Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 378

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 378 เจ้ารับไม่ได้หรอก! (ต้น)

C

……

เยี่ยฉวนหันหลังขวับ……

……

ไม่ไกลนัก เด็กสาวร่างบอบบางอายุราวสิบหกหรือสิบเจ็ดขวบปี สวมชุดสีเขียวอ่อนริมฝีปากแย้มยิ้มสดใสได้เผยกายออกมา……

..

หน้าตาท่าทางราวภูตน้อยแสดงถึงความเป็นคนฉลาดหลักแหลม ค่อยเดินตรงมาทางเยี่ยฉวนอย่างช้าๆ นัยน์ตาเป็นประกายแวววาวส่งให้ใบหน้านั้นแลดูจิ้มลิ้มยิ่งขึ้น

ในมือข้างขวากำอาวุธลักษณะเหมือนค้อนตีตะปู ขนาดไม่ใหญ่กำลังพอดีเหมาะกับแขนเล็กๆ ของเด็กสาว

เมื่อเยี่ยฉวนสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย พลันสีหน้าเปลี่ยนวูบ

“ศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นแท้จริง!”

“ใช่ ศาสตราวุธจิตวิญญาณแท้จริง!”

“นางเป็นใครกัน?”

เด็กสาวเดินตรงมาจนกระทั่งระยะห่างจากเยี่ยฉวนเหลือเพียงสองจั้ง พลันชายหนุ่มหน้าเผือดวูบ เขากดปลายเท้าลงบนพื้นและทะยานถอยไปทางหลังทอดระยะห่างจากฝ่ายหญิงออกไปอีก

สาวน้อยแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยพลางยิ้มกว้าง “ไม่ต้องกลัว เจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย ข้ารับรองว่าจะทุบหัวเจ้าให้เร็วที่สุด เจ้าจะตายโดยยังไม่ทันเจ็บเลยด้วยซ้ำ!”

ทันทีที่จบประโยค ร่างนั้นได้โผล่พรวดออกมาเบื้องหน้าเยี่ยฉวนอีกครั้ง ทว่าเกือบในเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มก็ดีดตัวผงะถอยออกไปไกลหลายจั้ง!

หัวคิ้วดำขลับขมวดน้อยๆ “เข้ามาใกล้ๆ สิ ข้าจะใช้ค้อนทุบหัวเจ้าแค่ทีเดียวเท่านั้น!”

เยี่ยฉวนร้องถามด้วยความข้องใจ “ทำไมจึงอยากทุบข้าให้ตายนัก?”

อีกฝ่ายบิดมุมปากยิ้มเยาะ “หลังจากเจ้าตายแล้ว ข้าจะได้ไปรับเงินรางวัลยังไงล่ะ!”

เมื่อพูดจบนางยกค้อนขึ้นก่อนจะเหวี่ยงใส่เยี่ยฉวน

ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าสาวน้อยแปลกหน้าเริ่มออกจู่โจม เยี่ยฉวนจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างหน้าพร้อมกับผลักกระบี่พุ่งออกไป!

ตู้ม!

พลันร่างของเยี่ยฉวนไถลย้อนกลับไกลกว่า 18 จั้ง ส่วนที่พื้นดินเบื้องหน้าปรากฏร่องลึกยาว 18 จั้ง เกิดจากรอยเท้าของเขาที่ครูดไปกับพื้นขณะไถลจนเกิดรางร่องตามมา

เขาก้มลงมองมือข้างขวาของตนเอง ซึ่งขณะนั้นสั่นสะท้านไปทั้งแขน ไม่เพียงเท่านั้นแม้แต่กระบี่หลิงซิ่วก็สั่นสะเทือนไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งตรงส่วนปลายกระบี่ยังมีรอยแตกร้าวให้เห็น!

“เด็กผู้หญิงคนนี้ช่างแกร่งกล้านัก!”

เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นขณะเดียวกันก็มองตรงไปที่สาวน้อยคนที่อยู่เบื้องหน้า ตอนนั้นนางกำลังมองอย่างพิจารณา จากนั้นสายตาประหลาดแวบผ่านมาในแววตา “เอ๊ะ! จ้าวกระบี่นี่นา ไม่เลว ถึงจะโดนข้าทุบด้วยค้อนเจ้าคงไม่ถึงกับตายสินะ!”

