Skip to content

จันทร์ซ่อนเงา 36

ตอนที่ ๓๖

พระประสงค์

ทหารภูตจำนวนห้านายรุดเข้ามาควบคุมตัวและปลดหน้ากากภูตของหิรัญออก

โสมเบิกตามองใบหน้าคมสันที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาอย่างชายชาตรีของหิรัญ แต่ดวงตาของเขาไม่ได้มองมาที่เธอ กลับหลุบลงมองพระบาทของราชันไพรสัณฑ์ราวกับจะบอกว่าชีวิตนี้มอบให้แด่พระองค์

“ยังไม่รีบไปทำตามคำสั่งของข้าอีกรึ!” รับสั่งด้วยพระสุรเสียงเยียบเย็นและกดดัน

เหล่าทหารภูตยังคงยืนนิ่งงันแล้วพากันทรุดลงคุกเข่า

“พระอาญามิพ้นเกล้า! ขอพระองค์มีพระดำริอีกครั้งด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ!”

“บังอาจ!” พระสุรเสียงแผดดังจนคนฟังรู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบข้างสั่นสะเทือน “พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้าเพื่อขอร้องให้กับมันอย่างนั้น หรือ!”

เหล่าทหารภูตยังคงคุกเข่าก้มหน้านิ่งเสมือนเป็นการยืนยันในเจตนาที่พร้อมจะรับพระอาญาร่วมกัน ราชันไพรสัณฑ์ทรงพระสรวลอย่างเยือกเย็นจนทุกคนสัมผัสได้ถึงอันตรายที่จะตามมาหลังเสียงพระสรวลนั้น

“พวกเจ้าฟังคำสั่งของใคร”

ถ้อยรับสั่งราบเรียบแต่ทำให้เหล่าทหารภูตเกร็งไปทั้งตัว

“ดูเหมือนว่าพวกพ้องเหล่าทหารภูตจะสมัครสมานรักใคร่กันดี ข้าพอใจมาก ดังนั้น ข้าจึงคิดว่าพวกเจ้าสมควรได้รู้ต้นสายปลายเหตุที่ข้าได้สั่งลงโทษหิรัญด้วยโทษสูงสุดของทหารภูตของเรา”

เหล่าทหารภูตขยับตัวอย่างมีความหวัง ราชันไพรสัณฑ์ทอดพระเนตรมือของทหารที่จับกุมหิรัญด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์ที่เป็นปริศนา ทำไมจะทรงไม่ทราบว่ามือนั้น เพียงแต่เกาะกุมเอาไว้หลวมๆ เท่านั้น ขอเพียงหิรัญสะบัดไหล่นิดเดียวก็สามารถหลุดพ้นจากการจับกุมได้โดยง่าย

เฮอะ… ความสมัครสมานของเหล่าทหารภูตช่างน่าประทับใจ!

“ว่าอย่างไรเล่าหิรัญ เวลานี้ข้ายกให้เจ้าเป็นคนบอกแก่พี่น้องของเจ้าเองว่าทำความผิดใดจึงต้องโทษสาหัสเพียงนี้” ราชันไรสัณฑ์รับสั่งเบาๆ “เจ้ามีอะไรจะสารภาพต่อทุกคนหรือไม่”

หิรัญสะท้านเยือกไปทั้ง ตัวด้วยความพรั่นพรึง ชายหนุ่มจับถึงกระแสความนัยในถ้อยรับสั่งของราชันหนุ่มได้ ท้องของเขาปั่นป่วนดุจมีมือลึกลับกวนอยู่ เหงื่อกาฬหลั่งไหลผุดพรายอย่างรวดเร็วและเรี่ยวแรงที่มีพลันอ่อนยวบลงไปวูบหนึ่ง

ทรงสงสัยในตัวเขามาตลอดและตอนนี้ทรงบังคับให้เขาต้องสารภาพออกมาเพื่อเป็นเหตุผลสนับสนุนรับสั่งของพระองค์!

“ราชองครักษ์หิรัญ รีบพูดขอพระเมตตาเร็วเข้าสิ” เสียงนายทหารภูตที่จับกุมแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้กระซิบเบาๆ ทำให้ความละอายพุ่งขึ้นมาอัดอั้นอยู่ในหัวใจ แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเขาต้องสารภาพความจริงออกมาเพื่อดำเนินการตามพระประสงค์ของราชัน

“เกล้ากระหม่อมเป็นผู้ทำร้ายพระมเหสีเองพระเจ้าค่ะ”

ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความตกตะลึง แต่ผู้ที่ตกตะลึงมากที่สุดก็คือโสม หญิงสาวจ้องใบหน้าที่ก้มต่ำลงของหิรัญด้วยความรู้สึกโกรธ แคลงใจ หวาดกลัวและผิดหวัง เธอพยายามค้นลึกเข้าในความทรงจำอันว่างเปล่า เพื่อหาคำตอบว่าเขาพูดความจริงหรือไม่ ยิ่งคิดหัวสมองก็ยิ่งปวดร้าวแต่ภาพที่เริ่มวูบวาบอยู่ในความทรงจำทำให้เธอกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดที่เฆี่ยนตีเธออย่างไร้ปรานีต่อไป

“เกล้ากระหม่อมไม่ไว้ใจในตัวพระมเหสีซึ่งในขณะนั้น เป็นทหารภูตราชองครักษ์เพราะพระมเหสีมีที่มาลึกลับ ผูกมิตรกับศัตรูแน่นแฟ้นจนเกินไป อีกทั้งยังมีความประพฤติที่ทำให้พระเกียรติของราชันเสื่อมเสีย เกล้ากระหม่อมจึงลวงให้พระมเหสีติดตามไปในป่าที่เงียบสงัดแล้วลงมือแทงที่พระนาภี” หิรัญเอ่ยสารภาพด้วยน้ำเสียงละอายใจแต่ก็เชื่อมั่นใน

ความคิดของตน

“เนื่องจากไม่มีผู้ใดรู้เห็น เกล้ากระหม่อมจึงตั้งใจปล่อยพระศพไว้กลางป่า ถ้ามีคนพบพระศพ ผู้ที่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรกคือศัตรูที่ใกล้ชิดกับพระมเหสี ส่วนเกล้ากระหม่อมจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกสงสัย”

“เจ้าทำพลาดมหันต์เสียแล้วหิรัญ” พระโอษฐ์แย้มเป็นรอยยิ้มบางๆ ขัดกับพระสุรเสียงเรียบเย็น “มันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าที่จะทำการนอกเหนือที่ข้าสั่งและยิ่งไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าที่จะเข้ามายุ่งเรื่องคนที่ข้าไว้ใจรั้งให้มาอยู่ข้างกาย สิ่งที่เจ้าทำขัดต่อระเบียบของทหารภูตและเป็นการกระทำที่เหิมเกริมมาก เจ้าควรรู้เสียก่อนตายว่าสตรีที่เจ้าเหิมเกริมทำร้าย

นั้น มีที่มาอย่างไร”

บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นวังเวง ลมภายนอกพัดกรรโชกจนต้นไม้โยกไหว กิ่งก้านเสียดสีกันเกิดเป็นเสียงราวกับการฆ่าฟัน

“นางผุดขึ้น จากบ่อจันทราในคืนวันเพ็ญ” ถ้อยรับสั่งของราชันไพรสัณฑ์ทำให้ทุกคนตกตะลึง หิรัญคือคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ชายหนุ่มรู้มาว่าพระมเหสีโสมปรากฏตัวหลังผ่านคืนวันเพ็ญที่ราชันประทับ ณ พระตำหนักจันทราจึงไม่ต้องใช้สมองใคร่ครวญมากความก็ทราบว่าแท้จริงแล้วคนที่เขาหันดาบเข้าทำร้ายนั้น สูงศักดิ์เสียจนทุกคนในแผ่นดิน

ต้องน้อมสักการะ

ผู้ที่ผุดขึ้นจากบ่อจันทราจะเป็นคนธรรมดาไปได้อย่างไร!

“เกล้ากระหม่อมสมควรตาย!” หิรัญหมอบลงโขกศีรษะกับพื้นชายหนุ่มไม่สงสัยแล้วว่าความสามารถที่ประหลาดและพิสดารของพระมเหสีจะเป็นอันตรายต่อราชัน เขาเองต่างหากที่ลงมือโดยพละการและเป็นตัวต้นเหตุทำให้พระมเหสีอ่อนแอถึงขนาดถูกบุคคลลึกลับนำตัวไปทรมานจนบาดเจ็บสาหัสได้

“ในเมื่อรู้ว่าเหิมเกริมเพียงใดแล้ว จงทำตามความประสงค์ของข้าให้ลุล่วง”

ตัวข้าหิรัญขอสาบานกับตัวเองว่าจะทำตามพระประสงค์ให้ดีที่สุด!

“นำตัวมันออกไปสำเร็จโทษ!”

