บทที่ 934 : ทุกคนยอมได้แม้จะต้องสูญเสียและตาย! (ต้น)
คุณหนูใหญ่ไม่คาดคิดว่าเยี่ยฉวนจะทิ้งแล้วหนีไป!
แสดงว่าชายหนุ่มมองเจตนาของนางออกทะลุปรุโปร่ง!
ขณะที่บรรยากาศโดยรวมในที่นั้นออกจะกระอักกระอ่วนพิกล
ควรทำลายสำนักกระบี่หรือไม่?
คุณหนูใหญ่เงียบเสียงไป
ถ้าเลือกจัดการ……สำนักกระบี่จะต้องตอบโต้อย่างเต็มกำลังและเผ่าถังอาจต้องชดใช้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกนางจะเกิดเรื่องพิพาทกับสำนักกระบี่เวลานี้เป็นจุดที่ต่ำที่สุดของสำนักกระบี่แล้ว ถ้าเลือกไม่ทำเสียตอนนี้ อีกฝ่ายจะฟื้นกลับคืนขึ้นได้ใหม่วันใด ถึงตอนนั้นจะต้องชดใช้ครั้งใหญ่เพราะผลจากการที่ตนบุกมาเฉกเช่นครานี้
ควรจะทำไหม?
หรือว่าไม่?
คุณหนูใหญ่ครุ่นคิดอย่างลังเล
ภายในบริเวณ ทุกคนทางฝ่ายสำนักกระบี่มองไปยังสตรีที่ลอยตัวอยู่เบื้องหน้า การตัดสินใจของนางในครั้งนี้จะเป็นการชี้ชะตาให้แก่สำนักกระบี่!
ขณะนั้น เยว่อู่เฉินสีหน้าหมดหวัง ว่าตามตรงเขารู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆ
สำนักกระบี่อยู่รอดได้โดยขอช่วยเหลือจากผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด?
ถึงอย่างไร ครั้งนี้สุดความสามารถที่สำนักกระบี่จะต้านทาน!
……เพราะพวกเขาต่อสู้กับสถาบันฝึกยุทธ์อย่างหนักหน่วงแล้ว มีทั้งค่ายกลขนาดใหญ่ๆ และจิตวิญญาณของผู้ก่อตั้งก็พอที่จะทำให้ปกป้องตนเองได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม พลังของสำนักกระบี่ถดถอยจนอ่อนล้ากำลังลงเป็นอันมาก ไม่อาจทุ่มสุดกำลังเพื่อต่อสู้ต้านทานเผ่าถัง!
ดังนั้นถ้าทำได้ การเลี่ยงการปะทะน่าจะดีที่สุด!
สิทธิในการตัดสินใจไม่ได้อยู่กับสำนักกระบี่ ทว่าอยู่ที่เผ่าถังต่างหาก!
ทันใดนั้น เหยี่ยหลานซึ่งยืนอยู่ข้างๆ คุณหนูใหญ่พูดกับฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู ถ้าไม่ตัดสินใจทำลายสำนักกระบี่เสียในตอนนี้ สักวันพวกมันจะย้อนกลับมา… อีกอย่างสำนักกระบี่ก่อตั้งมานาน ถ้าฉวยเอาทรัพย์สินที่เก็บซ่อนไว้มา… ท่านก็รู้ว่าเผ่าถังเรากำลังขยายตัวและกำลังพัฒนา เวลานี้จึงจำเป็นต้องใช้เงินใช้ทองอย่างยิ่ง ถ้าได้ทรัพย์สินของสำนักกระบี่เข้ามาเพิ่ม ต่อไปไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกนานหลายปีทีเดียว!”
คุณหนูใหญ่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เหยี่ยหลานเอ่ยมาเข้าหูอีกฝ่ายว่า “ยิ่งกว่านั้น สำนักกระบี่ต้องสมคบกับชุมนุมผู้คุมกฎเป็นแน่ ถ้าปล่อยไปวันนี้ พวกเขาจะตามไปสมทบกับชุมนุมผู้คุมกฎอย่างแน่นอน! ต่อไปถ้าเรามีความขัดแย้งกับชุมนุมผู้คุมกฎ สำนักกระบี่ต้องแก้เผ็ดหาทางต่อต้านอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะฉะนั้น อยากจะแนะนำให้ทำลายสำนักกระบี่ทันที เมื่อมีได้ก็อาจต้องมีเสีย เวลานี้สำนักกระบี่ไม่มีร่างอวตารของผู้ก่อตั้งแล้ว ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะฉวยจู่โจมทำลายมันเสีย!”
