Skip to content

คู่แฝดแสบสุดขั้ว 2

Cover Kf

Chapter 2

เลขาคนใหม่

คำตอบของพี่สาวทำให้จิตตรีดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น จากนั้นเธอก็รีบพูดเสี้ยมว่า “แต่แหม…คุณพี่ก็ช่างกระไรยอมหย่าให้ง่ายจัง อย่างนี้แสดงว่าคุณพี่ไม่ได้รักพี่จิตตราเลยล่ะซิถึงได้ไม่หึงไม่หวงเลยซักนิดที่พี่จิตตราจะแต่งงานใหม่ จิตตรีล่ะสงสารพี่จิตตราจริงๆ เห็นไหมล่ะคะจิตตรีพูดผิดซะที่ไหน สุดท้ายพี่จิตตราก็ต้องขอหย่าจนได้ นี่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ท่านคงนึกเสียใจแล้วก็โทษตัวเองอยู่แน่ๆ เลยที่ไม่น่าจับพี่จิตตราคลุมถุงชนเลย เฮ้อ…”

คุณหญิงจิตตรานั่งฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าอตีดสามีนั้นรักเธอมากต่างหากจึงยอมหย่าให้แต่โดยดี แต่เรื่องอะไรจะต้องพูดให้น้องสาวฟังด้วยล่ะเพราะรู้ดีแก่ใจว่าจิตตรีนั้นคิดอะไรอยู่ รู้ทั้งรู้ว่าน้องสาวพยายามให้ท่าพี่เขยอยู่ตลอดเวลาก็ไม่เคยพูด ได้แต่เก็บเอาไว้อยู่ในใจ

“เอ่อ…แล้วพี่จิตตราจะแต่งงานใหม่เมื่อไหร่คะ?” จิตตรีถามด้วยความอยากรู้ คุณหญิงจิตตราตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก็คงเร็วๆ นี้แหละจ้ะ แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ รอให้ทอมสันเขาบินมาก่อนน่ะ”

เธอบอกแล้วก็ถือแก้วน้ำไปไว้ในครัว เมื่อกลับเข้าไปในห้องก็เห็นน้องสาวกำลังยืนคุยโทรศัพท์ตวาดแว้ดๆ เสียงดังว่า “อีเดือน แกนี่มันโง่จริงๆเล้ย! ก็บอกมันไปซิว่าไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน แล้วก็อย่าสะเออะเปิดบ้านให้มันเข้ามานั่งรอล่ะนังโง่”

จิตตรีวางสายฉับ! พร้อมกับบ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง “โอ้ย…โง่จริงๆ เลยอีนี่ ปล่อยให้มันมาทวงอยู่ได้ ไอ้เสี่ยนี่ก็พูดไม่รู้เรื่องเล้ย! ก็บอกแล้วว่าอีกสองวันๆ เสือกส่งคนมาตามทวงอยู่ได้ น่ารำคาญจริงๆ!”

คุณหญิงจิตตราถอยหลังไปนิดยังไม่เดินเข้าไปในห้องรับแขกรอจนไม่ได้ยินเสียงน้องสาวแล้วจึงเดินเข้าไปใหม่ด้วยสีหน้าราบเรียบเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย จิตตรีหันไปเห็นเข้าก็สะดุ้งตกใจ “อุ้ย! พี่จิตตราเดินเข้ามาเงียบๆ จิตตรีตกใจหมดเลย”

“อ้าว ก็แล้วจะให้พี่เดินดังๆ เอะอะมะเทิ้งมารึไงล่ะจ๊ะ” คุณหญิงจิตตราย้อนถาม จิตตรีได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อนนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม “แหมไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะ ก็จิตตรี…เอ่อ…”

เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีว่า “พี่จิตตราคะ จิตตรีอยากจะขอยืมเงินพี่ซักหน่อยน่ะค่ะ”

ทำให้คุณหญิงจิตตราถามอย่างเอือมระอาว่า “นี่ไปเข้าบ่อนอีกแล้วใช่ไหม?”