โสมไม่รับรู้ความเป็นไปอันใดตั้งแต่ได้ฟังคำของหิรัญ หญิงสาวตกอยู่ในความเคร่งเครียดและความเจ็บปวดจนปิดกั้นทุกสิ่งออกจนหมดสิ้น ภาพที่วิ่งเข้ามาฉายอยู่ตรงหน้าคือภาพทหารภูตนายหนึ่งดึงดาบออกจากท้องของเธอแล้วเช็ดเลือดบนดาบก่อนจะเก็บเข้าฝักอย่างเยือกเย็น

หญิงสาวสะดุ้งด้วยอุปาทานว่าบาดแผลที่ถูกแทงนั้น ปวดร้าวขึ้นมา เธอเริ่มจดจำถึงเสียงกับความเจ็บปวดยามที่ถูกของแหลมคมแทงทะลุผ่านเนื้อ ได้และจดจำได้ว่ารู้สึกเช่นไรเมื่อมิตรภาพถูกทำลายลงด้วยการทรยศของเพื่อนทหารที่ให้ความไว้ใจ

โสมพยายามนึกถึงเหตุการณ์นั้น ต่อไปจนปวดร้าวราวกับถูกมือยักษ์บีบบนขมับโดยแรง เสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังหลุดรอดออกจากลำคอ ความเครียดและความกดดันประกอบกับสุขภาพยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้เลือดกำเดาไหล มีเสียงเรียกด้วยความตกใจดังขึ้นและมีคนพยายามเขย่าให้เธอตอบรับบางอย่าง แต่เธอยังคงหลงวนอยู่กับความมุ่งมั่นจนกระทั่งพบความจริง

เธอคิดว่าราชันไพรสัณฑ์รับสั่งให้หิรัญลงมือสังหารเธอ!

หญิงสาวบีบพระพาหาที่ประคองร่างของตนอยู่แน่นเพื่อดึงจิตใจอันว้าวุ่นของตนกลับสู่ความสงบ เธอลืมตาขึ้น มองราชันหนุ่มที่กำลังเอ็ดตะโรบางอย่าง มีความชุลมุนเกิดขึ้นในห้องนี้และเธอแน่ใจว่ามีการหลบหนีกับการตามล่า แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เธอคิดอยู่ในตอนนี้

“ท่านไม่ใช่คนที่สั่งให้หิรัญสังหารฉันใช่ไหม” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแอจนตัวเองตกใจ

“ข้าไม่มีทางสั่งให้ใครทำร้ายเจ้าได้!” ราชันหนุ่มรับสั่งตอบด้วยพระสุรเสียงราวกับตวาดเพราะทรงไม่สบายพระทัยอย่างยิ่งที่เห็นพระมเหสีของพระองค์มีใบหน้าอิดโรย ซีดขาวและมีเลือดหลั่งออกจากจมูก

“รอสักประเดี๋ยวนะ หมอกำลังจะมาแล้ว”

หญิงสาวหันไปสนใจมองหาหิรัญและเหล่าทหารภูตแต่ปรากฏว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี้แล้ว อีกทั้งห้องยังมีสภาพเหมือนผ่านการต่อสู้ย่อมๆ ด้วยข้าวของกระจัดกระจายเสียหายเกลื่อนพื้น

“หิรัญหนีไปแล้วใช่ไหม” เธอถาม “ท่านวางแผนเอาไว้แล้ว บางทีท่านอาจจะแค่สงสัยแต่ก็ใช้โอกาสนีบี้บบังคับให้เขาสารภาพออกมา แล้วยังเรียกให้ทหารภูตมาเป็นพยานด้วย…”

“อย่าเพิ่งคิดอะไรวุ่นวายเลย” ราชันหนุ่มรับสั่งห้วนๆ พยายามจับนางให้อิงพระพาหาข้างหนึ่งแล้วประคองคางของนางให้เชิดสูง “ทำไมเลือดของเจ้ายังไม่ยอมหยุดไหล เจ้าหมอเฒ่าชราพวกนี้ชักช้าเสียจริง! หากยังไม่ไสหัวมาหาข้าเร็วๆ นี้ล่ะก็ข้าจะลงทัณฑ์เสียทุกคน!”

ถ้าวันนี้บรรดาหมอหลวงจะขอลาออกจากราชการเพื่อกลับไปทำไร่ไถนาที่บ้านเกิดเธอจะไม่แปลกใจเลย!

ธรรม์กำลังดื่มสุราอยู่ที่กลางเรือนเมื่อผู้ติดตามเข้ามากระซิบบอกข่าวที่กำลังโด่งดังจนสะเทือนเลือนลั่นพระราชวัง ฟังว่าอดีตราชองครักษ์หิรัญเป็นผู้ทำร้ายพระมเหสีจนบาดเจ็บสาหัสและบัดนี้พี่น้องทหารภูตจำนวนหนึ่งกำลังออกตามล่าตัวเขาไปสำเร็จโทษทัณฑ์สถานหนักที่สุดของทหารภูต

ธรรม์จำได้ดีว่าการลงโทษสถานนี้โหดเหี้ยมเพียงใดเพราะมันคือการควักลูกตา ตัดลิ้น ตัดมือ ตัดเท้าและตัดอวัยวะสืบพันธุ์

สภาพเช่นนี้ถึงยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต่างกับตายไปแล้ว!

