ยนรูปกลายเป็นพลังมหาศาล ครั้นต่อมากลับซึมซาบสู่กายของเยี่ยฉวนฉับพลัน!

เมื่อได้รับรู้ต่อเหตุที่อุบัติขึ้นต่อหน้า เซียวอวิ๋นซานหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก พลันทำท่าจะกระถดถอยทว่าวินาทีต่อมาเยี่ยฉวนพลิกกระบี่ควงสว่านฉับพลัน

ฉัวะ! แขนข้างนั้นของเซียวอวิ๋นซานขาดกระเด็น! เยี่ยฉวนไม่รอช้าพลิกกระบี่เคลื่อนไหวอีกครา ครั้งนี้มุ่งสู่เป้าหมายศีรษะของคนตรงหน้า!

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เบื้องหน้ากลับเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ด้วยปรากฏร่างของคนแปลกหน้าสวมชุดดำสามคนทางเบื้องหลังเซียวอวิ๋นซาน!

จู่ๆ ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน! ชั่วกระพริบตาลำแสงสว่างขาวนวลพุ่งวาบเข้าสกัดกระบี่ของเยี่ยฉวนมิให้ถึงตัวเซียวอวิ๋นซาน ขณะที่ลำแสงสองลำแสงพุ่งวาบหมายมุ่งตัดลำคอของชายหนุ่มด้วยความรวดเร็ว

รวดเร็วยิ่งนัก! ถึงกระนั้นเยี่ยฉวนคาดการณ์เตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว ทันทีที่สามคนชุดดำปรากฏกายเขาดึงกระบี่กลับและถอยหลังไปตั้งรับออกห่างหลายจั้ง

เวลานั้น หลิงฮั่นและคนอื่นทะยานลงจากกำแพงเข้ามายืนขนาบสองข้างของเยี่ยฉวนทันที ยอดยุทธ์สุดยอดผสานเทพสิบสองคน! ทั้งที่อยู่เบื้องหน้าต่อหน้าเยี่ยฉวนและคนอื่น คนสามคนหายวับไปจากที่อย่างน่าพิศวงเมื่อแน่ใจว่าภาระกิจสังหารเยี่ยฉวนครั้งนี้ประสบความล้มเหลว

เมื่อเห็นเช่นนั้นเยี่ยฉวนกำกระบี่หลิงซิ่วทำท่าจะออกปะทะอีกครา พลันชายชราสวมผ้าคลุมสีขาวปรากฏตัวออกขวางทางด้านหน้า! ผู้พิทักษ์อาวุโสของสถานศึกษาฉางมู่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

ชายชราสวมชุดขาวที่เพิ่งเข้ามาจ้องหน้าเยี่ยฉวนและมองไล่ไปยังใบหน้าอื่น หากมิได้เอ่ยปากกลับเบนหน้าไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งที่นั่นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามายังสถานที่

เพียงสายตาจับภาพคนที่เดินเข้ามาได้ชัดเจน หลิงฮั่นและหลิงเยว่ถึงกับตกตะลึงนิ่งงัน! เหตุเพราะนี่คือประมุขแห่งตระกูลหลิงมีนามว่า หลิงเทียน!

หลิงเทียน ผู้เพิ่งเข้ามาหันไปมองสองพี่น้องพร้อมพูดว่า “กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปกับข้า!” หลิงฮั่นสะอึกถาม “ท่านประมุข ทำไมขอรับ?” อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ “ข้าจะไม่ยอมให้ตระกูลหลิงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเจ้าสองคนตามข้ากลับไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้”

หลิงฮั่นปฏิเสธเสียงแข็ง “ข้าไม่กลับ!” หลิงเทียนคำรามเสียงกร้าว “ตระกูลหลิงมีคน 2,700 คน ที่ต้องดูแล เจ้าจะทำให้คนทั้งตระกูลต้องถูกกลั่นแกล้งเพราะการกระทำของเจ้าอย่างนั้นหรือ?” หลิงฮั่นได้แต่ยืนกำมือ เงียบงัน

ทันใดนั้น เสียงเตือนจากศิลาถ่ายทอดสัญญาณของเหยี่ยลี่ ลู่ป้านจวงและคนอื่นดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทุกคนในที่นั้นต่างหันไปสบตากัน จากนั้นสีหน้าของทั้งเหยี่ยลี่ กานอู๋เว่ยและคนอื่นดูแปลกเปลี่ยนไป

เยี่ยฉวนหันมากระซิบถาม “มีอะไรหรือ?” เหยี่ยลี่พูดเสียงแหบแห้ง “ตระกูลข้าแจ้งมาว่ามีเรื่องไม่ค่อยดี เขาอยากให้ข้ารีบกลับ!”

