Skip to content

พลิกปฐพี 10

ตอนที่ 10

จวนตระกูลมู่ ช่องว่างที่ถูกเปิดออก

เดินทางมาเกือบ 10วันในที่สุดมู่เกอก็ตามมู่ซงกลับมา ถึงเมืองหลวงของแคว้นฉิน เมืองลั่วตู

ม้าที่เข้าเมืองมามีไม่ถึง 10 ตัว ด้านหน้าที่คอยเบิกทาง ให้ เป็นองครักษ์คนสนิทสองคนของมู่ซง ปู่หลานสองคน ต่างขี่ม้าของตัวเองอยู่ตรงกึ่งกลางขบวน

ทหารที่ออกไปตามมู่ชิงเกอก่อนหน้านี้ ก็กลับไปพักฟื้นที่ ค่ายใหญ่ก่อนหน้านี้แล้ว

และรุ่ยอ๋องฉินจิ่นห้าว ก็ขอตัวแยกไปก่อนตั้งแต่ตอนที่ เพิ่งเข้าเมืองมาแล้ว พูดถึงท้ายไว้ประโยคหนึ่งว่า วันหลังค่อยมาเยี่ยมมู่ชิงเกอที่จวน และจะเตรียมของเล่นเล็กน้อยมาปลอบขวัญเธอด้วย

ฉะนั้นขบวนที่มีเกือบ 1000 คนในตอนแรก ก็เหลือแค่ มู่ซงกับมู่ชิงเกอสองปู่หลาน และทหารคนสนิทอีกแปด คนของตระกูลมู่เท่านั้น

เมื่อเข้าสู่ลั่วตู สิ่งแรกที่มู่เกอสัมผัสได้คือลักษณะบ้าน เมืองของโลกใบใหม่นี้

ระหว่างทางมาลั่วตู มู่เกอก็เข้าใจแล้วว่า แคว้นฉินที่เธอ อยู่นั้น เป็นแคว้นหนึ่งในบรรดาแคว้นต่างๆ ของหลินชวน อยู่ในระดับ 3 ที่จัดว่าจนที่สุด

ไม่ต้องพูดถึงระดับสามที่ไม่ได้มีแค่สองสามแคว้น แค่คิดว่าเหนือกว่าระดับสามก็มีระดับสอง และระดับสองก็ยังมีระดับหนึ่งที่เหนือกว่า ก็พอจะจินตนาการได้ว่าการ ที่ฮ่องเด้ของแคว้นฉินจะปกครองทั้งหมดนี้ได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลย

ระดับของแคว้นที่ต่างกันนั้น แบ่งตามจำนวนของยอดฝีมือชั้นพลังสีม่วง และทุกแคว้นจะมาร่วมกันจัดลำดับ ระดับยิ่งสูงก็ยิ่งแข็งแกร่ง ทรัพยากรที่จะได้รับก็ยิ่งมีมาก ขึ้น พูดตามความเป็นจริงคือ ยอดฝืมือชั้นม่วงของแคว้น ระดับสามนั้นอย่างมากก็มีแค่ 1 ถึง 2 คน เมืองระดับ สองมากสุดก็แค่ 10 คน แม้กระทั่งอาณาจักรระดับหนึ่ง เพียงหนึ่งเดียวของแผ่นดินหลินชวน อาณาจักรเซิ่ง หยวน จำนวนยอดฝีมือชั้นม่วงของอาณาจักรนี้ไม่มีใคร ล่วงรู้แต่คนภายนอกต่างก็คาดเดาเอาว่าน่าจะมีไม่ตํ่า กว่า 100 คน

ยอดฝีมือชั้นม่วงสามารถมีอายุยืนยาวได้ถึง 1000 ปี ยิ่งมีอายุอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่านั้น

ตำนานเล่าว่า ยอดฝีมือชั้นม่วงหนึ่งคน ถ้าทุ่มพลังโจมตี สุดแรง ก็จะสามารถทำลายล้างเมืองขนาดเล็กเมืองหนึ่ง

ได้เลยทีเดียว

ความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากขนาดนี้ ก็ไม่แปลก ขนาดแม่ทัพที่เจนสนามรบอย่างมู่ซงเอง ตอนที่เจอเกี้ยวของมหาปราชญ์ยังต้องแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมขนาดนั้น

ความแข็งแกร่ง! ไม่ว่าจะอยู่โลกไหน ก็ยังคงวัดกันด้วย ความแข็งแกร่ง!

