บทที่ 651 เก็บสิ! เก็บเสียทีเถอะน่า! (ปลาย)
เยี่ยฉวนหยิบผลไม้วิเศษของตนออกมาส่งให้เด็กน้อย ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายเหลือบเห็นกลับทำท่าเมินไม่ไยดีสิ่งที่เขายื่นให้เลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดชายหนุ่มจำต้องรับปากว่าจะให้นางสักหนึ่งผล อีกฝ่ายจึงเงียบเสียงลงชั่วคราว
ต่อจากนั้นเยี่ยฉวนก็เริ่มการใช้ชีวิตที่แสนสงบ!
การรดน้ำ!
ภารกิจประจำวันของเขาคือการรดน้ำวัตถุสวรรค์และสมบัติปฐพีให้เสร็จตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นงานง่ายมากและหลังเสร็จจากงานประจำวัน เยี่ยฉวนจะทำการฝึกฝนการบ่มเพาะพลังชี่!
ฝึกการบ่มเพาะพลังชี่อย่างหนัก!
ไม่สิ ควรเรียกว่าเกิดภาวะดูดซึมพลังอย่างหนักหน่วง!
ต้องบอกว่าพลังของคนที่มีพลังอำนาจสูงล้น ซึ่งเกิดกระบวนการดูดซึมพลังขึ้นก่อนโดยยังไม่เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้นั้น ทำให้เยี่ยฉวนต้องค่อยดูดซึมพลังอย่างช้าๆ และนำกลับมากักเก็บไว้เป็นพลังของตนอย่างสมบูรณ์ในภายหลัง
และเป้าประสงค์ถัดไปของเขาก็คือการบรรลุขั้นทลายสุญตา!
เวลาครึ่งเดือนเคลื่อนคล้อยไปอย่างรวดเร็ว ระยะครึ่งเดือนได้ทำให้ตัวของเยี่ยฉวนเองประสบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ยิ่ง ในตอนนี้เขาบรรลุจุดสูงสุดของขั้นควบยุทธ์สะท้านภพที่แท้จริงแล้วด้วย นอกจากนั้นจิตวิญญาณของเขาได้แปรเปลี่ยนแล้วอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเยี่ยฉวนสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวของตนเองจากการที่ทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตามีความแกร่งกล้าขึ้นกว่าเดิม!
ความกล้าแกร่งของหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาสัมพันธ์กับพลังแห่งจิตวิญญาณ!
เมื่อก่อนเขาจะใช้ทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาเป็นหลัก ทว่าในตอนนี้ชายหนุ่มตระหนักแล้วว่าหนึ่งกระบี่ชี้ชะตามีความแข็งแกร่งในตัวของมันเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งกายามโนจิต กล่าวได้ว่าสิ่งนี้เป็นศัตรูของกายามโนจิตเลยก็ว่าได้!
ในระหว่างนั้นเยี่ยฉวนได้สืบเสาะตามหาอันหลานซิ่วและน้องหลิงก็พบว่าทั้งสองอยู่ที่สถานศึกษาเต๋าอี้จริง ทว่าทั้งคู่ไปอยู่ที่สาขาในเสียแล้ว
และต่อมาชายหนุ่มก็ได้ยินข่าวหนึ่ง
น้องหลิงสำเร็จขั้นทลายสุญตาแล้ว!
ขั้นพลังทลายสุญตา!
เมื่อได้ยินข่าวนั้นเยี่ยฉวนทั้งตกตะลึงและยินดี บ้าสิ้นดี!
จะว่าไปแล้วปีนี้น้องหลิงเพิ่งอายุเต็ม 14 ขวบเท่านั้น!
คนอายุสิบสี่สำเร็จขั้นทลายสุญตา นี่มันหมายความว่าอะไร?
