Skip to content

พลิกปฐพี 110-5

ตอนที่ 110-5

มู่ชิงเกอเจ้ามียางอายหรือไม่

ขมวดคิ้วทีหนึ่ง มู่ชิงเกอใช้พลังเวทในการสร้างเกราะล่องหนและป้องกันให้ตนเองอยู่นอกความร้อน

‘เจ้านาย ท่านทำเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองพลังเวทนะ!’ เหมิงเหมิงกล่าวเตือน

‘แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงแค่รีบตามหาพญาเพลิงเมฆสุริยาให้เจอ’ มู่ชิงเกอตอบในใจ พลันก้าวฝีเท้า เดินไปอยู่ข้างๆ หานฉายไฉ่ที่เดินนำนางอยู่ก้าวหนึ่ง

ชายผู้นี้ กลับสามารถยืนอยู่บนก้อนหินได้อย่างผ่อนคลาย โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร

มู่ชิงเกอดูออกว่า เขาไม่ได้ใช้พลังเวทในการสร้างเกราะเพื่อกันไอร้อนจากเปลวไฟ

มองเขาด้วยสายตาที่แฝงความฉงนใจแวบหนึ่ง มู่ชิงเกอจึงพูดว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก”

หานฉายไฉ่กระตุกมุมปาก และพูดอย่างได้ใจ ด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า “สำหรับข้าแล้วไฟถือเป็นมิตรที่พึ่งพาได้มากที่สุด” พูดจบ เขาก็สะบัดมือไพล่หลังพลันก้าวเท้ายาวเข้าไป

‘เย่อหยิ่ง!’

มู่ชิงเกอเถียงในใจ และรีบตามไป

มาถึงที่นี่ หากต้องการจะหาพญาเพลิงเมฆสุริยาให้เจอ ก็คงจะต้องพึ่งพลังอันเหนือฟ้าของหานฉายไฉ่

ตามหานฉายไฉ่ไปอยู่เหนือหิน ด้านล่างเป็นแม่นํ้าที่ก่อตัวขึ้นมาจากลาวา ด้านบนเป็นหินหนืดที่ถูกหลอมละลาย กำลังหยดลงในลาวาอย่างไม่ขาดสาย

“ด้านหน้าเป็นทางตัน เจ้าจะทำเช่นไร” อยู่ๆ หานฉายไฉ่ก็หันหลังกลับมา พลันพูดกับมู่ชิงเกอด้วยนํ้าเสียงขบขัน

มู่ชิงเกอมองเขาโดยปราศจากการคำพูด

หานฉานไฉ่พูดอย่างห่วงใยว่า “สายนํ้าเงินไม่สามารถลอยตัวกลางอากาศได้นานมากนัก และในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าทั้งต้องกันการกัดกร่อนจากเปลวเพลิง ทั้งยังต้องลอยตัวกลางอากาศ พลังเวทในตัวของเจ้าอาจจะต้านทานได้ไม่นานมากนัก”

มู่ชิงเกอพลันหัวเราะขึ้นมา “เจ้าพูดราวกับว่า เจ้าบินเก่งมากอย่างนั้นล่ะ”

“อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องแบ่งพลังเพื่อต้านพิษจากไฟ” รอยยิ้มของหานฉายไฉ่เบิกบานมากกว่าเดิม

“พิษจากไฟ! พิษ!”

คำพูดของหานฉายไฉ่ได้เตือนสติมู่ชิงเกอ

หากไฟถือเป็นพิษชนิดหนึ่ง ถ้าเช่นนั้นจะมียาแก้ที่สามารถต่อต้านพิษนี้หรือไม่

มู่ชิงเกอพยายามคิดวิเคราะห์แต่ไม่นานก็ได้คำตอบ

นางจำได้ว่า ในสวนสมุนไพรของเหมิงเหมิง ราวกับมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สามารถกลั่นสารโปร่งแสงได้หากทามันไว้บนร่างกาย จะสามารถป้องกันเปลวเพลิงได้

ถึงแม้ว่า สรรพคุณของยาชนิดนี้จะหายไปหลังจากที่มันระเหย และต้องทาใหม่อีกรอบ แต่อย่างน้อยก็สามารถลดการใช้พลังเวทและเดินไปพร้อมกับหานฉายไฉ่ได้

“คงไม่ต้องรบกวนเจ้าเป็นกังวลหรอก” ม่ชิงเกอยิ้ม พร้อมทั้งยักคิ้วปฏิเสธหานฉายไฉ่

หานฉายไฉ่หรี่ตาทั้งสองข้างลง พลันอุทานอย่างเย่อหยิ่ง แตะปลายเท้าและลอยเหนืออากาศลงไปยังแม่นํ้าลาวา