หลังจากนั้น อีกฝ่ายมีอาการลังเลก่อนจะเอ่ยต่อมาว่า “คุณหนู แม้ว่าจะทำลายสำนักกระบี่แล้ว ภายหลังกลับพบว่าสมบัติล้ำค่าไม่อยู่ในมือของสำนักกระบี่ เราค่อยตามหาเยี่ยฉวนอีกครั้ง……นั่นยังไม่สายเกินไป ทว่าหากไม่ทำลายสำนักกระบี่เสียในตอนนี้ วันหนึ่งสำนักกระบี่ เยี่ยฉวนและสถาบันฝึกยุทธ์เกิดหันไปจับมือกัน และยิ่งมีผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวเข้ามาผสมโรงด้วย……จะยิ่งกลายเป็นภัยร้ายแรงสำหรับฝ่ายเรา ถ้าสำนักกระบี่ถูกทำลายลงเสียแล้ว จากนั้นแค่จัดการกับเยี่ยฉวน อย่างไรเสียสถาบันฝึกยุทธ์คงไม่ออกมาปกป้องเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้น การกำจัดเขาจะกลายเป็นเรื่องง่าย ต่อให้สถาบันฝึกยุทธ์อ้าแขนปกป้อง……การตามจับตัวเยี่ยฉวนก็ไม่ยากอยู่ดี”
สายตาของคุณหนูใหญ่ตวัดมองไปยังเยว่อู่เฉินที่อยู่ห่างไกล “ข้าสงสัยว่าบางที……พวกเจ้าอาจสนใจจะร่วมมือกับเผ่าถังเราบ้าง!”
ทันทีที่ได้ยิน ทุกคนในที่นั้นหันมามองผู้พูดเป็นตาเดียว
เหยี่ยหลานก็เช่นกัน เขาหันขวับไปมองคุณหนูใหญ่ด้วยแววตาคาดไม่ถึงต่อสิ่งที่ได้ยิน!
คุณหนูใหญ่คนนี้ใจคอเหี้ยมเกรียมเสียยิ่งกว่าตนเสียอีก!
นางอยากเอาชนะสำนักกระบี่ขั้นเด็ดขาดสินะ?
ประโยคที่ออกจากปากของคุณหนูใหญ่ที่เยว่อู่เฉินได้ยิน ทำให้สีหน้าคนฟังถึงกับบึ้งตึงและเย็นชาไปทันที “เจ้าจะให้สำนักกระบี่ยอมอ่อนน้อมต่อเผ่าถังงั้นหรือ?”
หญิงสาวบิดมุมปากยกยิ้ม “นายท่าน ข้าแค่อยากให้สำนักเจ้ามาร่วมมือกับเราดีๆ เท่านั้น”
เสียงเยว่อู่เฉินย้อนถามอย่างเยาะหยัน “เหอะ……ร่วมมืองั้นหรือ? เจ้าทำได้อย่างที่พูดจริงหรือ?”
สีหน้าของคุณหนูใหญ่ยังเจือไปด้วยรอยยิ้ม “ดูท่าว่าสำนักเจ้าคงไม่ได้ตั้งใจที่จะร่วมมือกับพวกเราเลยสินะ”
เยว่อู่เฉินเหลือบตามองลงไปยังกลุ่มศิษย์สำนักกระบี่ที่รวมกันด้านล่าง “พวกเจ้ามีใครอยากยอมแพ้บ้าง?”
ยอมแพ้?
ทันใดนั้นบรรดาศิษย์สำนักกระบี่พึมพำขึ้นพร้อมกันเสียงดังกระหึ่ม “พวกเราขอตายในสนามรบขอรับ!”
เยว่อู่เฉินหันกลับไปบอกกับคุณหนูใหญ่ “เจ้าเห็นเจตจำนงของคนสำนักกระบี่หรือยัง?”
