บทที่ 910 : พวกเราจะกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต! (ปลาย)
บริเวณนั้น เหอเหลียนเทียนยืนนิ่งมอง มือข้างขวาค่อยขยับกำหมัดแน่น!
สำนักกระบี่ประกาศศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์!
ข่าวร้ายได้แพร่สะพัดในนครอานุภาพอย่างรวดเร็ว!
สำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์เคยต่างคนต่างอยู่ในนครอานุภาพด้วยความสงบสุขมานานนับพันปี หลายพันปีที่ผ่านมาแม้ทั้งสองฝ่ายจะเคยกระทบกระทั่งกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ หากไม่เคยที่จะประกาศศึกต่อกัน!
ยิ่งกว่านั้น คนในนครทุกคนรู้ดีว่าผู้ก่อตั้งของสำนักกระบี่และสถาบันฝึกยุทธ์เป็นสหายที่ดีต่อกันมาก่อน……
ภายหลังเป็นที่แน่ชัดว่าสำนักกระบี่ประกาศศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์ บรรยากาศภายในนครอานุภาพจึงมีแต่ความตึงเครียดทันที
ด้วยสถาบันฝึกยุทธ์และสำนักกระบี่มีส่วนร่วมกันในนครอานุภาพมาโดยตลอด กองกำลังบางแห่งจึงมีความสัมพันธ์ยึดโยงกับสำนักกระบี่หรือสถาบันฝึกยุทธ์ เมื่อสำนักกระบี่ประกาศศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์ ทำให้กองกำลังเหล่านั้นกลายเป็นศัตรูกันโดยปริยาย
โกลาหลวุ่นวาย!
หลังจากเหตุการณ์ประกาศศึกระหว่างสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์ ความโกลาหลวุ่นวายได้เกิดแก่นครอานุภาพ!
เมื่อก่อนเวลาที่ศิษย์ของสำนักกระบี่และสถาบันฝึกยุทธ์ต่างฝ่ายต่างเผชิญหน้ากัน อย่างมากใช้วาจายียวนกวนประสาทหรือแลกเปลี่ยนปะทะคารมบ้างตามประสา ทว่าตอนนี้ถึงขั้นฆ่าฟันเพื่อกำจัดอีกฝ่ายให้หมดสิ้นไป!
นอกจากนั้น ภายในนครอานุภาพ มีกลุ่มศิษย์สำนักกระบี่ราวสิบคนออกตามล่าศิษย์ของสถาบันฝึกยุทธ์อย่างเมามัน คราใดที่ได้พบ……พวกเขาจะตรงเข้าฟาดฟันจนกว่าอีกฝ่ายดับดิ้นไปทันที!
ต่อมาไม่นานสถาบันฝึกยุทธ์เริ่มโต้กลับ……
ภายในสถาบันฝึกยุทธ์
เหอเหลียนเทียนยืนอยู่เบื้องหน้าอนุสาวรีย์รูปปั้นที่ตั้งอยู่ก่อนทางเข้าหอโถงฝึกยุทธ สายตาทอดมองไปยังรูปปั้นกับมีเสียงรำพึงแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ “ผู้ก่อตั้งขอรับ ท่านเคยกล่าวไว้ว่าสถาบันฝึกยุทธ์ควรเป็นมิตรกับสำนักกระบี่ในทุกยุคทุกสมัย ทว่าเวลานี้สำนักกระบี่ประกาศศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์แล้ว และสถาบันฝึกยุทธ์จำเป็นต้องโต้กลับบ้าง……”
หลังจากนั้นเขาหมุนตัวหันหน้ากลับ
ณ ที่นั้นอันหลานซิ่ว เหลียนว่านลี่ โม่เยี่ยและชายวัยรุ่นอีกคนยืนอยู่เบื้องหน้า ชายวัยรุ่นคนนี้เป็นหนึ่งในยอดฝีมือแห่งสถาบันฝึกยุทธ์ เขามีนามว่าเสี่ยวเฉิน!
ก่อนที่โม่เยี่ยและคนอื่นจะมา เขาคนนี้จัดว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสถาบันฝึกยุทธ์!
เสียงห้าวลึกของเหอเหลียนเทียนเอ่ยกับทุกคนว่า “พวกเจ้าสี่คนเป็นศิษย์ที่มีฝีมือโดดเด่นของสถาบันฝึกยุทธ์ ตอนนี้สำนักกระบี่ประกาศศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์แล้ว เป้าหมายของเราไม่เพียงเจ้าสำนักกระบี่เท่านั้นทว่ารวมถึงศิษย์ด้วย นับแต่นี้พวกเจ้าพาศิษย์ของสถาบันฝึกยุทธ์ออกไปนอกสถาบัน หากพบเห็นศิษย์สำนักกระบี่ที่ไหน สังหารให้สิ้นอย่าให้เหลือรอด!”
เสี่ยวเฉินขณะยืนข้างโม่เยี่ยถามขึ้นทันทีว่า “ท่านจ้าว ไม่เปิดช่องให้ใช้กลยุทธ์เลยหรือขอรับ?”
เหอเหลียนเทียนมองคนถาม “เวลานี้สำนักกระบี่เป็นเริ่มฝ่ายลงมือ……แล้วยังต้องเจรจากับมันไปเพื่ออะไร? สถาบันฝึกยุทธ์ไม่ได้อยากเป็นฝ่ายเริ่มเปิดการศึกก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะกลัวการทำศึกแต่อย่างใด ในเมื่อสำนักกระบี่อยากจะสู้ เราจะน้อมรับการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความเต็มใจ!”
เสี่ยวเฉินได้ฟังคำอธิบายแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้วขอรับ”
ต่อมาไม่นาน อันหลานซิ่วและคนอื่นหันกลับแล้วออกไป
หลังจากที่เห็นว่าทุกคนออกไปหมดแล้ว เหอเหลียนเทียนกล่าวลอยๆ ออกไปในความว่างเปล่า “พวกเจ้าทุกคนตามไปคอยปกป้องพวกเขาอยู่ห่างๆ”
จากนั้นกลุ่มคนในมุมมืดจึงพากันเคลื่อนไหวออกจากสถานที่
ต่อมาเหอเหลียนเทียนออกไปเป็นคนสุดท้าย
…
นอกเขตนครอานุภาพ
ชายชราสวมชุดดำคนหนึ่งยืนพลางเขม้นสายตามองไปยังนครอานุภาพ เขาคือเหยี่ยหลานซึ่งก่อนหน้าได้หลบหนีออกไปด้านนอกเขตนครอานุภาพแล้ว พร้อมกับคนอีกสี่คนยืนประกบอยู่ทางด้านหลัง
คนทั้งสี่ที่กล่าวมานั้นเป็นคนพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าด้วยกันทุกคน!
หากย้อนกลับไปคราวนั้น สำนักกระบี่เป็นผู้ฉกฉวยเอาสมบัติล้ำค่าซึ่งพวกเขาเกือบจะได้ครอบครองไปเสีย จึงเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่พวกเขาจะไม่ยอมวางมือไปโดยง่าย!
ในตอนนั้นมีชายสวมชุดดำปรากฏตัวออกมาตรงหน้าเหยี่ยหลาน และฝ่ายหลังพึมพำแผ่วเบาเพียงสองสามประโยค ครู่ต่อมาชายสวมชุดดำจึงกลับออกไป
พลันเหยี่ยหลานแยกเขี้ยว “สำนักกระบี่มันใจกล้าสิ้นดี ฮ่าฮ่า……”
เสียงใครคนหนึ่งซึ่งเป็นคนพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าถามฝ่ายนั้นทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
ฝ่ายที่ถูกถามเบ้ปากพลางพูดด้วยสำเนียงเยาะหยัน “สำนักกระบี่ประกาศศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์แล้วนั่นสิ!”
ยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋ามองอย่างตกตะลึงก่อนจะพึมพำออกมาว่า “โอ้สวรรค์ พวกเราควรเคลื่อนไหวต่อไปไหม?”
เหยี่ยหลานส่ายหน้า “ปล่อยให้พวกมันตีกันให้หนำใจ รอโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายย่ำแย่จนถึงที่สุด พวกเราค่อยโฉบลงไปกำจัดพวกสำนักกระบี่ให้สิ้นซากในคราวเดียว!”
ยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าพยักหน้าคล้อยตาม “เป็นความคิดที่ดี ส่วนเยี่ยฉวน……”
คนตรงหน้าตอบเสียงขรึม “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น สมบัติล้ำค่าไม่ได้อยู่กับมันเพราะฉะนั้น……ถือว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเรา!”