หลังจากที่เขาจากไป ในมือของมู่ชิงเกอก็มีบางอย่างเพิ่มเข้ามา

นั่นเป็นสิ่งที่เหมิงเหมิงมอบให้กับนาง พืชผลที่รูปร่างคล้ายลูกรักบี้นี้ คือสิ่งลํ้าค่าที่สามารถต้านไฟได้

มู่ชิงเกอยกมันขึ้นมาเหนือศีรษะแล้วใช้แรงบีบให้มันแตกออกอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น สารโปร่งใสก็หลงไหลลงมาจากศีรษะ ลงไปทั่วร่างกาย ไม่นาน ก็ได้ไหลผ่านทั่วร่างกายของนาง ทว่ากลับไม่ทิ้งร่องรอยอันใด

หลังจากที่สำเร็จแล้ว มู่ชิงเกอก็เรียกคืนพลังเวท และเป็นความจริงที่สัมผัสไม่ได้ถึงความร้อน แต่ว่ากลับรู้สึกถึงความเย็นเป็นพิเศษ

‘สมกับเป็นของลํ้าค่า!’ มู่ชิงเกอตาเป็นประกาย พร้อมเผยรอยยิ้มตรงมุมปาก ‘เหมิงเหมิงพืชผลชนิดนี้ เจ้ายังมีเหลืออยู่เท่าไหร่’

‘วางใจเถอะเจ้านาย ในคลังเก็บของของหนูแน่นมาก ท่านต้องการเท่าไหร่ก็มีเท่านั้น’ เหมิงเหมิงพูดด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

เมื่อมีการยืนยันจากกองหลังเช่นนี้ รอยยิ้มของมู่ชิงเกอก็ยิ่งงามชวนตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม พลันแตะเท้าทีหนึ่ง แล้วตามหานฉายไฉ่ไป

ในแม่น้ำลาวา มีก้อนหินก้อนใหญ่สองก้อนที่เพียงพอสำหรับการพักพิงให้กับทั้งสอง

ในทุกครั้งที่ใช้พลังในการลอยตัวไปมาก ทั้งสองก็จะหยุดลงเพื่อพักสักครู่ แล้วจึงลอยขึ้นอีกครั้ง

ท่าทางอันผ่อนคลายของมู่ชิงเกอทำให้หานฉายไฉ่ฉงนใจอย่างเป็นที่สุด

ระหว่างทาง เขาไม่หยุดที่จะพิจารณา ราวกับอยากจะรู้ว่ามู่ชิงเกอใช้ของวิเศษอะไรในการหลบหลีกจากความร้อนอันรุนแรงของที่แห่งนี้

ในโลกที่เต็มไปด้วยไฟเช่นนี้ทั้งสองไม่รู้ว่าเดินทางมาไกลเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าได้เคลื่อนตัวลงมาต่ำเท่าไหร่แล้ว

ในทุกๆ ครั้งที่ฤทธิ์ยากำลังจะหมด มู่ชิงเกอก็จะเอายาจำนวนมหาศาลออกมาเคี้ยว หานฉายไฉ่เห็นแล้วเผยรอยยิ้มทุกข์ใจ แต่ก็ต้องเอายาของตนเองออกมาเติมพลังบ้าง

แต่ทว่า เขาก็ยังคงดูถูกความสามารถของมู่ชิงเกอมากเกินไป

หลังจากที่ยาเม็ดสุดท้ายของเขาถูกกลืนลงไป ในมือของมู่ชิงเกอก็ยังมียาอีกกำใหญ่ และถูกโยนเข้าปากอย่างไม่ขาดสาย

“นี่ เจ้ามียามากมายเท่าไหร่กันแน่เนี่ย” หานฉายไฉ่ถามด้วยใบหน้าดำมืด

มู่ชิงเกอมองเขาแวบหนึ่ง พร้อมพูดอย่างขบขันว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง แน่นอนว่าข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงเจ้าแน่”

นํ้าเสียงที่แฝงการเสียดสี ทำให้สีหน้าหานฉายไฉ่ดำคลํ้า นํ้าเสียงโทนต่ำและแฝงความเกียจคร้านมีความเย็นเยียบเพิ่มเข้ามา พลันพูดอย่างอึดอัดว่า “หากว่าเจ้ายังมียามากพอ ขอให้ข้าสักหน่อยเถอะ”

“หืม เหตุใดประมุขแห่งหอสรรพสิ่ง ออกจากบ้านไยจึงไม่พกยามาให้เพียงพอ” มู่ชิงเกอส่ายหน้าหลายที