“…” จิตตรีนั่งนิ่งไม่ยอมตอบ คุณหญิงจิตตราเทศนาน้องสาวแม้จะรู้ว่าพูดไปเท่าไหร่คนเป็นน้องก็ไม่เคยฟัง “พี่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เลิกไปบ่อนซักทีทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างฮึจิตตรี แล้วเที่ยวนี้จะเอาเท่าไหร่ล่ะ?”

แม้จะเอือมระอาแต่ถึงอย่างไรจิตตรีก็ยังเป็นน้องของเธอผู้มีสายเลือดเดียวกันแล้วจะให้ทิ้งขว้างไม่ดูดำดูดีได้ยังไงกัน จิตตรีรีบประจบพี่สาวทันที “จิตตรีขอยืมซักสองแสนค่ะเผอิญว่าช่วงนี้เงินมันช็อตหมุนไม่ทันจริงๆ ค่ะ”

คุณหญิงจิตตรามองน้องสาวนิ่งแล้วถอนหายใจด้วยความเอือมระอา “เฮ้อ…”

เธอเปิดกระเป๋าถือหยิบสมุดเช็คมาเซ็นต์ให้ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เคยได้คืนเลยแม้แต่ครั้งเดียว “เลิกเข้าบ่อนเถอะนะจิตตรีการพนันมันมีแต่ทำให้ล่มจม มันไม่เคยทำให้ใครร่ำรวยได้หรอกนะเลิกเล่นซะเถอะนะพี่ขอร้อง”

จิตตรีนิ่งฟังพี่สาวพูดแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอย่างไม่โต้แย้งเลยซักนิดขอเพียงให้พี่ยอมให้ยืมเงินก็พอ

หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่คุณหญิงจิตตราหย่าร้างกับพลเอกณรงค์ฤทธิ์แล้ว เธอก็เข้าพิธีแต่งงานกับทอมสันอย่างเงียบๆ ท่ามกลางญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน ปฐวีก็ไปร่วมงานด้วย ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากจะไปเลยซักนิด แต่เขาก็จำใจไปเพราะไม่อยากเห็นแม่เป็นทุกข์

หลังจากนั้นคุณหญิงจิตตราก็ย้ายไปอยู่แคนนาดากับสามีใหม่ ส่วนพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็กลายเป็นพ่อหม้ายเนื้อหอมขึ้นมาทันที วันๆ มีแต่สาวน้อยสาวใหญ่แวะเวียนมาทอดสะพานให้จนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอดีตน้องเมีย จิตตรีแวะเวียนไปทอดสะพานให้ท่าอดีตพี่เขยไม่เว้นแต่ละวันด้วยความหวังว่าจะได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านเดชารงค์แทนพี่สาว ซึ่งเธอจ้องจะงาบอดีตพี่เขยอยู่เป็นประจำหากโอกาสเอื้ออำนวย จนพลเอกณรงค์ฤทธิ์ขยาดไม่กล้าอยู่กับอดีตน้องเมียตามลำพัง

“คุณพี่ขา วันนี้จิตตรีซื้อเป็ดปักกิ่งมาฝากค่ะ” จิตตรีบอกขณะที่เดินไปหาอดีตพี่เขย พลเอกณรงค์ฤทธิ์ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือธรรมะอยู่เพลินๆสะดุ้งเฮือก! หยึ๋ย!…มาอีกแล้ว!

