Skip to content

จันทร์ซ่อนเงา 17

ตอนที่ ๑๗

เผย

ราชันไพรสัณฑ์ทอดพระเนตรโสมที่นอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงขณะพระองค์กำลังทรงงานทั้งที่แทบจะอ่านอะไรไม่รู้เรื่อง พระสหายของทูลกระหม่อมแม่ท่านนี้มีอาการดีขึ้น จนเกือบหายดีแล้วหลังจากนอนซมด้วยพิษไข้มาสามวัน เขาพยายามกล่อมให้พระองค์เชื่อว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ด้วยบทเรียนที่พระองค์ได้รับจากการยอมใจอ่อนจนเป็นเหตุให้เขาต้องป่วยไข้มากขึ้นนั้น ทำให้พระองค์ไม่คิดจะใจอ่อนอีกและได้บังคับให้เขานอนอยู่แต่บนเตียง

ส่วนพระองค์เองก็ยกงานทั้งหมดมานั่งทำในห้องพระบรรทมเพื่อ ‘เฝ้า’ ไม่ให้เกิดการตุกติกใดๆ แต่ดูจากอาการแล้วคล้ายว่าไข้กายเริ่มจะหายแต่กลับมีไข้ใจรุมเร้า โสมมักจะมีอาการเหม่อลอยทุกข์ใจ กระวนกระวาย ขมขื่น หวาดหวั่น ฝันร้ายหรือแม้จะทั่งแอบหลั่งน้ำตาเงียบๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาได้ถูกสถานการณ์ซึ่งพระองค์เป็นผู้กดดันบีบบังคับให้สังหารคนล้างเรือนทำให้สะเทือนจิตใจหรือไม่ ทรงเห็นความทุกข์ตรมอัดอั้น ของเขาแล้วก็ทรงตระหนักว่าเข็ดแล้วจริงๆ และจะไม่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้อีก

“หิวหรือไม่” รับสั่งถามทำลายความเงียบชวนเศร้าหมอง

โสมกระพริบตาคล้ายเพิ่งรู้สติแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะนึกขึ้น ได้ว่าสมควรเอ่ยปากพูด “ไม่หิวหรอก ท่านอย่าได้เป็นห่วงนักเลย ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”

แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่ก็เจือกระแสชวนปวดใจ

“ที่ข้าไม่ยินยอมให้ท่านทำอะไรเป็นเพราะข้านึกห่วงว่าไข้ที่เพิ่งหายไปนั้น จะกลับมารุมเร้าท่านอีก ท่านเข้าใจหรือไม่”

“เข้าใจ” หญิงสาวตอบ “แต่ถึงอย่างไรฉันก็คิดว่าฉันสามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกได้”

“ก็ได้” ทรงพระทัยอ่อนให้จนได้ “แต่ท่านต้องยอมให้ผู้ช่วยหมอหลวงติดตามดูแลทุกระยะโดยไม่ขัดขืน”

“ฉันจะเป็นเด็กดีเชียวล่ะ” เธอบอกด้วยเสียงเจือหัวเราะ

ทำให้ราชันหนุ่มต้องหัวเราะในลำคออย่างไม่เห็นด้วยว่าคนพูดจะเป็นเด็กดีในคำจำกัดความของพระองค์ได้

ผู้ช่วยหมอหลวงถูกเรียกตัวให้พยุงพาท่านราชองครักษ์โสมไปเดินเล่นที่อุทยาน ต้นไม้ใหญ่ทอดร่มเงาเขียวชอุ่ม กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า และกลิ่นหอมจรุงโชยตามลมเย็นฉ่ำ ดอกไม้แข่งกันเบ่งบานยั่วยวนใจหมู่ภมรให้เข้ามาดมดอม ทั้ง หมดทั้ง มวลเป็นภาพเจริญตาเจริญใจมาก หากแต่คนที่เอ่ยปากอยากออกมาเดินเล่นกลับเดินผ่านความงดงามเหล่านั้น ราวกับดวงตาไม่อาจเห็นสิ่งใดได้ ได้แต่ทอดมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ราวกับกำลังมองความว่างเปล่าชวนหนาวสะท้านใจ