กล่าวได้ว่า ณ ตอนนี้น้องหลิงได้รับการยอมรับจากอาจารย์ใหญ่สถานศึกษาเต๋าอี้ในฐานะที่เป็นศิษย์สายตรงแล้ว เช่นนั้นนางจึงจะได้รับการพัฒนาขั้นพลังอย่างเต็มที่
ในความรู้สึกของเยี่ยฉวนนั้น ข่าวนี้ทำให้เขาดีใจจนกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กๆ อีกทั้งยิ้มแก้มแทบปริไปทั้งวันเลยทีเดียว
นอกจากนั้นเขายังสืบเสาะหาวิธีฟื้นสภาพทางร่างกายด้วย ที่สถานศึกษาเต๋าอี้แห่งนี้อันที่จริงมีการฝึกฝนเพื่อฟื้นสภาพร่างกาย ทว่าเขาต้องเป็นศิษย์สาขาในให้ได้เสียก่อน!
และการฟื้นฟูสภาพร่างกายก็ยังเป็นอะไรที่ยากลำบากอย่างยิ่ง ไม่เพียงต้องใช้วัตถุสวรรค์และสมบัติปฐพีซึ่งเป็นของล้ำค่าชั้นยอด ทว่าต้องอาศัยคนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษในการผสานกายและจิตสัมพันธ์เป็นหนึ่ง… กล่าวสั้นๆ ว่าสิ่งนี้ก็ยากมากเช่นกัน!
ทว่าไม่ว่าเรื่องนี้จะยุ่งยากซับซ้อนเพียงใด เขาไม่คิดที่จะล้มเลิก!
วันนั้นเยี่ยฉวนกำลังปฏิบัติกิจวัตรรดน้ำต้นผลไม้วิเศษ เมื่อเสร็จงานและทำท่าจะหันกลับออกไปนั้นเอง ดูเหมือนชายหนุ่มฉุกคิดบางอย่าง หลังจากมีท่าลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจผลักฝ่ามือขวาออกไป พลันลำแสงเปล่งรัศมีพุ่งจากกลางฝ่ามือข้างนั้น!
พลังชี่โกลาหล!
เมื่อรังสีแห่งพลังชี่สาดต้องผลไม้วิเศษ ทันใดเกิดปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างฉับพลัน ผลไม้เริ่มสั่นจากทีละน้อยเป็นขยายใหญ่ขึ้น และในที่สุดขนาดของผลไม้วิเศษใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า นอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมตลบกำจายออกมาด้วย
ตัวของชายหนุ่มเองถึงกับนิ่งงันด้วยความตกตะลึง
พลังชี่โกลาหลทำหน้าที่อย่างไรกันแน่?
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เยี่ยฉวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ด้วยเขาประจักษ์แจ้งว่าตนสามารถขยายขนาดของวัตถุสวรรค์และสมบัติปฐพีด้วยตัวเอง!
ทว่าอย่างแรกเขาต้องมีเมล็ดพันธุ์!
เมล็ดพันธุ์!
เยี่ยฉวนค่อยสงบจิตสงบใจลงทีละน้อย เขาไม่สามารถเคลื่อนที่อะไรก็ตามที่อยู่เบื้องหน้าได้อยู่แล้ว เพราะมันมีค่ายกลปกป้องไว้ นี่ถ้าไม่มีของขลังที่ได้จากศิษย์รุ่นพี่ ต่อให้ถอนต้นหญ้าออกเพียงต้นเดียวเขาจะถูกจับได้ทันที
ค่ายกล!
พลันเจ้าตัวกระพือเปลือกตาขณะนึกถึงกฎเต๋าแห่งสุญญากาศ!
กฎเต๋าแห่งสุญญากาศอาจสลายค่ายกลได้!
คิดแล้วเยี่ยฉวนหันซ้ายหันขวา จากนั้นจึงจัดการกระตุ้นพลังกฎเต๋าแห่งสุญญากาศทันที ด้วยพลังกฎเต๋าแห่งสุญญากาศเขาจึงเก็บผลไม้วิเศษขึ้นจากพื้นได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีปฏิกิริยา!
พอได้เห็นกับตาชายหนุ่มหัวใจพองโต จากนั้นเขาเริ่มเลือกเก็บวัตถุสวรรค์และสมบัติปฐพีอันมีอยู่มากมายหลากชนิดขึ้นมา
พวกที่ธรรมดาและคุณภาพไม่ดี แน่ล่ะเยี่ยฉวนไม่ได้อยากได้ พืชพรรณที่เขาต้องการต้องมีระดับขั้นสูงและมีอยู่เป็นจำนวนมาก!