เขารีบเงยหน้าไปพูดด้วยอย่างจำใจด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เหรอครับ ขอบคุณมากครับ”

จิตตรียิ้มหน้าบาน หันไปยื่นถุงเป็ดปักกิ่งส่งให้คนรับใช้ “เอ้า…แม่นิ่ม เอาไปใส่จานแล้วเดี๋ยวยกมาขึ้นโต๊ะเลยนะ”

“ค่ะ” นิ่มนวลรับถุงเป็นปักกิ่งจากจิตตรีแล้วก็ลุกขึ้นเดินเอาไปส่งให้เด็กรับใช้ “ฟองจันทร์เอาไปใส่จานแล้วยกมาตั้งโต๊ะ แล้วทำดีๆ จัดให้สวยๆ ล่ะ”

“จ้าป้านิ่ม” ฟองจันทร์รับถุงเป็ดปักกิ่งไปแล้วก็รีบเดินเข้าครัวไป นิ่มนวลรีบเดินกลับไปนั่งอยู่ใกล้ๆ เจ้านาย

“แม่นิ่มจะไปไหนก็ไปเถอะ” จิตตรีไล่ นึกโมโหที่คนรับใช้มานั่งเสนอหน้าเป็นก้างขวางคอเธออยู่ได้ นิ่มนวลย้อนถามหน้าตาย “จะให้ดิฉันไปไหนล่ะคะ ท่านสั่งว่าให้อยู่ใกล้ๆ คอยรับใช้เผื่อท่านจะเรียกใช้อะไรจะได้ไม่ต้องเรียกหาให้เสียเวลานี่คะ”

ใบหน้าที่พอกเครื่องสำอางไว้จนหนาของจิตตรีจึงเปลี่ยนสีทันควัน หนอย…อีนิ่ม!

แต่เพียงแวบเดียวเธอปรับสีหน้าเป็นปกติตามเดิม แล้วก็หันไปถามพลเอกณรงค์ฤทธิ์ว่า “คุณพี่คะ แล้วนี่ตาวีไปไหนคะเนี่ย?”

“เจ้าวีมันไปสถานทูตครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ตอบเสียงเรียบ พลัน! เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น เขารีบล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายพร้อมกับหันมาบอกจิตตรีว่า “ขอตัวก่อนนะครับ”

แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมหน้าต่าง “สวัสดีครับท่าน”

จิตตรีเห็นสีหน้าของพลเอกณรงค์ฤทธิ์เคร่งเครียดขึ้นมาฉับพลันทันด่วน! เธอได้ยินแต่เสียงของเขาพูดโทรศัพท์ว่า “ครับท่าน ครับ จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”

แล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วเดินไปพูดกับจิตตรีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดคิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน “ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะคุณพี่” จิตตรีรีบยกมือไหว้ เธออยากจะถามเขาว่าใครโทรมา แต่ก็ไม่กล้าถาม ได้แต่นึกเสียดายโอกาสพร้อมกับก่นด่าอยู่ในใจว่า โธ่โว้ย! วันหยุดแท้ๆ มันเป็นใครกันนะ เสือกจะต้องโทรมาเรียกหาคุณพี่ตอนนี้ทำหอกอะไรว่ะ มันน่านักเชียว!

แล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็สั่งนิ่มนวลว่า “คุณนิ่มไปสั่งให้นพเอารถออกเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

“ค่ะคุณท่าน” นิ่มนวลรับคำแล้วเดินไปกดอินเตอร์คอมทันที “นพ นพ นพ”

“ครับป้านิ่ม” เสียงคนขับรถตอบกลับมา นิ่มนวลรีบบอกว่า “เอารถออกเร็ว ท่านจะไปข้างนอก”

“ครับป้านิ่ม” เสียงคนขับรถรับคำ พลเอกณรงค์ฤทธิ์เดินไปรออยู่หน้าตึกทันที โดยมีนิ่มนวลและจิตตรีเดินตามไปด้วย

ไม่นานนักรถเบนซ์ฯสีน้ำเงินเงาวับก็มาจอดหน้าบันได นิ่มนวลรีบเดินไปเปิดประตูรถด้านหน้าข้างคนขับให้เจ้านายทันที เพราะเจ้านายของเธอไม่ชอบนั่งข้างหลังซึ่งเป็นนิสัยส่วนตัวที่หากไม่ขับเองก็ต้องนั่งข้างหน้า ยกเว้นเวลาออกงานไปไหนมาไหนอย่างเป็นทางการพลเอกณรงค์ฤทธิ์จึงจะยอมนั่งข้างหลัง พลเอกณรงค์ฤทธิ์รีบเดินไปนั่งในรถฉับ! นิ่มนวลรีบปิดประตูรถให้ หลังจากนั้นคนขับรถก็ขับรถออกจากบ้านไปพร้อมกับหันไปถามเจ้านายว่า “ท่านจะให้ไปไหนครับ?”