มู่เกอกำหมัดไว้แน่นอย่างเงียบๆ

“เกอเอ๋อร์” กลับถึงบ้านแล้วเจ้าต้องพักผ่อนให้มาก เรื่อง อื่นรอให้เจ้าพักฟื้นจนหายดีแล้วค่อยว่ากัน” เสียงของมู่ซงดังขึ้น ขัดจังหวะการเหม่อของมู่เกอ

เธอหันไปมองท่านปูที่เดินอยู่เคียงข้างเธอ แล้วพยักหน้า เงียบๆ

เธอต้องการเวลา ในการทำความรู้จักกับโลกใบนี้ รวมทั้ง เหอเฉิงที่ถูกขังไว้ในจวนตระกูลมู่ มู่ซงไม่รีบ ฉินจิ่นห้าวไม่รีบ เธอเองยิ่งไม่รีบ

มู่เกอยิ้มมุมปาก สายตาหยุดลงที่นครหลวงของแคว้น ฉินอีกครั้ง

อื้ม ถนนกว้างขวาง กำแพงเมืองก็สูง ร้านรวงมากมาย เสียงผู้คนครึกครื้น บรรยากาศคึกคัก ดูสูงคักดิ์ยิ่งใหญ่ สมกับการเป็นนครหลวงโดยแท้

แต่ว่า ทำไมสายตาที่มองเธอจากรอบๆ ถึงได้ดูหลบเลี่ยง เธอราวกับเธอเป็นอสรพิษอย่างนั้นล่ะ?

ดวงตาเย็นชากวาดมองคนที่เดินผ่านไปมาด้วยแววตา เรียบนิ่ง มู่เกอขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“คุณชายของตระกูลมู่กลับมาแล้ว!”

“สวรรค์! เพิ่งหายตัวไปจากลั่วตูได้ไม่เท่าไร ข้ายังไม่ทัน

ได้ใชชีวิตสบายๆให้พอใจเลย ทำไมกลับมาอีกแล้วเล่า?”

“ขู่ว เบาๆ หน่อย ! กลัวว่าตัวเองจะอายุยืนเกินไปรึไง”

“ใช่! ถ้าไอ้ปีศาจนี้ได้ยินเข้า กรีดเนื้อเจ้าออกมาชั้นหนึ่งก็ ถือว่ายังน้อยไป”

สายตาที่ตื่นกลัวและรังเกียจ หยุดลงที่ร่างของมู่เกอ ทำ ให้เธอรูสึกอึดอัดไปทั้งตัว เธอเหลือบมองมู่ซงที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง สีหน้าของเขาดูแย่มากตามที่คิดไว้ไม่มีผิด

มู่เกอเบะปากและพึมพำในใจ เมื่อครู่ ‘คำพูดเหลวไหล ของพวกคนพาล’ พวกนี้ เธอได้ยินมันทั้งหมด ยอดฝีมือ ชั้นนํ้าเงินอย่างมู่ซงเหตุใดจะไม่ได้ยิน?

เธอถอนสายตาจากมู่ซง สายตาหยุดลงที่ร่างของมู่ชิงเก อที่เดินตามอยู่ข้างๆ แม้ไม่พูดอะไรแต่มู่ชิงเกอก็เข้าใจ

“ข้าก็แค่เคยจัดการ พวกที่กล้าไม่ให้เกียรติตระกูลมู่สอง สามคนกลางตลาดก็เท่านั้นเอง” มู่ชิงเกอ อธิบายอย่าง เรียบเฉย

มู่เกอหันหน้าหนี ขี้เกียจจะถามต่อ

ลั่วตูเป็นเมืองหลวงของแคว้นฉิน ซึ่งใช้กฎระเบียบตาม แบบเมืองชั้นใน

ทั้งหมดแบ่งเป็น เมืองชั้นนอก เมืองชั้นใน และราชวัง พูดง่ายๆ ก็คือ เมืองชั้นนอกเป็นพื้นที่ของประชาชน เป็นเขตทำการค้าสำคัญที่เจริญรุ่งเรือง เมืองชั้นใน เป็นพื้นที่ ที่เหล่าขุนนางอาศัยอยู่ พระราชวังก็เป็นพื้นที่ของบรรดา เชื้อพระวงศ์

ในราชวัง ยังมีพระราชวังหลวง ซึ่งก็คือที่ประทับขององค์ ฮ่องเต้

จวนตระกูลมู่ แม้จะจะได้รับพระราชทานให้เป็นจวนหย่ง หนิง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์จึงอยู่ได้เพียงเมือง ชั้นใน แต่ที่ตั้งของจวนตระกูลมู่นี้อยู่ใกล้กับพระราชวัง มาก เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดของเมืองชั้นใน ครอบครองพื้นที่ กว้างขวาง ตามที่มู่ชิงเกอบอก เธอโตขนาดนี้แล้ว ยังเดิน เล่นไม่ทั่วจวนตระกูลมู่เลย

แน่นอนมู่เกอเข้าใจ เรื่องนี้ที่มู่ชิงเกอยังเดินไม่ทั่วตำหนักตระกูลมู่เพราะว่าไปสร้าง ‘ชื่อเสียงอันกว้างขวาง’ อยู่ข้างนอกนั่นเอง เอาเป็นว่าจวนตระกูลมู่กว้างใหญ่มาก แล้วกัน!