หญิงสาวยังคงอยู่ในความทุกข์ที่คิดว่าธรรม์อาจจะเกลียดและกลัวตัวเอง เธอตระหนักว่าหัวใจของคนช่างพยศและไม่รักดี สับปลับและเห็นแก่ตัวมากที่สุด แม้คิดว่าจะไม่ทำลายครอบครัวของชายหนุ่มเพราะความรักของตนเอง แต่ก็ยังวาดหวังว่าจะได้รับความรักจากเขาตลอดไป เธอแค่อยากมีใครที่รักและเป็นของเธอบ้าง ชีวิตจะได้ไม่โดดเดี่ยวอ้างว้างเช่นนี้เพราะถึงเธอจะกร้าวแกร่งอย่างไร เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ต้องการความทะนุถนอม หากแม้นไม่อาจได้รับการทะนุถนอมจากใครก็ขอเพียงแค่เศษความรักก็ยังดี

หญิงสาวคิดถึงธรรม์มากและร้อนรนกระวนกระวายอยากจะไปหาเขา ติดอยู่ตรงที่ราชันไพรสัณฑ์เฝ้าเธอเอาไว้ตลอดเวลาจนไม่อาจขยับไปไหนได้ เวลานี้เป็นจังหวะดีแล้วที่เธอจะหนีไปพบเขา ดังนั้นจึงอาศัยความไม่ได้ระวังตัวของผู้ช่วยหมอหลวง ออกแรงสับท้ายทอยของเขาอย่างแรงจนเขาสลบ เสร็จแล้วค่อยพยายามใช้แรงทั้งหมดลากร่างสลบไสลไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้

“ขอโทษนะ อีกสิบถึงสิบห้านาทีนายก็จะฟื้นขึ้นมาเอง” เธอกระซิบบอกเบาๆ แล้วใช้มนตร์ย่อจักรวาล กำหนดจิตไปยังบ่อนการพนันของธรรม์แล้วเดินเข้าไปในหลุมมืดนั้นทันที

ทั้งชีวิตของธรรม์ไม่เคยรีบร้อนมากเท่านี้เลย หากแต่เพียงมีคนมาแจ้งว่าโสมมาขอพบที่บ่อนการพนันชายหนุ่มก็ทิ้งการงานเร่งรุดไปทันที แล้วเขาก็เห็นนางนั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของลูกน้องราวกับถูกควบคุมตัว สีหน้าของนางอ่อนเพลียและเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นจนเขาโมโหวูบเพราะคิดว่าคนของเขาทำให้นางต้องไม่สบายใจเช่นนี้จึงตวาดไล่ทุกคนออกไปด้วยความฉุนเฉียว แต่กลับเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนเมื่อเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง

“ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบแม่หญิงอีกเสียแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำด้วยความหวั่นไหว ประคองมือบางขึ้นจุมพิตแล้วแนบอยู่กับแก้มด้วยความตื้นตันใจ โสมทั้งโล่งอกทั้งยินดีที่ไม่เห็นความรังเกียจจากการกระทำของธรรม์

พลันร้อนรนมองสภาพของตัวเองและเกิดความรู้สึกว่าอยากจะสวยดูดีต่อหน้าเขา แต่ในตอนนี้เธออยู่ในร่างของบุรุษ สวมเสื้อ ผ้าฝ้ายคอกลมสีนน้ำตาลกับโจงกระเบนสีดำ หน้าตาก็ซีดขาวเพราะเพิ่งฟื้นไข้ ผมที่เคยซอยสั้น ยาวขึ้น ไม่เป็นทรงและกระเซอะกระเซิงเพราะไม่ได้รวบมัด ดูแล้วหาความงามไม่ได้เสียเลย

“ทำไมท่านถึงคิดว่าจะไม่ได้พบฉันอีกล่ะ” เธอถามออกไป จ้องมองดวงตาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของเขาด้วยใจสะท้าน

“เพราะท่าทางของแม่หญิงในคืนนั้น” ชายหนุ่มเอ่ยถึงคืนกระหายเลือดคืนนั้น ทำให้ใบหน้าที่ขาวซีดยิ่งซีดเสียจนน่าเป็นห่วง

“ข้าได้ยินเสียงของแม่หญิงดังก้องฟ้า จึงเร่งรุดตามควันไฟออกมาพบ ยอมรับว่าตกใจมากที่เห็นแม่หญิงในสภาพนั้น แต่ข้าไม่เคยคิดเกลียดแม่หญิงเลยเพราะฉะนั้น อย่าได้คิดจะหายตัวไปเลยนะ”