“ไปวัดดีกว่า เงียบสงบดีไร้คนรบกวน” พลเอกณรงค์ฤทธิ์สั่งแล้วก็ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบแบงค์ใบละพันออกมาใบนึงยื่นส่งให้นายนพ “เอ้า…เอาไป  นี่รางวัลที่นพรีบโทรไปเมื่อกี้นี้”

“ขอบคุณครับท่าน” นพรับเงินจากเจ้านายใส่กระเป๋าเสื้อของตัวเองพร้อมกับพูดไปขำไปว่า “หุๆๆๆ…ป่านนี้คุณจิตตรีคงจะกระฟัดกระเฟียดกลับบ้านไปแล้วล่ะครับท่าน”

“เออ ให้รีบๆ กลับไปเถอะ แล้วก็อย่าเผลอไปพูดให้ใครฟังล่ะว่าเป็นนพเองที่โทรหาฉัน” พลเอกณรงค์ฤทธิ์กำชับกับนพ เพราะถ้าอดีตน้องเมียรู้เข้า แผนหลบคุณเธอก็แตกกันพอดี

ณ บริษัทเดชารงค์ หน้าห้องประธานกรรมการของบริษัท โชติรสเลขาผิวคล้ำกำลังเดินอุ้ยอ้ายๆ อยู่หลังโต๊ะทำงานเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนกว่าแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณโรส ท่านอยู่หรือเปล่าคะ?” สมศรีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเดินเข้าไปถามโชติรส โชติรสรีบหันไปตอบว่า “อยู่ค่ะคุณสมศรี”

“ดีเลยค่ะ สมศรีจะได้พาเลขาคนใหม่ที่จะมาทำงานแทนช่วงที่คุณโรสลาคลอดมาพบท่านน่ะค่ะ” สมศรีบอกกับเลขา แล้วก็หันไปพูดกับสาวน้อยหน้าใสที่เดินตามเธอมาพลางรีบแนะนำว่า  “น้องพะพิมคะ นี่คุณโรสเลขาของท่านประธานค่ะ”

สาวน้อยหน้าใสชื่อ ‘พะพิม’ รีบยกมือไหว้โชติรส “สวัสดีค่ะคุณโรส”

โชติรสรับไหว้แล้วมองสำรวจเลขาคนใหม่ที่จะมาทำงานแทนตัวเอง แล้วหันไปถามสมศรีว่า “คุณสมศรีคะ คนนี้เหรอคะที่จะมาทำงานแทนโรส?”

“ก็ใช่ซิคะคุณโรส” สมศรีตอบแล้วก็ถามว่า “ทำไมเหรอค่ะคุณโรส?”

“ก็น้องเขาดูยังเด็กมากน่ะซิคะ จะทำงานไหวเหรอคะ? ไม่ใช่ว่าทำวันเดียวแล้วก็เผ่นหายนะคะ”โชติรสกระซิบกับสมศรี สมศรีรีบกระซิบตอบ “ก็คนนี้แหละค่ะคุณสมบัติตรงตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง โสด ทนงาน ทำงานนอกสถานที่ได้ หน้าตาท่าทางฉลาดๆ ไม่ปากมาก อย่างที่ท่านต้องการไงคะ แล้วน้องเขาก็จบเลขามาโดยตรงด้วยนะคะ เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาฯ เชียวนะคะ”

“งั้นคุณสมศรีก็พาไปพบท่านก่อนเถอะค่ะ แต่โรสว่าเดี๋ยวท่านต้องติเหมือนอย่างที่โรสพูดแน่ๆ ค่ะ” โชติรสบอก ทำให้สมศรีเริ่มไม่มั่นใจ “ก็ต้องแล้วแต่ท่านล่ะค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวโรสเรียนท่านให้นะคะ” จากนั้นโชติรสก็กดอินเตอร์คอมบนโต๊ะ “ท่านคะ คุณสมศรีจากฝ่ายบุคคลมาขอพบค่ะ”