อีกฝ่ายโต้กลับเสียงขรึมเคร่ง “พวกเจ้าขอตายในที่รบ? ดี ข้าจะช่วยให้สมพรปรารถนา”
ว่าแล้ว นางแบมือออกไปข้างหน้า เผยให้เห็นเครื่องรางส่งสัญญาณตรงกลางฝ่ามือ ในเวลานั้นเอง เยว่อู่เฉินหายวับไปจากที่ที่อยู่ไม่ห่างจากนางมากนัก ก่อนคลื่นพลังแห่งลำแสงกระบี่จะปรากฏแล้วฟาดใส่สตรีตรงๆ!
เห็นได้ชัดว่า เยว่อู่เฉินต้องการฉวยความได้เปรียบจากการเป็นฝ่ายเริ่มลงมือ!
นับตั้งแต่เผ่าถังแสดงเจตนาว่าไม่ต้องการปล่อยพวกเขาไป สำนักกระบี่ต้องหาโอกาสชิงความได้เปรียบ แล้วลงมือก่อนที่ยอดฝีมือของเผ่าถังที่ตามไล่หลังจะมาถึง!
เยว่อู่เฉินเคลื่อนไหวรวดเร็วนัก เขาใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวก็เข้าประชิดคุณหนูใหญ่เสียแล้ว
ฝ่ายหลังท่าทีสงบนิ่งและไม่หลีกหลบแต่อย่างใด!
เมื่อเยว่อู่เฉินเข้ามาใกล้จนเหลือระยะห่างจากร่างของสตรีราวสองจั้ง พลันตรงเบื้องหน้าของเยว่อู่เฉินปรากฏเงาดำวูบวาบ ขณะนั้น กระบี่แบนกว้างฟาดลงมาอย่างรุนแรงเข้าที่ส่วนปลายกระบี่ของเขา
เปรี้ยง!
ส่งให้ร่างของเยว่อู่เฉินผงะถอยจากที่เดิมไปทันที!
สายตาทุกคู่มองไปยังจุดจุดเดียว รูปร่างของบุรุษสวมชุดเกราะยืนจังก้าอยู่ข้างหน้าคุณหนูใหญ่ ร่างประหลาดใหญ่โตกว่าคนธรรมดาราวสองเท่า สวมหมวกเหล็กปิดบังใบหน้าที่แท้จริงไว้อย่างมิดเม้น
นอกจากนั้น ที่เอวเหน็บกระบี่ซึ่งยังอยู่ในฝักอีกเล่ม!
เยว่อู่เฉินเพ่งมองร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้า สายตาส่อเค้าหม่นเศร้า
เวลานั้นคุณหนูใหญ่เอ่ยถามทันที “พวกเจ้าสำนักกระบี่จะยอมแพ้หรือไม่?”
จากนั้น รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของผู้พูด “ถ้าถามตอนนี้พวกเจ้าคงปฏิเสธอย่างแน่นอน งั้นคอยเดี๋ยว!”
ว่าแล้ว นางแบฝ่ามือเผยออกไป พลันเครื่องรางส่งสัญญาณกลางฝ่ามือข้างนั้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
ทันใดนั้น กลางท้องฟ้าเหนือหลังคาสำนักกระบี่ ปรากฏทหารม้ากลุ่มหนึ่งทยอยพุ่งออกมาตามรอยแยกของชั้นอากาศ!
กองทัพม้าแห่งเผ่าถัง!
ทั้งหมดมีด้วยกันสิบหกม้า!
อีกอย่างยังปรากฏยอดฝีมือสวมเครื่องแต่งกายเข้ารูปสีดำทะมึน ทุกคนถืออาวุธสีดำเป็นคันธนูไว้ในมือ
ฝูงชนอีกเก้าคน!
เมื่อคนสำนักกระบี่เห็นพวกที่โผล่เข้ามา สีหน้าท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง…
ไม่ต่างอะไรกับอู่เวิ่นรวมทั้งคนของสถาบันฝึกยุทธ์ แต่ละคนสีหน้าหมองคล้ำไปตามกัน
ระดับสุดยอดฝีมือถึงสามสิบเจ็ดคน!