“ทำไมล่ะ ทั้งที่ฉันโหดเหี้ยมเย็นชาถึงขนาดนั้น แท้ๆ” หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างที่จุกอยู่ที่ลำคอ

“หากข้าบอกว่าข้าเคยฆ่าคนด้วยวิธีที่ร้ายกว่านั้น แล้วแม่หญิงจะรังเกียจข้าหรือไม่”

“ไม่” เธอตอบอย่างไม่ลังเล

“เช่นนั้น แม่หญิงก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหายตัวไปอีกแล้ว และข้าไม่มีทางยินยอมให้แม่หญิงทำเช่นนั้นแน่ ต่อให้ต้องกักตัวแม่หญิงไว้กับข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ข้าก็จะทำ”

โสมยินดีจนเกือบจะร้องไห้ ในชีวิตของหญิงสาวไม่เคยได้รับความรักเช่นนี้จากใครมาก่อนนอกจากธรรม์ ชายหนุ่มไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากจะมอบความรักให้เธอ มันทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นที่ต้องการ ตนเองไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ความว่างเปล่าในหัวใจได้ถูกถมเต็มเพียงเพราะเขารักเธอ

“แม่หญิง…” เมื่อเห็นความหวั่นไหวของหญิงสาว หัวใจของธรรม์ก็พองฟูและเต้นแรง “ได้โปรดให้ความปรานีกับข้าด้วยการให้คำตอบด้วยเถิดว่าในหัวใจของแม่หญิงได้มีเงาของข้าอยู่แม้สักนิดหรือไม่”

ใบหน้าซีดเผือดเริ่มมีจุดแดงเรื่อก่อนจะค่อยๆ ลุกลามจนแดงกํ่าไปทั้งนวลแก้ม ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายและฉายแววอุธัจขัดเขิน ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างพยายามที่จะไม่คลี่เป็นรอยยิ้มประหม่าทำให้คนมองรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบหัวจนมึนงง และถูกมนตร์เสน่หายั่วยวนให้เคลิบเคลิ้ม จ้องนางด้วยความหลงใหล ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจหลั่งไหลออกมาราวกับถูกสะกดให้พูด

“ข้ารักแม่หญิงมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน หัวใจของข้าคงได้แต่หมอบราบอยู่แทบเท้าแม่หญิงเพียงเพื่อหวังจะได้รับความรักแม้เพียงเศษเสี้ยวก็ยังดี หากแม่หญิงไม่เอ็นดูและไม่คิดให้ความปรานีหัวใจของข้าเสียแล้วก็ขอให้กระทืบมันให้แหลกลาญเสียเถิด อย่าได้ส่งคืนกลับมาเลย”

โสมหลับตาลงด้วยความตื้นตัน หญิงสาวไม่สงสัยว่าคำพูดของเขาจะเป็นเพียงลมปากเพราะแววตาของเขาเปิดเปลือยความรู้สึกแก่เธอจนหมดสิ้นหัวใจของเธอเหมือนถูกเชื่อมด้วยน้ำผึ้งเดือนห้า ครั้นลืมขึ้นสบตากับเขาก็พลันรู้สึกว่าโลกของเธอมีแต่ความรักของเขาโอบล้อมอยู่ จิตใจแช่มชื่นหวานล้ำและเบิกบานนัก

แต่นั่นมันผิดศีลธรรม… ถึงอย่างไรเธอก็จะไม่ทำบาปแบบนั้นเด็ดขาด

“แม่หญิงมีอะไรกับนางสุวิมลหรือไม่”

“ฉันเปล่านะ!” หญิงสาวส่ายหน้าหวือ ยังผลให้ความไม่พอใจในแววตาของอีกฝ่ายลดลงบ้างนิดหนึ่ง “นางสุวิมลดื่มเหล้าเมาเละเทะแล้วก็เปลื้องผ้าตัวเอง ฉันไม่ได้ไปช่วยหล่อนเปลื้องผ้าเลย”

“แล้วแม่หญิงทำอะไรมากกว่านั้นหรือไม่” เขาหรี่ตา อารมณ์กรุ่นโกรธขึ้น มานิดหนึ่งเมื่อหวนคิดไปถึงคราที่หญิงสาวจุมพิตกับนางสุวิมลเมื่อครั้งคืนแรกเจอกัน แล้วก็เกิดความระแวงว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

“ฉันไม่ได้ทำอะไรหล่อน” โสมตอบหน้าซื่อ ไม่บอกเด็ดขาดว่าเธอขาดทุนให้ผู้หญิงขี้เมาคนนั้นไปมากน้อยแค่ไหน