“ครับคุณโรส เชิญคุณสมศรีเข้ามาได้เลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมา สมศรีจึงพูดว่า “งั้นสมศรีขอตัวก่อนนะคะ”

แล้วเธอก็หันไปพูดกับเลขาคนใหม่ว่า “น้องพะพิมรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ”

สาวน้อยหน้าใสพะพิมรีบพยักหน้ารับ “ค่ะ”

สมศรีเคาะประตู รอจนได้ยินเสียงว่า “เชิญครับ”

แล้วเธอก็ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องท่านประธาน

ภายในห้อง พลเอกณรงค์ฤทธิ์กำลังง่วนอยู่กับแฟ้มเอกสารตรงหน้า สมศรียกมือไหว้ “สวัสดีค่ะท่าน”

“สวัสดีครับคุณสมศรี” พลเอกณรค์ฤทธิ์ยิ้มให้สมศรี ทำให้สมศรีซึ่งทำงานมานานกล้าแซวว่า “แหม…วันนี้ท่านอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะคะ”

“อ้าว…แล้วจะให้ผมอารมณ์เสียหรือไงครับคุณสมศรี?” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ย้อนถามล้อเล้น สมศรีค้อนขวับ! “แหม…ท่านล่ะก็…ชอบแกล้งสมศรีเรื่อยเลย”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ล้อเล่นกับสมศรีพอหอมปากหอมคอแล้วก็ถามเป็นการเป็นงานว่า “คุณสมศรีครับเรื่องเลขาคนใหม่ที่จะมาทำงานแทนคุณโรสหาได้หรือยังครับ?”

“ได้แล้วค่ะท่าน ตอนนี้รออยู่หน้าห้องค่ะ ท่านจะให้เข้าพบเลยไหมคะ? หรือว่าจะให้ไปฝึกงานกับคุณโรสเลยคะ?” สมศรีตอบพร้อมกับยื่นแฟ้มประวัติเลขาคนใหม่วางบนโต๊ะ พลเอกณรงค์ฤทธิ์หยิบแฟ้มไปเปิดดูแล้วบอกสมศรีว่า “ก็ให้เข้ามาพบเลยซิครับจะได้ทำความรู้จักกันไว้ แล้วเดี๋ยวจะได้ส่งไปฝึกงานกับคุณโรส”

“ค่ะท่าน” สมศรีรับคำแล้วก็เดินไปเปิดประตูห้องเรียกเลขาคนใหม่ “น้องพะพิมคะ เชิญค่ะ”

เลขาคนใหม่เดินเข้าไปในห้องท่านประธาน พลเอกณรงค์ฤทธิ์วางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วมองสำรวจเลขาคนใหม่ สมศรีจึงรีบแนะนำตัวว่า “ท่านคะ นี่น้องพิมพิราเลขาคนใหม่ของท่านค่ะ”

พะพิมหรือชื่อจริงว่า ‘พิมพิรา’ ยกมือไหว้ด้วยกริยาอ่อนช้อยพร้อมกับแนะนำตัวเองว่า “สวัสดีค่ะท่าน ดิฉันชื่อพิมพิรา เมธากุลค่ะ”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์รับไหว้พร้อมกับมองเลขาคนใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วหันไปพูดกับสมศรีว่า “อายุยังน้อยอยู่เลยนะครับคุณสมศรี เพิ่งจบมาหมาดๆ เลยนี่ครับ ประสบการณ์ก็ยังไม่มี จะสู้งานไหวหรือครับ?”

สมศรีหน้าจ๋อย น่าน…เหมือนที่คุณโรสพูดเป๊ะ!

