ตอนที่ 111-3
เพิ่มยอดขายประจำเดือน ร้องเรียกท่านมั่ว!
‘ไสหัวไป! หนวกหูเว้ย!’ มู่ชิงเกอกัดฟันพูด
“อุก-”
มู่ชิงเกอห่อตัว เพื่อรับกับการกัดกร่อนของเปลวเพลิง
‘ต้องถึงขั้นไหนถึงจะถือว่าสำเร็จ’ ในขณะที่รับมือกับความเจ็บปวด นางเอ่ยถามขึ้น
เหมิงเหมิงรีบตอบว่า ‘หากท่านรู้สึกว่าโลหิตในกายไหลเวียนได้ไหลลื่น หรือไม่ก็รู้สึกว่าภายในร่างกายได้เกิดการฉีกขาดและส่งเสียงแตกหัก ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว เจ้านายสู้ๆ!’
มู่ชิงเกอกัดฟันแน่น หลับตาทั้งคู่ลง และพยายามสัมผัสความรู้สึกดังเช่นที่เหมิงเหมิงพูด
ไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าไหร่ ทันใดนั้น นางพลันรู้สึก ราวกับว่าได้ยินเสียงแตกหักดังออกจากร่างกาย วินาทีต่อมา เส้นเลือดทั่วทั้งร่างกายราวกับกำลังเดือดขึ้นมา
นางลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน และพูดเสียงหลงว่า “สำเร็จแล้ว!”
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้าช่างทำตัวให้คนอื่นเป็นห่วงเสียจริง เรื่องอันตรายเพียงนี้ ยังกล้าทำลับหลังข้า เฮ้อ…
ทันใดนั้น ไออุ่นที่เต็มไปด้วยความกดดันและเสียงที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุแต่แฝงความสูงส่งดังขึ้นข้างหูมู่ชิงเกอ ทำให้นางตัวแข็งทื่อทันที
ไม่รอให้นางได้แสดงปฏิกิริยาอันใด เสียงแหลมและแฝงความทรมานของหงส์ไฟก็ดังขึ้น
จากนั้น นางก็รู้สึกว่าเปลวเพลิงที่ปกคลุมตัวนางอยู่ได้หายไปอย่างกะทันหัน แสงไฟกลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวเข้าใกล้ตำแหน่งที่หานฉายไฉ่อยู่ และล้อมรอบเขาเอาไว้จนเขาตกลงสู่ทะเลเพลิงอีกครั้ง
ทันใดนั้น สายตาของนางก็พร่ามัวลงอีกครั้ง พลันรู้สึกว่าตนเองได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของคนในชุดสีขาว
เปลวเพลิงสลายหายไป เนื้อกายของนางก็ค่อยๆ กลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดั่งเดิม โลหิตดั่งเปลวเพลิงที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็ค่อยๆ หายไป
ท้นทีที่เงยหน้าขึ้น ก็พลันไปสบกับสายตาอันลึกซึ้งคู่นั้น มู่ชิงเกอถามด้วยความฉงนใจว่า “ท่านมาได้ อย่างไร” ไม่รอให้เขาตอบ นางก็ถามต่อว่า “ท่านทำอะไรหานฉายไฉ่”
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์กำลังเป็นห่วงเขาหรือ” ซือมั่วยิ้ม แต่ทว่าในส่วนลึกของสายตากลับฉายแววอันตราย
เบื้องหลังของหน้าตาอันงดงามลงตัวไร้ที่เปรียบ และความงามละเอียดลออ มีไอสังหารซ่อนอยู่
เหอะ เสี่ยวเกอเออร์ของเขาเป็นห่วงเป็นใยชายอื่นมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ…นี่เขาควรจะจัดการกับชายผู้นั้นอย่างไรถึงจะสาสม บีบให้แหลกละเอียด เผาให้สิ้นซาก หรือว่าจะแล่เนื้อออกเป็นชิ้นๆ
สีหน้าของมู่ชิงเกอมืดมนลงในทันที “เขาเป็นพวกเดียวกับข้า ไม่เป็นห่วงเขาจะให้เป็นห่วงท่านหรืออย่างไร” ฐานะที่แท้จริงของหานฉายไฉ่นั้นไม่ธรรมดา หากตายที่นี่จะต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาเป็นแน่
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ช่างน่าเศร้าใจเสียจริง” อ้อมแขนของซือมั่วค่อยๆ แน่นขึ้น นัยน์ตาสีอำพัน แฝงความน่าเย้ายวนดั่งอัญมณีอันลํ้าค่า
ปลายนิ้วของเขา ปัดผ่านแก้มของมู่ชิงเกอราวกับไม่ได้ตั้งใจ ทำให้อีกฝ่ายขนลุกอย่างทนไม่ได้
‘เจ้านายๆ ท่านไม่ได้สวมเสื้อผ้า !’