“มู่ชิงเกอ เจ้าอย่าลืมว่า ในเมืองฮ่วนเจ้าได้สมบัติชั้นยอดของหอเราไปไม่น้อย ในตอนนี้เพียงใช้ยาไม่กี่เม็ดมาแลกเปลี่ยน ก็ถือว่าเจ้าได้กำไรมากแล้ว” หานฉายไฉ่กัดฟันพูด

มู่ชิงเกอพูดเขาด้วยสายตาที่แฝงความเยาะเย้ย “เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ยังจะมีความหมายอันใด หากจะคิดบัญชีกันเช่นนี้ เราจะต้องคิดเรื่องที่เจ้ากลั่นแกล้ง ข้าเมื่อครั้งอยู่ในเมืองจื้อก่อนจริงหรือไม่”

เมื่อเห็นท่าทางที่แสดงว่า ‘ข้าดูถูกเจ้า’ สีหน้าของหานฉายไฉ่ก็มืดมนลงเรื่อยๆ พูดด้วยนํ้าเสียงที่ยังคงเย็นเยียบว่า “เรื่องนั้น ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็ดึงข้าเข้าไปเกี่ยวด้วย ถือได้ว่าเสมอกันแล้ว”

“หึ ชำระหนี้ได้หน้าไม่อายเสียจริง สมกับชื่อเสียงของประมุขแห่งหอสรรพสิ่งโดยแท้!” มู่ชิงเกอหัวเราะด้วยนํ้าเสียงที่แฝงความเย้ยหยัน

“มู่ชิงเกอ เจ้าอย่าลืมว่า เรายังมีพันธะสัญญาที่ร่วมมือกันอยู่!” หานฉายไฉ่พูดด้วยความโกรธจนไม่ อาจจะเก็บอาการเอาไว้ได้

มู่ชิงเกอจ้อง เขาด้วย แวว ตา เย็นเยียบ แวบหนึ่ง รอยยิ้มตรงมุมปากเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

อย่าลืมสิ ว่าใครเป็นคนเริ่มประเด็น!

สายตาของมู่ชิงเกอ ทำให้หานไฉ่ฉายยอมสงบลงและพูดอย่างอึดอัดว่า “จะต้องทำอย่างไร เจ้าจึงจะยอมแบ่งยาให้กับข้า”

“อยากได้ยาน่ะไม่มีปัญหา! แต่เจ้าจะเอาอะไรมาแลก” มู่ชิงเกอมองเขา ในส่วนลึกของสายตาอันสว่างนิ่งสงบ ราวกับกำลังเจรจาการค้ากับเขาอย่างนั้น

“เจ้าต้องการสิ่งใด”หานฉายไฉ่ถามอย่างไม่ชอบใจ

มู่ชิงเกอมองเขาอย่างพินิจรอบหนึ่ง แล้วส่ายหน้าอย่างรังเกียจ “ในตอนนี้ เจ้าคงจะไม่มีสิ่งมีค่าอันใดติดตัวอยู่ การแลกเปลี่ยนในคราวนี้ถือว่าเสียเปรียบ เสียเปรียบยิ่งนัก”

“มู่ชิงเกอเจ้าอย่าได้เกินไปนัก!” ในดวงตาหงส์อันเรียวยาว เต็มเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร

มู่ชิงเกอยักคิ้ว ราวกับไม่เห็นไอสังหารในแววตาของเขา แล้วยิ้มจนตาโค้งงอดั่งพระจันทร์เสี้ยว พลางเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างได้ใจ “ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงทำสัญญากับข้า ว่ายาเม็ดหนึ่งแลกด้วยแก่นสมองของสัตว์ระดับเหนือกว่าสายครามสิบแก่น กินไปกี่เม็ดก็เอามาคืนเท่านั้น ดีหรือไม่”

หานฉายไฉ่ได้ยินดังนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาในทันที แต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าคิดจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสหรือ แก่นสมองของสัตว์ที่ระดับเหนือกว่าสายคราม เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปแย่งชิงด้วยตนเอง เจ้าคิดว่ามันเป็นผักกาดขาวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดหรืออย่างไร!”

“อืม เจ้าคิดว่าใช่ก็คือใช่” มู่ชิงเกอเอามือลูบคางของตนเองและพยักหน้าอย่างจงใจ ด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าตนเองกำลังจะแย่ง จากนั้นก็มองเขา พลาง พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้อตกลงข้าได้เสนอไปแล้ว ข้าไม่ชอบคนช่างต่อรอง ราคาไหนราคานั้น หากเจ้าพยักหน้าตอบตกลง เพื่อเป็นการทำสัญญา ก็จะได้รับยาในทันที แต่หากเสียดายสิ่งนอกกายเหล่านั้น ก็ไม่เป็นอะไร แม้ว่าการแลกเปลี่ยนจะไม่สำเร็จ ทว่าความสัมพันธ์ก็ยังคงอยู่ สำหรับเรื่องพญาเพลิงเมฆสุริยา เรายังคงเป็นพวกเดียวกัน”