‘จวนที่องค์ฮ่องเต้โปรดให้สร้าง’ ที่บันไดชั้นล่างสุด มีจารึกสลักอยู่หนึ่งแผ่น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นประตู

ใหญ่ที่ดูใหญ่โตโอ่อ่า ชายคาสูงหลายจ้าง เสาสีแดงตั้งตระหง่าน มีตะปูยึดสีดำมะเมื่อม และวงเคาะประตูรูปหัวสัตว์ด้านซ้ายและด้านขวาของประตูใหญ่ ยังมีประตูข้าง ที่บันไดขั้นที่เจ็ดยังมีรูปปั้นแกะสลักของสัตว์หน้าตาแปลกประหลาด ท่าทางยิ่งใหญ่น่าเกรงขามตั้งอยู่

เมื่อมองไปที่ประตูใหญ่ มู่เกอเหมือนได้ยินแต่เสียงลั่น กลองรบ ดังก้องไปทั่ว เลือดในกายไหลเวียนเร็วขึ้นอย่าง ควบคุมไม่ได้ เธอก็เคยเป็นทหารนายหนึ่ง จวนตระกูลมู่ ก็เป็นตระกูลทหาร เธอเหมือนหาสิ่งที่เหมือนกันระหว่าง เธอและมู่ชิงเกอเจอแล้ว

บนกรอบประตู มีป้ายแขวนอยู่สามแผ่น

ป้ายบนสุด แผ่นป้ายสีแดงเงาวาวเขียนด้วยตัวอักษรสี ทอง นั่นก็คือคำที่มู่เกอพูดพึมพำอยู่เมื่อสักครู่นี้

องคฮ่องเต้โปรดให้สร้าง นี้เป็นเกียรติที่คนมาก

มายอยากได้แต่ก็ไม่ได้

องคฮ่องเต้โปรดให้สร้าง นั่นหมายความว่าฐานะของ ตระกูลม่ในลั่วตูนั้นก็ยิ่งใหญ่มาก

ป้ายที่สอง เป็นป้ายสีดำสนิท ตัวหนังสือใช้ชาดแทนหมึก เขียนว่า ‘จวนท่านแม่ทัพผู้ปกปักษ์แคว้น’ คำพวกนี้มี ความหมายลึกซึ้ง ราวกับทำให้ผู้คนเห็นภาพสงคราม

ป้ายสุดท้าย เมื่อเทียบกับทั้งสองป้ายที่ผ่านมาแล้ว ดู เรียบง่ายธรรมดากว่ามาก เป็นป้ายที่ทำจากไม้ธรรมดา สลักว่า ‘จวนตระกูลมู่’

“เข้าไปสิ คงไม่ใช่ว่าออกจากบ้านไปไม่กี่วัน ก็จำประตู บ้านตัวเองไม่ได้แล้วนะ?” มู่ซงเห็นว่ามู่เกอไม่ขยับตัว ก็ ตบไหล่เธอ เร่งให้เธอเข้าจวนไป

 

สวนสระเมฆา

ในจวน ทิวทัศน์งดงามเป็นหนึ่ง บริเวณรอบๆ เงียบสงบ เหมาะกับเป็นที่ตั้งเรือนพำนักส่วนตัวของนายน้อยตระกู ลมู่

จวนตระกูลมู่มีผู้คนอยู่ไม่มาก และต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้น จึงไม่ได้มีการแบ่งเรือนนอกเรือนในที่ชัดเจน นอก จากเรือนที่ประมุขตระกูลอยู่แล้ว เรือนส่วนมากก็ปิดตายมานานหลายปี

บวกกับการที่ภายนอกของมู่ชิงเกอเป็นผู้ชาย ฉะนั้นเรือนสวนสระเมฆาของเธอและเรือนของผู้หญิงในตำหนักนั้นห่างกันไกลแสนไกล พูดได้ว่าถ้าไม่ได้ตั้งใจไปหา ในจวนมู่นั้น ยากที่เธอจะได้เจอกับผู้หญิงสักคน