“แล้วไปเถิด” ธรรม์ผ่อนลมหายใจโล่งอก

“อย่าไปทำอะไรนางเลยนะ คนเมาน่ะไม่มีสติหรอก อีกอย่างนางไม่รู้ว่าฉันเป็นสตรี” อย่างน้อยหญิงสาวก็รู้ทันว่าชายหนุ่มคิดการใด

“และเป็นสตรีที่ข้ารักมากด้วย” ธรรม์วกกลับเข้าเรื่องเพื่อไม่ให้คนที่ลื่นราวกับปลาไหลได้เฉไฉอีก “แม่หญิงยังไม่ได้ให้คำตอบข้า”

โสมหน้าแดงจ้านขึ้น มาอีกครั้งเมื่อถูกทวงคำตอบ อีกทั้งแววตาอ้อนวอนของธรรม์แทบจะทำให้หัวใจของเธอละลาย หญิงสาวอึกอักด้วยความรู้สึกปั่นป่วนจากการสู้รบของจิตใจฝ่ายดีและฝ่ายเลว

เวลาผ่านไปหญิงสาวจึงค่อยกล้าสบตากับชายหนุ่มแน่วแน่ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกำลังจะเอ่ยปาก หากแต่ร่างในชุดสไบม่วงร่างหนึ่งวิ่งถลาเข้ามา เรื่องเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ใบหน้าของเธอถูกตบจนชาและสะบัดไปอีกทางหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงกรีดร้องที่เหมือนปลายมีดกรีดแทงหัวใจดังขึ้น

“เจ้ามันวิปริตคิดล่อลวงสามีข้า! สารเลวนัก!”

แก้วพระสุธารสในพระหัตถ์ถูกบีบจนแตกเมื่อผู้ช่วยหมอหลวงคุกเข่าแล้วกราบทูลว่าตัวเขาถูกมือลึกลับฟาดจนสลบ ส่วนท่านราชองครักษ์โสมได้หายตัวไป คมถ้วยกดลึกเรียกพระโลหิตอาบฝ่าพระหัตถ์กระนั้น ก็ยังทรงนิ่ง

เป็นความนิ่งที่ทำให้เหล่าทหารภูตและผู้ช่วยหมอหลวงหนาวเยือก รู้สึกละม้ายความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

เป็นนานกว่าจะทรงขว้างเศษแก้วนั้นทิ้ง แล้วลุกขึ้นไปยืนมองเตียงซึ่งเป็นของคนที่เพิ่งหายตัวไป พระหัตถ์ซึ่งชโลมพระโลหิตลูบไปบนที่นอนซึ่งถูกปูด้วยผ้าสีดำสนิทด้วยความเชื่องช้า ท่ามกลางความเงียบสงัดที่แสนอบอ้าวและตึงเครียดทรงหยิบเส้นผมของโสมที่ร่วงอยู่ขึ้นมาอย่างนุ่มนวลแล้วแย้มพระสรวงเบาๆ

ความอบอ้าวพลันสลายไปกลายเป็นความเย็นยะเยือกที่ทำให้หลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาถ้วนทั่วกัน

“พวกเจ้าออกไปให้หมด ไม่อนุญาตให้เข้ามาอย่างเด็ดขาด” รับสั่งด้วยน้ำสียงทุ้มนุ่มเนิบนาบแต่ยังผลให้ผู้ฟังทั้ง หลายหวาดกลัวจนต้องเร่งออกไปราวกับหนีตาย

ลองอ่อนโยนชวนขนหัวลุกเช่นนี้ ใครที่บังอาจทำให้ขัดพระทัยจะได้ตายโดยไม่รู้ตัว!

เมื่อทุกคนออกไปจนหมดแล้ว ราชันไพรสัณฑ์จึงค่อยทรุดตัวลงประทับนั่งบนเตียงของคนที่พระองค์รัก ทรงรู้ว่าโสมเป็นผู้หลบหนีไปเอง แต่ทรงไม่เข้าพระทัยว่าเหตุใจจึงต้องหนีในเมื่อหากเขาต้องการไปธุระที่ไหนจริงพระองค์ย่อมต้องอำนวยความสะดวกให้ เว้นแต่ที่ซึ่งเขาจะไปนั้นไม่สมควรให้พระองค์ได้รู้เท่านั้น

เขาจะไปที่ไหน แล้วจะกลับมาอีกไหม?