“มู่ชิงเกอ เจ้านี่ช่างหน้าไม่อายเหลือทน” หานฉายไฉ่โกรธจนหัวเราะออกมา มู่ชิงเกอไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย พลันตอบเขาว่า “เช่นกันๆ”

คำพูดเพียงคำเดียว ทำให้หานฉายไฉ่พูดอะไรไม่ออก

หากไม่มียา เขาก็ไม่สามารถเดินไปในที่ที่มีพญาเพลิงเมฆสุริยาอยู่ และหากจากไปเช่นนี้ เขาก็ไม่ยินยอม เพราะใครจะรู้ว่ากลับมาที่นี่อีกหน จะต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นใด และหากว่าพญาเพลิงเมฆสุริยาฟื้นตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจะทำอย่างไร

หลังจากที่คิดอย่างเคร่งเครียด จนในที่สุดหานฉายไฉ่ก็กัดฟันกรอด และตอบตกลงข้อเสนอของมู่ชิงเกอ!

หลังจากที่ทำสัญญากันเสร็จสรรพแล้ว หานฉายไฉ่ก็อุทานอย่างเย็นเยียบคำหนึ่ง แล้วจึงโยนแก่นสมองให้กับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอรีบรับด้วยสองมือ และตรวจทานอย่างละเอียด เมื่อพบว่าไม่มีข้อผิดพลาดประการใด จึงเก็บอย่างระมัดระวัง ส่วนสัญญานั้นถูกเก็บไว้ในที่ๆ หานฉายไฉ่มองไม่เห็นและเข้าไปอยู่ในมิติแห่งช่องว่าง

เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ มู่ชิงเกอก็ได้เอายาเพิ่มกำลังขวดหนึ่งให้กับหานฉายไฉ่ตามสัญญา และปลอบใจว่า “เจ้าอย่าเอาแต่เสียดายแก่นสมอง ในขวดนี้มียาอยู่หลายสิบเม็ด แก่นสมองหลายร้อยแก่นช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ถือว่าเจ้าได้เปรียบและข้ามีเมตตา ไม่ยอมเห็นเจ้าหมดลมหายใจไปเพราะพลังเวทหมดลง หากไม่เช่นนั้น การค้าที่เสียเปรียบเช่นนี้ใครจะยอมทำ”

หานฉายไฉ่เก็บขวดที่มีเม็ดยาบรรจุอยู่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วเย้ยหยันคำพูดของมู่ชิงเกอว่า “เรื่องในวันนี้ถือว่าข้าได้เรียนรู้ความสามารถของคุณชายมู่”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ไม่ขนาดนั้นหรอก” มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้ม แล้วพูดอย่างจริงใจ

บนใบหน้าอันเรียวและงดงาม เผยรอยยิ้มที่ฉายความเบิกบาน แต่กลับทำให้สายตาของหานฉายไฉ่เติมไปด้วยความเจ็บปวด

แก่นสมองของสัตว์ที่อยู่ในระดับเหนือกว่าสายคราม ยังกล่าวได้อีกว่า ในหลินชวนแห่งนี้หายากมาก และทุกๆ แก่นสมองล้วนมีมูลค่าอันมหาศาล ในวันนี้ ถูกยาของนางแลกไปหลายร้อยแก่น ถือว่าเป็นจำนวนที่เทียบเท่ากับการเก็บสะสมของชนชั้นระดับกลางใน แคว้นระดับสาม วิธีง่ายๆ เพียงเท่านี้ ก็สามารถกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในชั่วค่ำคืน ในตอนนี้ เจ้านี่ได้เปรียบมากถึงเพียงนี้ แต่ยังแสร้งพูดว่าตนเองทำการค้าที่เสีย เปรียบอีกอย่างนั้นหรือ

คิดว่าเขาเป็นเด็กอายุ 3 ขวบหรือไร

“ออกเดินทาง” เก็บความอึดอัดเอาไว้เพียงในใจ หานฉายไฉ่ลุกขึ้นยืน พลันออกเดินทางอีกหน

เขามีความรู้สึกหนึ่ง หากไม่สามารถพบพญาเพลิงเมฆสุริยาก่อนที่ยานี้จะหมด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะถูกมู่ชิงเกอรีดไถอีกไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

เมื่อจนปัญญา ในครานี้ถือว่าเป็นข้อผิดพลาดของตัวเขาเอง ที่เตรียมยามาไม่พอ

แต่ว่า มู่ชิงเกอเป็นตัวประหลาดอะไรกัน เหตุใดมียาจำนวนมากราวกับว่าใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมดอย่างนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version