ประกอบกับมู่ชิงเกอค่อนข้างอ่อนไหวเรื่องเพศจริงๆ ของ ตนเอง และเพราะนิสัยของนางด้วย จึงทำให้สาวใช้และ เด็กรับใช้ชายในเรือนของนางมีน้อยมาก คนที่คอยดูแล นางในแต่ละวันก็มีแค่สาวใช้คนสนิทสองคนโย่วเหอผู้ อ่อนโยนดั่งสายนํ้า และฮวาเยวี่ย ผู้งดงามร่าเริง

สาวใช้สองคนนี้อายุพอๆ กับมู่ชิงเกอ ในแต่ละวันหลัง จากที่ปรนนิบัติรับใช้มู่ชิงเกอเสร็จแล้วก็ไม่เคยเฝ้าอยู่ใน ห้องของมู่ชิงเกอตอนกลางคืน เพราะนี่เป็นคำสั่งของมู่ ชิงเกอ

สำหรับมู่เกอแล้ว ถือเป็นการทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้น นอกจากสองคนนี้ มู่ชิงเกอยังมีเด็กรับใช้ชายอีกคนที่ เรียนหนังสือกับนางชื่อว่ามั่วหยาง แต่ว่านางก็เป็นแค่คนเสเพลคนหนึ่ง สำหรับกาพย์กลอนยึกยืออะไรพวกนั้นนางไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย จึงส่งเด็กรับใช้ชายที่คอยเป็นเพื่อนเรียนให้กับนางไปเรียนที่โรงเรียนแทนนางตั้งนานแล้ว

โย่วเหอกับฮวาเยวี่ยรู้จักมู่ชิงเกอดี แต่มู่เกอไม่คุ้นเคยกับ

พวกนางเลย

ภายใต้การช่วยเหลือของมู่ชิงเกอ หลังจากที่ไล่สองคน นั้นออกไป เธอก็ขังตัวเองไว้ในห้อง อ้างว่าอยากพักผ่อน ไม่ให้ใครรบกวน ในความเป็นจริง กลับนั่งขัดสมาธิ อยู่บนเตียง เข้าฌานทำสมาธิ

ชาติที่แล้ว นอกจาก ‘ฝีมือการสังหารอันโหดเหี้ยม’ ของ เธอแล้ว เธอก็พึ่งความสามารถทั้งสองอย่างของเธอ ขัด เกลาความสามารถนั้น และการที่จะฟื้นความสามารถ ให้เก่งกล้ามากขึ้นกว่าเดิมก็ต้องพึ่งการนั่งสมาธิเข้า ฌานเพื่อพัฒนาพลังจิตให้สูงส่งยิ่งขึ้น

ตอนนี้ในที่สุดทุกอย่างก็สงบลง เธอก็จะได้มีเวลาดูว่า ช่องว่างของเธอยังเหลืออะไรทิ้งไว้บ้าง

ระเบิดนั่น ไม่เพียงทำให้เธอร่างแหลกเป็นผุยผง แต่ยัง ทำให้คนที่ลอบทำร้ายเธอตายหมด เกรงว่าก่อนตาย คนๆ นั้นก็คงคิดไม่ถึงว่าเธอจะลงมืออำมหิตได้ถึงเพียงนี้ ดึงเขาลงนรกไปด้วยกัน

จนถึงตอนนี้ทุกครั้งที่มู่เกอหลับตา ก็จะเห็นสายตาสุด ท้ายที่หวาดกลัวและตกตะลึงของคนๆ นั้น ท่ามกลางเสียงระเบิดในตอนนั้น มู่เกอรู้สึกว่าช่องว่าง ของตนเองฉีกขาด หรือว่าจะเกี่ยวกับการที่กำลังภายในร่างของเธอลดลง

หลังจากที่เกิดใหม่ เธอสังเกตว่าพลังสายฟ้าและพลังช่องว่างยังคงอยู่ ในใจจึงมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย

วันนั้นที่ปฏิเสธข้อเสนอของไอ้บ้านั่นไป นอกจากเพราะ เธอหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองแล้ว ก็เป็นเพราะเธอมีช่อง ว่าง เธอจำได้แม่นว่า ภารกิจครั้งสุดท้ายของตัวเองคือ การโจรกรรมอะไรบางอย่าง และเธอก็เอาของลํ้าค่าที่ทุก ประเทศหวังจะได้นั้น ใส่ไว้ในนั้น

ครืด——- !

เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ในหัวของมู่เกอ

ความรู้สึกที่คุ้นเคย และความรู้สึกดีใจพุ่งทะลักออกจาก ใจเธอ ‘เปิดได้แล้ว’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version