ราชันไพรสัณฑ์ทรงถอนพระปัสสาสะ โสมมีหลายอย่างที่ให้พระองค์ทรงฉงนฉงาย เขามีที่มาและประวัติไม่ธรรมดา มีบุคลิกอ่อนโยนและเข้มแข็งขัดแย้งกัน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมบางอย่างน่าสงสัยจนเกินไป เขามีใบหน้างดงามที่อาจมองได้ว่าซ่อนความอ่อนหวานเฉกสตรี มีท่วงท่าอ้อนแอ้นในบางครั้งและเมื่อป่วยจนคุมสติตนเองไม่ได้ เขาได้พูดด้วยน้ำเสียงเช่นสตรี

หรือเพราะป่วย?

ราชันหน้ากากภูตกำพระหัตถ์แน่น แน่พระทัยว่าหากทรงมีพระดำริในเรื่องนี้อีกสักนิดจะต้องพบคำตอบอย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทรงกลัวว่าคำตอบจะไม่เป็นไปตามที่ทรงคาดหวังไว้ แต่อีกใจก็เร่งสนับสนุนว่านอกจากความผิดปกติชวนสงสัยดังข้างต้นแล้ว โสมมักจะขอหยุดงานเดือนละเจ็ดวันเหมือนเช่น… เช่น… สตรีที่มีระดู!

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ร่างกายของเขาพระองค์ก็เคยทอดพระเนตรมาแล้วว่าเป็นบุรุษแน่นอน!

อาจจะใช้มนตร์แปลงกายก็ได้ ด้วยพลังจิตอันเข้มแข็งและสมาธิอันแกร่งกล้าของเขาแล้วย่อมทำได้โดยง่าย อีกทั้งการมาของเขาก็ไม่ธรรมดาเพราะเขาผุดขึ้นมาจากบ่อจันทราในคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งตามความเชื่อแต่โบราณนั้นย่อมถือได้ว่าเขาคือสตรีที่ทุกคนจะกราบเป็นแม่หญิงจันทรวดี!

ความตื่นเต้นทำให้ต้องผุดลุกขึ้น เดินไปทั่วอย่างกระวนกระวายก้มมองเส้นผมของโสมที่อยู่บนพระหัตถ์ด้วยจิตใจว้าวุ่นและไม่แน่ใจ

แต่ทูลกระหม่อมแม่ของพระองค์ไม่ใช่หรือที่เป็นแม่หญิงจันทรวดี?

ทูลกระหม่อมแม่ของพระองค์ปรากฏตัวขึ้น จากบ่อจันทราจึงถูกกราบเป็นแม่หญิงจันทรวดี แต่พระนามของพระนางคือนลวรรณจึงดูเหมือนว่า ‘แม่หญิงจันทรวดี’ คือตำแหน่งที่อุปโลกน์ขึ้นมาเท่านั้นมิใช่หรือ

โสมเองก็ปรากฏตัวขึ้นจากบ่อจันทราเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าแท้จริงแล้วโสมเป็นสตรี อีกทั้งเป็นสตรีที่พระองค์สามารถครอบครองได้โดยชอบธรรมด้วย และเนื่องจากโสมเป็นพระสหายของทูลกระหม่อมแม่ที่โปรดการกลั่น

แกล้งเขานัก ก็มีความเป็นไปได้ว่าพระองค์กำลังถูกทูลกระหม่อมแม่กับโสมร่วมมือกันกลั่นแกล้ง!

เป็นไปได้อย่างยิ่ง!

ราชันไพรสัณฑ์ทรงพระสรวลดังกึกก้อง แม้ตอนนี้จะไม่แน่พระทัยนักแต่ความเป็นไปได้มีสูงมาก พระองค์ไม่แปลกพระทัยที่ไม่ได้นึกโกรธโสมเลยหากนางกลั่นแกล้งหลอกลวงพระองค์จริงแต่กลับมีแต่ความเบิกบานและแผนการแกล้งกลับเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น

การได้รู้ว่านางเป็นสตรีมีแต่จะทำให้ข้าฉํ่าชื่นใจ มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทำให้ข้าโกรธนางในเรื่องนี้ได้เล่า!