กานอู๋เว่ยเงยหน้าขึ้นมองตรงมา “ของข้าก็เหมือนกัน……” หลังจากนั้น ลูกทีมทุกคนต่างพยักหน้าเป็นเสียงเดียวกัน เยี่ยฉวนนิ่งงันไปชั่วขณะ

พลันชายชราสวมชุดขาวมองไปทางหลิงฮั่นและคนอื่นพลางกล่าวว่า “สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการมิได้ไร้ความสามารถที่ไม่ฆ่าพวกเจ้า เพียงแต่พวกเราไม่ต้องการทำลายกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้าต่างหาก ถ้ากลับไปเสียตอนนี้ ความแค้นที่มีมาระหว่างเราจะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ถ้าไม่สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการจะไม่ละเว้นแม้คนในตระกูลของพวกเจ้า” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเหยี่ยลี่รวมทั้งคนอื่นหม่นหมองลงทันที

ตระกูลของแต่ละคนมิได้อ่อนด้อยหากรวมกำลังกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลลู่ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง ถึงกระนั้น คนในตระกูลไม่มีใครต้องการเป็นศัตรูกับสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการ เพียงเพื่อช่วยเหลือเยี่ยฉวนคนเดียว! ไม่คุ้มกัน!

ทันใดนั้น ศิลาถ่ายทอดสัญญาณในมือของเหยี่ยลี่และทุกคนดังขึ้นอีกเหมือนจะเร่งเร้า คนที่ยืนเคียงข้างชายชราสวมชุดขาว หลิงเทียนถอนใจเฮือก “เจ้าให้ความสำคัญกับพวกพ้อง แต่เมินเฉยกับตระกูล งั้นหรือ? ถึงแม้ว่าพวกจะไม่ใส่ใจคนในตระกูล แต่ไม่ใส่ใจพ่อแม่ของตนหรือ? อย่างน้อยเขาเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูพวกเจ้ามาจนเติบใหญ่ ไม่คำนึงว่าพวกเขาจะเดือดร้อนบ้างหรือ? รู้ไหมว่ามีคนจะต้องตายอีกกี่คนกับการตัดสินใจครั้งนี้?”

หลิงฮั่นเม้มปาก มือกำหมัดแน่น สีหน้าเผือดซีดลงทุกทีๆ คนที่ยืนรอบตัวขณะนี้ ทั้งเหยี่ยลี่และคนอื่นล้วนมีสภาพไม่ต่างกัน!

เวลานี้ ทั้งสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการมิได้พุ่งเป้ามาที่คนรุ่นหนุ่มสาวอีกต่อไป บัดนี้ พวกเขาเข้าร่วมในสงครามที่มีทีท่าจะแผ่ขยายใหญ่โตออกไปเรื่อยๆ ต่อไปต้องมียอดยุทธ์ที่มีขั้นพลังสูงกว่าผนึกยุทธ์เข้ามาร่วมด้วย

ดังนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลของหลิงฮั่นรวมทั้งตระกูลอื่นจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพื่อต้านทานสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการ! ไม่คุ้มกัน! ยิ่งกว่านั้น เมื่อใดที่ตัดสินใจเข้าร่วมสงคราม เมื่อนั้นเท่ากับเป็นไปได้ที่จะสูญเสียทั้งตระกูล!

ทันใดนั้น เยี่ยฉวนพึมพำขึ้นแผ่วเบา “พวกเจ้าคิดไหมว่าทำไมเราจึงเป็นพวกพ้องเดียวกัน?” ทุกคนเบนสายตามาทางเยี่ยฉวนทันที ชายหนุ่มเหยียดมุมปาก “เข้าใจแล้ว! ถ้าเป็นพี่เป็นน้องแล้วขาดความเข้าใจในกันและกัน อย่างนั้นก็ไม่ใช่พี่น้องต้องเรียกว่าคนเห็นแก่ตัวสินะ!”

จากนั้น เขาจึงหันไปหาหลิงฮั่นและคนอื่นที่ยืนรวมกัน “ฟังนะ ข้าขอสั่งในฐานะพี่ใหญ่ พวกเจ้าจงกลับไปที่บ้านให้หมดทุกคน กลับไปคอยข้าอยู่ที่นั่น ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ แล้วข้าจะเป็นคนไปตามหาพวกเจ้าเอง ข้าเชื่อว่า สักวันหนึ่งพวกเราพี่น้องจะต้องได้พบกันอีก!”

พี่น้อง!

ความคิดของเยี่ยฉวนนั้น พี่น้องควรมีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน รวมไปถึงการร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน!

หากปราศจากซึ่งความเข้าใจกัน ก็จะกลายเป็นความเห็นแก่ตัว! ยกตัวอย่างเช่น การขอหยิบยืมเงินทองจากพี่น้อง ถ้าพี่น้องของเรากำลังลำบากขัดสนแต่เรายังมีหน้าไปขอหยิบยืมจากเขา อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นพี่เป็นน้องได้อีกหรือ?

ไม่ใช่! คนพวกนี้เรียกว่าพี่น้องที่เห็นแก่ตัว เยี่ยฉวนยอมรับว่าตนเองเห็นแก่ตัวในบางครั้ง แต่ไม่เคยเห็นแก่ตัวกับพี่กับน้อง!

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!