จากนั้นคนพูดมองเลยไปที่นครอานุภาพ “ข้าอยากจะเห็นเวลาที่หลี่เสวียนเฟิงกับสำนักกระบี่ได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นเหลือเกิน!”
พูดถึงตอนนี้ดูเหมือนเขาจะนึกขึ้นมาได้บางอย่างจึงหันไปถามคนข้างๆ ว่า “มีความคืบหน้าจากผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวหรือยัง?”
ยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าสั่นศีรษะพร้อมปฏิเสธ “ไม่มี จนถึงเดี๋ยวนี้เขายังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น”
เหยี่ยหลานบอกกับอีกฝ่ายเสียงเข้ม “เขาไม่ยอมแพ้ในสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นแน่ คอยจับตาไว้ให้ดี!”
ฝ่ายคู่สนทนาพยักหน้า “เข้าใจแล้ว! ถึงกระนั้นถ้าเขาเคลื่อนไหวขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าพวกเราคงไม่อาจขัดขวาง……”
ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาว!
คนผู้นั้นขึ้นชื่อว่าพลังแข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่งในโลก!
เหยี่ยหลานเสียงแผ่วต่ำ “อย่าห่วงเลย จะต้องมีใครสักคนที่สามารถรับมือกับเขาได้!”
ทันใดนั้นสีหน้าของคนพูดแปรเปลี่ยนวูบ พร้อมกับหันขวับไปทางด้านขวามือทันที “ใครอยู่ตรงนั้น!”
ทางด้านขวาของเขาไม่ไกลนัก คนผู้หนึ่งค่อยๆ เผยตัวออกมา
เขาคือเยี่ยฉวน!
เมื่อเห็นชายหนุ่ม พลันเยี่ยหลานหรี่นัยน์ตาลงเขม้นมอง “เยี่ยฉวน!”
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปตรงหน้าอีกฝ่ายและพวกคนอื่นๆ “ว่าไง ทุกคน!”
เหยี่ยหลานจ้องเขม็ง มุมปากกระตุก “เยี่ยฉวน พวกเราไม่ได้อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเจ้า”
คนพูดออกจะกลัวๆ ชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย!
ไอ้หนุ่มคนนั้นมันใช้ทักษะกาลสังหารฆ่าคนขั้นไขว่คว้าเต๋าหน้าตาเฉย!
ก่อนหน้านั้นเขาปะทะกับเยี่ยฉวนก็เพราะมีสมบัติล้ำค่า ทว่าเดี๋ยวนี้ของล้ำค่าไม่ได้อยู่กับเจ้าหนุ่มนั่นอีกแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนผู้นี้อีก
เยี่ยฉวนพูดหน้าตาเฉย “ข้าอยากร่วมมือกับพวกเจ้า!”
หัวคิ้วของเหยี่ยหลานขมวดมุ่น “เจ้านั่นหรืออยากร่วมมือกับเรา?”
ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยัน “ถูกต้อง!”
เมื่อพูดพลางสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดุดัน “สำนักกระบี่ไม่เพียงขโมยสุดยอดสมบัติล้ำค่าของข้าไปเท่านั้น ทว่ายังใส่ร้ายหาว่าฉกของล้ำค่าไปอีก ยิ่งกว่านั้นยังพยายามจะจับตัวน้องสาวของข้าหวังจะใช้นางมาข่มขู่……อย่างนี้แล้วจะทนไหวอย่างไร?”
คนพูดหยุดคิดก่อนจะหันไปทางเหยี่ยหลาน “ข้าไม่ได้อยากได้สมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น แค่อยากทำลายสำนักกระบี่! และสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือช่วยคุ้มกันและขัดขวางยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าเวลาที่พวกมันเข้ามารุมทำร้ายข้าก็พอ……จะว่าอย่างไร?”
เหยี่ยหลานเขม้นสายตามองชายหนุ่มพลางถามย้ำ “เจ้าบอกว่าไม่อยากได้สมบัติล้ำค่าจริงหรือ?”
เยี่ยฉวนหน้าเครียดขรึม น้ำเสียงจริงจังขณะพูดว่า “พวกเราผู้ฝึกกระบี่ไม่เคยโกหก!”