เธอรีบอวดอ้างสรรพคุณของเลขาคนใหม่ให้ท่านประธานฟังว่า “ก็น้องพะพิมนี่แหละค่ะคุณสมบัติตรงตามที่ท่านต้องการไงคะ โสด ทนงาน ทำงานนอกสถานที่ได้ หน้าตาท่าทางฉลาดๆ ไม่ปากมาก อย่างที่ท่านบอกไงคะ แล้วน้องพะพิมเขาก็สอบผ่านเป็นที่หนึ่งเลยนะคะ แล้วเขาก็จบเลขามาโดยตรงด้วยค่ะ เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาฯเชียวนะคะท่าน แล้วทางฝ่ายบุคคลเองก็ลงความเห็นว่าน้องเขาน่าจะทำงานให้ท่านได้ค่ะ สมศรีว่าลองให้น้องเขาทดลองงานดูก่อนนะคะ แล้วถ้าท่านไม่พอใจสมศรีจะหาคนใหม่ให้ค่ะ”

“งั้นก็เอาตามที่คุณสมศรีว่าล่ะกัน” พลเอกณรงค์ฤทธิ์บอกเสียงเรียบ สมศรีสบโอกาสก็รีบขอตัวทันที “ถ้างั้นสมศรีขอพาน้องเขาไปฝึกงานกับคุณโรสเลยนะคะ”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์พยักหน้าอนุญาต สมศรีรีบไหว้ลาท่านประธาน “สมศรีขอตัวก่อนนะคะ สมศรีลาล่ะค่ะท่าน”

แล้วเธอก็หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณกับพิมพิราให้ลาท่านประธาน พิมพิราจึงย่อตัวไหว้ด้วยกริยาอ่อนช้อยเช่นเดิม แล้วสมศรีก็รีบจูงมือพิมพิราออกจากห้องท่านประธานไปโดยเร็ว พลเอกณรงค์ฤทธิ์มองตามพร้อมกับคิดในใจว่า หน้าตาท่าทางก็ใช้ได้อยู่หรอก แต่ตัวเล็กๆ ผอมๆ แบบนี้จะไหวรึ? เพิ่งจะเรียนจบมาประสบการณ์ก็ยังไม่มี อายุยังไม่ถึง 25 ด้วยซ้ำ อ่อนกว่าเจ้าวีแค่ 2 ปีเอง เดี๋ยวก็คงจะได้หาคนใหม่แหงๆ เฮ้อ…

เมื่อออกจากห้องท่านประธานมาแล้วสมศรีก็พาพิมพิราไปฝึกงานกับโชติรส โชติรสรีบถามว่า “ท่านว่ายังไงบ้างล่ะคุณสมศรี?”

สมศรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ…”

แล้วก็ตอบว่า “ท่านก็ถามเหมือนคุณโรสนั่นแหละค่ะว่า จะไหวรึ ท่านติว่าอายุน้อย ยังไม่มีประสบการณ์ แต่ท่านก็ให้ลองทำดูก่อนค่ะ”

โชติรสพยักหน้ารับรู้ “เห็นไหมล่ะคะ โรสว่าแล้วเชียว โรสล่ะคิดไว้เลยเชียวว่าเดี๋ยวท่านให้หาคนใหม่แหงๆ แต่ก็ยังดีนะคะที่ท่านให้ลองทำงานก่อนน่ะค่ะ”

แล้วเธอก็หันไปพูดกับพิมพิราว่า “เพราะฉะนั้นน้องพะพิมต้องตั้งใจทำงานนะคะ งานดีๆ สมัยนี้มันหายากจะตายไปค่ะ”

“ค่ะคุณโรส” พิมพิรารับคำ ยิ้มสดใส แล้วบอกกับตัวเองว่า จะต้องตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดให้สมกับที่มีโอกาสได้ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ แบบนี้

สมศรีเห็นว่าหมดธุระแล้วก็ขอตัวว่า “ถ้างั้นสมศรีไปทำงานต่อล่ะค่ะคุณโรส ฝากดูแลน้องพะพิมด้วยนะคะ”