นางไม่พูดเปล่ายังชูนิ้วโป้งให้กับเขาด้วย “พลังของเจ้ากล้าแกร่งดีมาก สามารถติดอันดับหนึ่งในสิบเหมือนกัน สมแล้วที่ควรจะได้รับคำชมเชยจากข้า”

เยี่ยฉวนหน้าตาบูดบึ้ง “ให้ตายเถอะ เจ้าจะชมตัวเองหรือใครกันแน่?”

ในตอนนั้นเองเด็กหญิงผู้มีนามว่าทั่วปาเซียวเหยา ตั้งท่าจะจู่โจมเข้ามาอีก ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงรีบยกมือขึ้นพร้อมส่งเสียงรัวเร็วเพื่อยับยั้ง “หยุดสักเดี๋ยว!”

สาวน้อยชะงักกึก ขณะที่มือดึงค้อนที่เหวี่ยงกลับในชั่วพริบตา “อะไรอีก?”

เยี่ยฉวนกล่าวสุ้มเสียงจริงจัง “ข้าไม่สู้กับเจ้า!”

สาวน้อยมองข้ามฝีมือคนตรงหน้าอย่างหน้าตาเฉย “เจ้าสู้ข้าไม่ได้อยู่แล้ว หายสงสัยหรือยัง?”

ชายหนุ่ม “……”

โดยไม่รีรอเด็กสาวเหวี่ยงค้อนในมือ พร้อมทะยานเข้าหาหมายจู่โจมอีกครั้ง เยี่ยฉวนจึงพลันกระถดถอยและรีบชิงพูดรัวเร็ว “มี ข้ามีเรื่องใหญ่ด้วย!”

คนตรงหน้าหยุดนิ่งพลางหน้างอบอกบุญไม่รับ “ทำไมจึงเป็นคนเรื่องมากนัก? ไหนๆ ก็จะต้องตายยังมีอะไรอีก? ทำไมหรือว่าเกิดกลัวตายขึ้นมาแล้วย่างนั้นหรือ? เจ้าแค่กลั้นใจรับค้อนข้าทีเดียวก็พอ!”

ชายหนุ่มถึงกับอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปครู่หนึ่ง “แต่คนที่จะต้องตาย ข้าว่าน่าจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า!”

เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวน่าจะมีนิสัยใจร้อนวู่วาม เยี่ยฉวนจึงก้าวไปหยุดตรงหน้า จากนั้นพลันยกนิ้วชี้ชี้ออกไป และที่เบื้องหน้าสาวน้อยปรากฏว่ามีแผ่นป้ายทองคำ!

อีกฝ่ายจ้องมองสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเขม็ง และทันทีที่เห็นแผ่นป้ายอันมีมูลค่าถึงห้าร้อยล้านเหรียญทอง คนถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้าง!

“ห้าร้อยล้านเหรียญทอง!”

มือบอบบางเอื้อมมาหยิบแผ่นป้ายนั้นด้วยท่าทีลังเล จากนั้นจึงตวัดสายตามาที่คนยืนตรงข้าม ริมฝีปากแย้มยิ้ม แววตามีร่องรอยความว้าวุ่นใจ “ให้ข้างั้นสิ?”

เยี่ยฉวนผงกศีรษะและพูดออกมาอย่างจริงใจยิ่ง “ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้านับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน”

เด็กสาวกระพริบตาปริบ “ข้าไม่เข้าใจ?”

อีกฝ่ายพูดตอบสีหน้าเคร่งขรึม “ความสามารถ! เปรียบเสมือนหิ่งห้อยน้อยยามกลางคืน ต่อให้ความมืดก็ไม่อาจบดบังรัศมีที่เปล่งประกายของมัน ข้าพูดด้วยความสัตย์จริงไม่ได้คิดหลอกลวง ข้า……เยี่ยฉวนอยากผูกมิตรกับเจ้า! เพราะข้าชอบเป็นมิตรกับคนที่มีความพิเศษในตัวเอง!”

เด็กสาวปรายหางตามองคนตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาแฝงความรู้สึกประทับใจอย่างเห็นได้ชัด “เจ้านับว่าตาแหลมทีเดียว”

ชายหนุ่มบิดมุมปากยกยิ้ม “ข้ามีดวงตาบ้าบอที่ไหนกัน……”

คนตรงข้ามยกแผ่นป้ายทองคำขึ้นสบัดไปมาต่อหน้า “ในนี้มีเงินตั้งห้าร้อยล้าน! เจ้านำมาให้ข้าง่ายดายเช่นนี้หรือ?”

ชายหนุ่มตอบจริงจัง “คนที่เป็นสหายกันห้ามพูดเรื่องเงินเรื่องทอง เพราะจะทำให้ขัดใจกันเสียเปล่า! เจ้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าเดาเอาว่าเจ้าคงต้องการใช้เงิน เก็บเงินในแผ่นป้ายนี้ไว้ใช้ยามจำเป็น ถ้าไม่พอก็บอก ข้ายินดีช่วยแม้จะต้องขายเลือดตัวเองก็ยอม!”

ขณะที่เด็กสาวกำลังจะอ้าปากพูดตอบโต้ ทันใดนั้นทางด้านหลังของนางปรากฏกลุ่มพลม้าเพลิงโลกันตร์พุ่งทะยานเข้ามาทางเยี่ยฉวน

ซึ่งเมื่อเห็นกลุ่มที่กำลังตรงมา เขาถึงกับหน้าเผือดด้วยไม่คาดว่าพลม้าเพลิงโลกันตร์จะตามมาอย่างรวดเร็วปานนี้!

สาวน้อยหันขวับไปมองพวกที่มาทางข้างหลัง “พวกมันเป็นใคร?”

เยี่ยฉวนดึงร่างคนพูดมาทางหลังและใช้ตัวเองบังไว้ จากนั้นจึงตอบให้ว่า “พวกกองกำลังม้าที่สถานศึกษาฉางมู่จ้างมา……ยังไงก็ตามเจ้ารีบหนีไปก่อน ข้าจะปิดทางไม่ให้พวกมันตามได้ ที่เหลือทางนี้ข้าจะรับมือเอง น่าจะถ่วงเวลาพวกมันไว้ได้สักพัก!”

ทันทีที่พูดจบ คนฉวยกระบี่ได้ก็พุ่งตรงเข้าหากลุ่มทหารม้าเบื้องหน้ารวดเร็ว

โดยมีสายตาพิศวงงงงันของเด็กสาวมองตามหลัง

ในลานกว้างที่ห่างออกไป เยี่ยฉวนกำกระบี่ทะยานตรงไปทางกลุ่มพลม้าเพลิงโลกันตร์ พลังที่ประจุอยู่ภายในกระบี่บัดนี้กระแสแรงผลักดันแห่งกระบี่ระอุขึ้นทุกทีๆ ทุกย่างก้าวที่ฝีเท้าสัมผัสพื้นดินพลันผิวสัมผัสปริแตกออกจากกันทุกครั้งทุกคราไป!

ในเวลานั้นร่างของเยี่ยฉวนและกลุ่มพลม้าเพลิงโลกันตร์กำลังพุ่งเข้าใกล้กันทุกขณะ……เมื่อระยะห่างระหว่างสองฝ่ายราวหนึ่งจั้ง เยี่ยฉวนพลันดีดตัวลอยขึ้นสู่อากาศพร้อมทั้งตวัดฟาดกระบี่ที่ถืออย่างรุนแรง

ลำแสงกระบี่กระจ่างตา แสงสว่างขาวนวลประดุจเกล็ดหิมะขาวโพลนพุ่งวาบตัดผ่าอากาศลงเบื้องล่าง!

เปรี้ยง!

แรงปะทะส่งให้ร่างของพลม้าเพลิงโลกันตร์ที่ห้อตะบึงนำหน้า กระเด็นลอยไปไกลหลายจั้ง และเมื่อร่างนั้นหล่นลงกระแทกพื้นดินมันกลับไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกเลย!

ถึงกระนั้นฝ่ายเยี่ยฉวนเองก็ถูกแรงปะทะจนกระเด็นไปในอากาศเช่นเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้นทว่ายังมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากรูบาดแผลที่เกิดขึ้นบริเวณหัวไหล่ข้างซ้าย!

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!