ชายหนุ่มโบกมือไล่ผู้ติดตามเพื่อที่จะใช้เวลาคิดเพียงคนเดียว ประเด็นเรื่องของพระมเหสีซึ่งบัดนี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่จะปล่อยผ่านเลยไปก่อน เขาจะมุ่งครุ่นคิดถึงหิรัญอย่างถ้วนถี่ เป็นที่รู้กันดีในหมู่ทหารภูตว่า หิรัญจงรักภักดีต่อไพรสัณฑ์จนสามารถถวายชีวิตให้ได้ เพราะฉะนั้น การที่หิรัญต้องโทษแล้วหลบหนีนั้น มีความเป็นไปได้น้อยมาก คนอย่างหิรัญจะต้องก้มหน้ารับโทษโดยไม่โต้แย้งใดๆ เสียมากกว่า

หรือว่าจะมีแผน? แผนอันใด?

ธรรม์ยกสุราขึ้น ดื่มอีกครั้งพลางขบคิด เป็นไปได้หรือไม่ว่าหิรัญและไพรสัณฑ์จะเล่นละครตบตาทุกคนว่าได้แตกแยกกัน หิรัญอยู่ในสภาพถูกตามล่าและหมดหนทางไปจนต้องเข้าสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายตรงข้ามของไพรสัณฑ์เพื่อหาคนคุ้มครอง บางทีเป้าหมายของหิรัญอาจจะอยู่ที่ตัวเขาก็ได้

หัวหน้ากองกำลังฝ่ายกบฏหัวเราะหมิ่นๆ หิรัญร่วมฝึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับไพรสัณฑ์มานานจนกระทั่งออกจากค่ายฝึก ทั้งสองผ่านวิกฤตและความเป็นความตายมาด้วยกัน เขาจำได้แม่นยำว่าการฝึกภาคสนามครั้งหนึ่งหิรัญเคยเอาตัวเข้ารับลูกธนูให้ไพรสัณฑ์จนตัวต้องบาดเจ็บสาหัสปางตาย ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องเป็นแผนลวงของไพรสัณฑ์เป็นแน่

“ใครอยู่ใกล้ๆ ให้เข้ามาหาข้า” ชายหนุ่มแผดเสียงเรียก ชายฉกรรจ์นายหนึ่งปราดเข้ามารอรับคำสั่งของผู้นำโดยทันที “บอกให้เวรยามวางกำลังอย่างแน่นหนาขึ้น หากมีผู้บุกรุกให้ควบคุมตัวมันมาหาข้า”

“ขอรับ” ชายฉกรรจ์รับคำขึงขังแล้วเดินออกไปถ่ายทอดคำสั่งให้ทุกคนนำไปปฏิบัติ

ธรรม์ยกสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง หากไพรสัณฑ์คิดว่าเขาจะตกหลุมพรางเพียงเพราะลูกไม้เด็กเล่นเช่นนี้ก็นับว่าเขาประเมินความสามารถของไพรสัณฑ์สูงเกินไป คนที่เป็นถึงผู้ปกครองเมืองจะมีความคิดตื้นเขินเพียงนี้ได้อย่างไร

นั่นสิ… ผู้ปกครองเมืองจะมีความคิดตื้นเขินเพียงนี้ได้อย่างไร

หรือว่าจะมีแผนการอื่นที่เขายังคาดเดาไม่ได้!?

หัวหน้ากองกำลังฝ่ายกบฏกระแทกไหสุราลงกับพื้น แล้วพยายามคาดเดาความเป็นไปได้โดยพยายามมองเหตุการณ์ด้วยสายตาและแนวความคิดของไพรสัณฑ์ ปัญหาคือเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ไพรสัณฑ์เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนจึงไม่อาจคาดเดาได้ เรื่องนี้ทำให้เขาหงุดหงิดด้วยความไม่ได้ดั่งใจ เมื่อรวมกับโทสะซึ่งเกิดจากน้องชายก็ยิ่งพื้นเสีย มือใหญ่ขว้างไหสุราออกไปกระแทกพื้น จนมันแตกกระจายพร้อมกับที่เขาตัดสินใจได้

หากหิรัญโง่เง่าโผล่หัวมาหาเขาเมื่อใด เขาจะกุดหัวมันเมื่อนั้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!