เมื่อสบายพระทัยเรื่องที่รบกวนความเกษมสำราญมานานได้แล้วจึงกลับมาประทับนั่งบนเตียงของโสมพลางลูบผ้าปูเตียงเพื่อหาเส้นผมของนางจนได้อีกจำนวนหนึ่ง พลันบางสิ่งก็ผุดขึ้น มาราวกับไม่อยากปล่อยให้พระองค์สบายพระทัยนานนัก

แล้วนางหลบหนีไปที่ไหน ไปหาใคร?

ครานี้พระทัยร้อนรุ่มราวกับไฟฟอน นางมีสตรีมาชอบพอและติดพันไม่น้อย ข่าวล่าสุดคือโสมค้างแรมกับนางสุวิมลซึ่งทุกคนในเรือนเริงรมย์ต่างรู้กันทั่วว่าโสมออกมาจากห้องนางสุวิมลเมื่อใกล้รุ่งโดยที่นางคนงามของเรือนเปลือยกายหมดสติอยู่บนฟูกนอน เช่นนี้หมายความว่าโสมชอบพอในสตรีหรือไม่

คงจะไม่ใช่… มันต้องมีเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังสิ

แต่โสมก็หว่านเสน่ห์ใส่สตรีไปทั่ว หากนางไม่ชอบพอในสตรีมีหรือจะหว่านเสน่ห์ได้เก่งกาจจนสตรีพาเอาไปฝันถึงกันขนาดนั้นได้ แต่โสมก็เคยวิ่งหนีสตรีใจกล้าที่เข้ามายั่วยวนนี่นา บางทีนางอาจจะแค่แสร้งทำเจ้าชู้เพื่อกลบเกลื่อนตัวเองก็ได้

แล้วนางไปอยู่กับใครล่ะ ไปอยู่ที่ไหนกัน

ราชันหนุ่มทรงเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนรนกระวนกระวายก่อนที่บางอย่างจะแล่นเข้ามาในห้วงพระราชดำริทำให้ทรงหยุดชะงัก ความโมโหที่ไม่ทราบว่าหลั่งไหลมาจากที่ใดนักปะทะเข้ากับพระวรกายโดยแรง ทรงกำพระหัตถ์แน่นโดยเฉพาะข้างที่กำเส้นผมของโสมเอาไว้ บรรยากาศรอบๆ คล้ายจะหยุดนิ่งและร้อนอบอ้าวราวกับอยู่ใกล้ปากทางนรกภูมิ

โสมเป็นคนเดียวที่เข้าถึงตัวและติดต่อกับธรรม์ได้จนชายคนนั้นยินยอมออกมาสู่ที่สว่าง หากจะว่าเป็นเพราะการเจรจาที่เข้าทางกันก็ไม่อาจยังผลให้ประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็วถึงเพียงนี้ดังนั้น จึงชวนให้คิดว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันมากกว่าที่คาดหมายเอาไว้

บางทีนางอาจจะหนีไปหาธรรม์!

ราชันหน้ากากภูตกริ้วจัด อากาศด้านนอกปั่นป่วนตามอารมณ์ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมพายุกรรโชก ต้นไม้โยกอย่างรุนแรงราวกับมีมือลึกลับจับเขย่า สรรพสัตว์ในบริเวณใกล้เคียงพากันแตกฮือหนีตาย ราชันหนุ่มทรงพระสรวลเบาๆ ในลำคอด้วยพระสุรเสียงเนิบนาบ ยกพระหัตถ์ข้างที่กำเส้นผมของโสมเอาไว้ขึ้น ทอดพระเนตรอย่างมีความหมาย

นางเก่งกล้าและมีความเป็นเอตทัคคะ หากแต่ประสบการณ์และความรอบคอบยังคงน้อยนัก นางควรจะทราบว่าเส้นผมของนางนี้สามารถนำไปทำคุณไสยได้ทั้งสายขาวและสายมืด แต่กลับทิ้งเส้นผมเอาไว้ให้พระองค์ติดตามตัวได้ทั้ง ที่คิดจะหลบหนี

สำหรับธรรม์… ชายผู้นั้นได้เปรียบพระองค์นักเพราะคาดว่าคงจะรู้ว่าโสมเป็นผู้หญิงมานานแล้วและมีโอกาสได้เกี้ยวพาราสีนางก่อน และสำหรับโสม… พระองค์ก็มีสิทธิที่จะได้ลงแข่งขันในสนามรักอย่างยุติธรรมบ้างเช่นกัน ดังนั้น ถ้าจับตัวได้เมื่อไหร่จะไม่ยอมปล่อยให้ห่างพระวรกายได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!