ชายหนุ่มเลือกอยู่เพียงไม่นานก็ได้วัตถุสวรรค์และสมบัติปฐพีทั้งหมด 30 ชนิดและเก็บเอามาชนิดละหนึ่งผลเท่านั้น
หลังจากนั้นเยี่ยฉวนได้นำวัตถุสวรรค์และสมบัติปฐพีเข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำ เขาส่งพืชทั้งหมดให้อาหลิงซึ่งเด็กน้อยถึงกับดีอกดีใจยกใหญ่ ด้วยเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ต่อไปจะกลายเป็นอาหารของนาง
และแล้ววันหนึ่งมีสตรีมาเยือนที่ลานไป้กั๋ว หญิงแปลกหน้าสวมชุดยาวสีขาวล้วน นางมีผมยาวเป็นมันดำสนิทและใบหน้างดงามไร้ที่ติ!
ด้านหลังคนที่ตามมาด้วยกันกับสตรีสวมชุดขาว เป็นบุรุษแต่งกายด้วยผ้าคลุมปักดิ้นไหมทองงดงามตระการตา ทั้งบุคลิกและหน้าตาหล่อเหลาเอาการ
สตรีสวมชุดยาวสีขาวทอดสายตามองไปยังเยี่ยฉวนซึ่งขณะนั้นกำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนแคร่ในลาน พลันต่อมาชายหนุ่มก็รู้สึกตัวเมื่อพบว่ามีคนสองคนปรากฏตัวเข้ามาใกล้ เขารีบดีดตัวลุกขึ้นยืนด้วยรู้สึกประหลาดใจ สีหน้าฉายความฉงนสงสัย
ด้วยเหตุที่ปรากฏแผ่นป้ายตราสัญลักษณ์บนอกเสื้อด้านซ้ายของทั้งคู่ โดยมีตัวอักษรจารึกไว้บนแผ่นป้ายคำว่า ‘ภายใน’
ศิษย์ของสาขาใน!
ชายหนุ่มดึงความคิดกลับมาและยิ้มมุมปากก่อนกล่าวทักออกไป “มีธุระอะไร?”
สตรีสวมชุดยาวสีขาวมองคนตรงหน้าครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบเครื่องรางออกมายื่นต่อหน้าและบอกว่า “พวกเรามาเอาผลไม้ทองคำสามผล!”
เยี่ยฉวนรับเครื่องรางมาและเดินไปยังต้นไม้จิตวิญญาณต้นหนึ่ง และชูเครื่องรางออกไป ทันใดนั้นผลไม้ทองคำสามผลได้ลอยออกจากต้นไม้นั้น ก่อนจะค่อยๆ ลอยมาหยุดนิ่งตรงหน้าเขานั่นเอง
ชายหนุ่มส่งผลไม้ทองคำทั้งสามผลให้กับสตรีสวมชุดยาวสีขาว “เชิญรับไปได้!”
อีกฝ่ายเอื้อมมือออกไปรับผลไม้ที่เยี่ยฉวนส่งให้ ทว่าหญิงสาวกลับปล่อยมือ ซึ่งผลไม้ทั้งสามก็หล่นลงสู่พื้นดิน
สตรีสวมชุดขาวนิ่งหน้าขณะตวัดสายตามองชายหนุ่มเขม็ง พร้อมออกคำสั่ง “เก็บขึ้นมา!”
เยี่ยฉวนสีหน้างงงัน
บ้าฉิบ ขนาดเขาซ่อนตัวอยู่ในที่แบบนี้ยังอุตส่าห์มีคนตามมาหาเรื่องให้อีกงั้นหรือ? ทำไมจึงดวงซวยแบบนี้? ชีวิตนี้จะหาความสงบสุขไม่ได้เลยใช่ไหม?
สตรีสวมชุดขาวขยับเท้าก้าวเข้ามายืนประจันหน้ากับเยี่ยฉวนพลางตวาดเสียงแหว “ข้าบอกให้เก็บขึ้นมา!”
คนที่ยืนอยู่อีกด้าน บุรุษผู้สวมผ้าคลุมปักดิ้นไหมทองปั้นสีหน้าแฝงรอยยิ้ม “เก็บสิ! เก็บเสียทีเถอะน่า!”