คุณตัวประหลาดทำให้มู่ชิงเกอตกใจตัวแข็ง ทันใดนั้นเสียงที่ดังขึ้นในหัวก็เป็นดั่งเสียงฟ้าผ่า ดวงตาของนางเบิกกว้างในทันที
ปฏิกิริยาเช่นนี้ของนาง ทำให้รอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ในแววตาของซือมั่วชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายเสี่ยวเกอเอ๋อร์ก็รู้สึกตัวจนได้
“นี่ รบกวนท่านโปรดหลับตาและออกไปจากตรงนี้ด้วย” มู่ชิงเกอพยายามแข็งใจและพยักเพยิดหน้าเพื่อแสดงคำสั่ง
ในขณะที่กระตุ้นโลหิต เครื่องมือมายาได้รับความเสียหาย ในตอนนี้นางกลับไปเป็นผู้หญิง หากใครมาเห็นเข้า ตนเองจะเสียเปรียบ
“เหตุใดเสี่ยวเกอเออร์จึงทำให้เรื่องมันยุ่งยากเช่นนี้” ซือมั่วยิ้มไม่หุบ แสงประกายอันเจิดจ้าส่องแสงอย่างไม่ขาดสาย
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ยังไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ
ซือมั่วเองก็ไม่คิดที่จะอธิบาย สะบัดมือคู่ใหญ่ทีหนึ่ง ชุดที่มู่ชิงเกอได้เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ได้ลอยเข้ามาหานางในทันที
มู่ชิงเกอมองฉากตรงหน้าพลันเบิกตาโต และแอบคิดด้วยความตื่นตระหนกว่า ‘ตาบ้านี่คงไม่ได้คิดจะสวมเสื้อผ้าให้ข้าหรอกนะ!’
กำลังจะต่อต้าน มู่ชิงเกอก็เห็นเสื้อผ้าร่วงลงอย่างกะทันหัน จนบดบังสายตาของนาง
วินาทีต่อมา นางก็รับรู้ถึงความรัดแน่นของร่างกาย เสื้อผ้าที่พุ่งเข้ามาหานาง ในตอนนี้ได้สวมอยู่บนร่างกายของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
‘แม้กระทั่งสวมเสื้อผ้า ยังสามารถทำได้ด้วยวิธีเช่นนี้!’ มู่ชิงเกอรู้สึกว่าตนเองได้เปิดวิสัยทัศน์ให้กว้างไกลมากขึ้นแล้ว
หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอก็ผลักแขนของซือมั่วออก แล้วลุกขึ้นมา
ร่างกายไม่ได้รับอันตรายประการใด จึงทำให้ซือมั่วไม่มีเหตุผลที่จะเข้ามาใกล้
ค่อยๆ เว้นระยะห่างจากเขา และไม่ทันได้สังเกตท่าทางที่แฝงความผิดหวังของชือมั่ว พลันถามขึ้นอีกหนว่า “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วหานฉายไฉ่เป็นอย่างไรบ้าง”
รอยยิ้มของซือมั่วแฝงแววอันตราย นํ้าเสียงทุ้มต่ำชวนมึนเมาแฝงความสูงส่งและเกียจคร้าน “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่รู้สึกหรือว่า การเอ่ยถึงชายอื่นต่อหน้าข้าเป็นเรื่องเสียมารยาท”
มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก และถามอย่างเย็นเยียบว่า “ตอบคำถามของข้า” หานฉายไฉ่ตกลงในทะเลไฟเป็นเวลานานแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
มู่ชิงเกอยังคงขมวดคิ้วเป็นปมไม่หยุด