แล้วเธอก็หันไปพูดกับพิมพิราว่า “ตั้งใจทำงานนะคะน้องพะพิม ให้สมกับที่พี่อวดสรรพคุณกับท่านไว้นะคะ อย่าให้พี่ต้องหาคนใหม่มาแทนซะล่ะ พี่ไปล่ะค่ะ”

เธอตบบ่าให้กำลังใจ พิมพิรายกมือไหว้สมศรี “ขอบคุณค่ะพี่สมศรี”

จากนั้นสมศรีก็เดินจากไป โชติรสพูดกับพิมพิราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “น้องพะพิมคะ ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวพี่จะสอนงานให้จนน้องสามารถทำงานแทนพี่ได้เลยล่ะค่ะ”

“ค่ะ” พิมพิราพยักหน้ายิ้มตอบ จากนั้นโชติรสก็เริ่มสอนงานให้เลขาคนใหม่ทันที โดยที่พิมพิราก็สู้งานเต็มที่

เวลาผ่านไปจนเกือบจะเที่ยงวัน โชติรสก็เดินอุ้ยอ้ายอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดเข้าไปพูดกับพิมพิราว่า “น้องพะพิมคะ จะเที่ยงอยู่แล้วเดี๋ยวลงไปกินข้าวด้วยกันนะคะ”

“ค่ะพี่โรส” พิมพิรารับคำแล้วก็รวบเอกสารต่างๆ เรียงให้เป็นระเบียบ พลัน! เสียงแหลมๆ ห้วนๆ ไร้หางเสียงของจิตตรีก็ดังนำหน้ามาก่อนตัว “นี่คุณโรส คุณพี่อยู่รึเปล่า!?”

โชติรสหันไปมอง ยกมือไหว้แล้วก็ตอบว่า “สวัสดีค่ะคุณจิตตรี ท่านประธานอยู่ในห้องค่ะ”

พิมพิรารีบไหว้ตาม “สวัสดีค่ะ”

แต่จิตตรีไม่ได้สนใจรับไหว้เลยสักนิด เธอผลักประตูห้องท่านประธานเข้าไปทันที โชติรสรีบเดินตามเข้าไปด้วย

“คุณพี่คะ จิตตรีมาชวนคุณพี่ไปทานอาหารกลางวันด้วยกันค่ะ” จิตตรีปรี่เข้าไปยืนตรงหน้าโต๊ะทำงาน พลเอกณรงค์ฤทธิ์ชะงัก! หยึ๋ย!

เขารีบเงยหน้ามอง มาอีกแล้ว!

แล้วเขาก็มองผ่านจิตตรีไปยังเลขาผิวคล้ำที่เดินอุ้ยอ้ายๆ ตามเข้ามาติดๆ โอ…ดีๆ

โชติรสรีบพูดว่า “เอ่อ…ท่านคะตอนกลางวันนี้ท่านมีนัดทานข้าวกับมิสเตอร์อัลแบร์นี่ ท่านจะให้โรสยกเลิกนัดให้รึเปล่าคะ?”

“ยกเลิกได้ยังไงล่ะคุณโรส กว่าจะนัดเขาได้ก็ยากเย็นแสนเข็น แล้วอีกอย่างผมต้องคุยกับเขาเรื่องโครงการใหม่ของบริษัทด้วย ขืนไม่คุยวันนี้เดี๋ยวก็ถูกคู่แข่งตัดหน้าไปก่อนล่ะยุ่งเลย” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพูดกับเลขา แล้วเขาก็หันไปบอกกับจิตตรีว่า “ขอโทษนะจิตตรีที่ผมไปทานข้าวกลางวันด้วยไม่ได้ ผมไม่ว่างจริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

แล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็หันไปพูดกับโชติรสต่อ “คุณโรส แล้วเรื่องประชุมตอนบ่ายคุณเตรียมงานเรียบร้อยแล้วเหรอครับ?”