ซือมั่วจ้องนาง นัยน์ตาเป็นประกาย แล้วตอบว่า “ที่ข้ามาที่นี่ แน่นอนว่าเพราะเสี่ยวเกอเอ๋อร์ สำหรับเจ้าคนหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิงผู้นั้นอยากจะกลืนกินพญาเพลิงเมฆสุริยามิใช่หรือ ข้าเพียงแค่ช่วยเขาก็เท่านั้น”
แต่จะสำเร็จหรือไม่ จะมีชีวิตรอดหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกับข้า
ซือมั่วพูดในใจ
ที่แท้หานฉายไฉ่ก็กำลังกลืนกินพญาเพลิงเมฆสุริยา
มู่ชิงเกอที่ได้รับคำตอบโล่งใจและหมดห่วง
เหมิงเหมิงที่อยู่ในห้วงความคิดของมู่ชิงเกออยากจะเตือนนางว่า การกลืนกินพญาเพลิงเมฆสุริยานั้น อันตรายกว่าการกระตุ้นสายโลหิต แต่พอสัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยมของคนที่อยู่ข้างๆ เจ้านาย นางก็รู้สึกว่า ตนเองควรอยู่อย่างสงบเสงี่ยมจะเป็นการดีที่สุด
ในขณะเดียวกัน นางก็แอบจุดเทียนในใจเพื่อไว้อาลัยให้กับเขา
พญาเพลิง เป็นของวิเศษที่มหัศจรรย์อย่างมาก หากคนธรรมดาอยากจะกลืนกินมันและหากไม่ระวังอาจจะถูกกลืนกินกลับจนสิ้นซาก
นี่เป็นการประลองระหว่างพญาเพลิงเมฆสุริยาและหานฉายไฉ่ ไม่มีใครสามารถช่วยได้
“ท่านมาที่นี่เพื่อมาหาข้าอย่างนั้นหรือ มีธุระอันใด” เมื่อรู้ว่าหานฉายไฉ่ไม่ได้ถูกคุณตัวประหลาดสังหาร มู่ชิงเกอก็เริ่มสนใจถึงเหตุผลที่ชายผู้นี้ปรากฏตัว ในตอนที่เขาจากไปเมื่อคราที่แล้ว บอกว่ามีเรื่อง
ต้องไปจัดการ กว่าจะกลับมาก็อีกนานมิใช่หรือ
เหตุใดเพียงแค่สองสามเดือน เขาก็กลับมาอีกแล้วล่ะ
อีกประการหนึ่ง รู้ตำแหน่งของนางและพญาเพลิงเมฆสุริยาอย่างแม่นยำเช่นนี้…
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว รวมความสงสัยทุกประการ เอาไว้ที่กู่หยาที่ตามติดตัวนางอย่างเงียบๆในตอนนี้ กู่หยาที่ถูกชายขี้หึงผู้นี้ทิ้งเอาไว้เหนือพื้นดินในใจเป็นทุกข์อย่างไม่อาจจะบรรยายได้ เขาไม่ได้บอกอะไรท่านประมุขเลยนะ แต่ว่าในหลินชวนแห่งนี้ ยังจะมีอะไรที่สามารถปิดบังท่านประมุขได้อีก ประเด็นอยู่ที่ว่า เขาจะสนใจหรือเปล่าก็เท่านั้น
คุณชายของตระกูลมุ่ท่านนี้ ได้รับความโปรดปรานมากขึ้นเพียงนี้หากไม่อยากเป็นที่สนใจก็คงจะยาก!
“แน่นอนว่าต้องมีธุระ” ซือมั่วพยักหน้าและใช้มือคู่ใหญ่ของตนเองจูงมือของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่กลับเห็นสายตาที่แฝงการติเตือนของชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีอำพันนั่นแฝงการเตือนที่รุนแรงเป็นอย่างมาก พอคิดถึงว่าในตอนนี้ความสามารถของตนเองยังด้อยกว่า มู่ชิงเกอทำได้เพียงทำตามคำสั่งและเลิกดิ้นรน