“ยังไม่ค่อยเรียบร้อยค่ะท่าน ยังมีงบประจำเดือนที่ทางฝ่ายการเงินยังไม่ได้ส่งมาให้ค่ะท่าน” โชติรสตอบด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ทำให้พลเอกณรงค์ฤทธิ์ตำหนิทันที “แย่จริงๆ เลยคุณโรส แล้วทำไมไม่รีบบอกล่ะครับผมจะได้โทรไปถามเอง จนป่านนี้เพิ่งจะมาบอก แย่จริงๆ เลยทำงานกันประสาอะไรเนี่ย!”

ปัง! เขาตบโต๊ะเสียงดังจนทุกคนสะดุ้งตกใจ

“อุ้ย!” จิตตรีรีบขอตัวทันทีเมื่อเห็นว่าอดีตพี่เขยอารมณ์เสียสุดๆ “เอ่อ…คุณพี่คะถ้าคุณพี่งานยุ่งมากงั้นจิตตรีขอตัวก่อนนะคะ”

“เชิญครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์บอกพร้อมกับทำตาขวางๆ เผื่อแผ่อดีตน้องเมียด้วย จิตตรีรีบโกยอ้าวทันที

เมื่อจิตตรีไปแล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็ยิ้มกว้างชูนิ้วโป้งให้คุณเลขาคนเก่ง “เยี่ยมมากครับคุณโรส  เฮ้อ…ไปซักที”

“ค่ะท่าน แต่ทีหลังท่านอย่าตบโต๊ะเสียงดังอีกนะคะ ยัยหนูของโรสตกใจหมดเลย” โชติรสยิ้มให้แล้วก็เอามือลูบหน้าท้องนูนๆ ของตัวเอง “โอ๋…โอ๋…โอ๋…คนเก่งของแม่”

“ขอโทษครับเผอิญมันอินไปหน่อย” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ยิ้มแหยๆ

“ค้าท่าน” โชติรสยิ้มตอบ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเองพร้อมกับบอกกับพิมพิราว่า “น้องพะพิมคะ คนเมื่อกี้นี้คือคุณจิตตรีนะคะ น้องพะพิมจำไว้เลยนะคะว่าถ้าคุณจิตตรีมาหาท่านน้องพะพิมต้องรีบเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนท่านเลยนะคะ”

“ทำไมเหรอคะพี่โรส?” พิมพิราถามสีหน้างุนงง โชติรสรีบบอกพร้อมกับออกท่าออกทาง “ไม่งั้นเดี๋ยวคุณจิตตรีเธอก็จ้องจะขย้ำแล้วก็งาบ…ท่านประธานน่ะซิคะ”

“อุ้ย พี่โรสพูดจริงหรือพูดเล่นคะเนี่ย” พิมพิราถามด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ โชติรสรีบย้ำ “พี่พูดจริงๆ ค่ะ จำไว้เลยนะคะว่าไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตามน้องพะพิมจะต้องเกาะติดท่านประธานหนึบเป็นตังเม อย่าให้ท่านอยู่ตามลำพังกับคุณจิตตรีเด็ดขาดเลยนะคะ แล้วถ้าคุณจิตตรีโทรมาหาท่านนะคะ น้องพะพิมก็บอกไปได้เลยว่าท่านไม่อยู่ ไม่รู้ ไม่ทราบ เข้าใจไหมคะ”

“ค่ะพี่โรส” พิมพิราพยักหน้ารับแบบงงๆ โชติรสตบไหล่เลขาคนใหม่ “อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวก็รู้เองแหละค่ะ ตอนนี้ไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ”

แล้วโชติรสก็เดินนำพิมพิราลงไปยังศูนย์อาหารของบริษัท

วันต่อมา พิมพิราก็ได้พบกับปฐวี โชติรสรีบทักทายกับปฐวีว่า “สวัสดีค่ะคุณวี”

แล้วเธอก็รีบแนะนำให้พิมพิราได้รู้จักกับปฐวี “น้องพะพิมคะนี่คุณปฐวีลูกชายท่านประธานค่ะ”

พิมพิรารีบไหว้เขา “สวัสดีค่ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!