ตอนที่ 112-4
ลูบคลำก้นท่านมั่ว
เพราะเหมิงเหมิงบอกกับตนเองว่าพญาเพลิงสามารถ กระตุ้นสายโลหิตของนางได้ เพราะฉะนั้น ในตอนแรก เหตุผลที่นางตามหาพญาเพลิงก็เพื่อเป้าหมายนี้ พญา เพลิงที่เหมิงเหมิงอธิบายให้ฟังในตอนแรก คือเพลิงที่เกิดขึ้นในขณะที่โลกได้ก่อตัวขึ้น มันทรงพลัง มีความสามารถพิเศษ หายาก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเก่งกาจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น ณ หอสรรพสิ่ง นางได้รับการอธิบายอย่างละเอียดของพญาเพลิง แล้วก็รู้ข้อมูลไม่น้อย เมื่อได้รู้จักกับหานฉายไฉ่ก็ได้รู้ว่าพญาเพลิงนั้นมีหลายระดับ มีพลัง และมีความสามารถ ยิ่งความสามารถมากเท่าใด พลังเวทก็จะยิ่งสูงมากขึ้น โดยระหว่างพญาเพลิงก็มีการแข่งขัน และยังสามารถกลืนกินกันและกันเพื่อเพิ่มพลัง ให้กับตนเองได้
อย่างอื่น นางกลับไม่แน่ใจ
กลืนซาลาเปาลงท้องไป มู่ชิงเกอพูดสั้นๆ ว่า “พญาเพลิงนั้นมีการจัดลำดับ มีความคิดความอ่าน และยังมีสงครามระหว่างกัน”
‘ดูเหมือนว่าความเข้าใจเกี่ยวกับพญาเพลิงของเสี่ยวเกอเอ๋อร์ยังน้อยมาก’ ซือมั่วคิดในใจ
หลังจากที่ตักข้าวต้มให้มู่ชิงเกออีกถ้วยหนึ่ง ซือมั่วจึงพูดว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่ต้องเสียใจเรื่องพญาเพลิง พญาเพลิงที่หลินชวนโดยพื้นฐานแล้วเป็นเพียงพญาเพลิงขยะ”
“อะไรนะ!”
มู่ชิงเกอลืมตาโตในทันที พลางคิดในใจว่า พญาเพลิงเมฆสุริยาเป็นอันดับที่ 5 ในตำราของหานฉายไฉ่ ก็ทำให้นางเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ยังไม่พูด ถึง 4 อันดับแรกว่าเก่งกาจมากเพียงใด แต่ซือมั่วกลับบอกว่าเป็นเพียงแค่พญาเพลิงขยะ
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กตะลึงมากถึงเพียงนั้นซือมั่วก็รีบพูด ต่อให้จบ “ทว่ามีพญาเพลิงชนิดหนึ่งที่แตกต่าง มันมีชื่อว่า พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน”
“พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน! ในตำรามันอยู่ในระดับที่เท่าไหร่กัน” มู่ชิงเกอพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ซือมั่วอึ้ง แต่ก็เพียงครู่หนึ่งก็ได้สติ พลันพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เจ้าหมายถึงตำราที่หอสรรพสิ่งทำขึ้นอย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงเกอพยักหน้า
ซือมั่วหัวเราะลั่น ส่ายหน้าและพูดว่า “ความจริงแล้ว พญาเพลิงไม่ได้มีการจัดลำดับอันใด เพียงแต่ประเภทที่ต่างกัน ทำให้คุณสมบัติต่างไปด้วย ไม่มีใครจะประเมินได้ว่าอันไหนเก่งกาจกว่า มันเป็นเพียงแค่จินตนาการของมนุษย์ก็เท่านั้น”
มู่ชิงเกอไม่ชอบใจกับท่าทางอันเย่อหยิ่งนั้น จึงทำปากเบ้ “เมื่อครู่นี้ท่านเป็นคนพูดเองว่าพญาเพลิงของหลินชวนล้วนเป็นพญาเพลิงขยะ”
คำพูดเช่นนี้ลอยเข้าไปในหูของซือมั่ว ทำให้ดวงตาสีนํ้าผึ้งของเขาฉายแววเคร่งขรึม นํ้าเสียงก็แฝงความอันตราย “เสี่ยวเกอเอ๋อร์กำลังทวงความยุติธรรมให้กับ หอสรรพสิ่งหรือ”
ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกประหลาด นางมองซือมั่วด้วยความฉงนใจ ราวกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ อีกประการหนึ่ง นางเพียงแค่ไม่ชินในความเย่อหยิ่งของเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับหอสรรพสิ่ง
ซือมั่วที่มองมู่ชิงเกออยู่ พ่ายแพ้ให้กับความไร้เดียงสาของนาง เผลออุทานในใจว่า ‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขา ความรู้สึกช้ากว่าเขานัก แม้ว่าตนเองจะโกรธมากเพียง
ใด นางก็ไม่รู้ ลำบากตัวเองแท้ๆ’
“เมื่อครู่นี้ท่านบอกว่าพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนมีความสามารถที่พิเศษข้าอยากรู้ว่ามันจัดอยู่ในประเภทใด” มู่ชิงเกอรีบถาม
ซือมั่วพยักหน้า ในส่วนลึกของสายตามีรอยยิ้มซ่อนอยู่ มองท่าทางอันเชื่อฟังของมู่ชิงเกอ ที่กำลังรอคอยการอธิบายจากเขา เขารู้สึกถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เคยได้ยินคำว่าพญาเพลิงไร้นามที่เป็นพญาเพลิงไร้ค่าหรือไม่”
“พญาเพลิงไร้นามเป็นของไร้ค่าอย่างนั้นหรือ” ม่ชิงเกอพึมพำ พร้อมพยักหน้าเบาๆ
ซือมั่วไม่ได้ถามต่อ และพูดต่อประเด็นเดิม คืออธิบายให้กับนางว่า “พญาเพลิงไร้นาม มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถสร้างอาวุธและปรุงยาได้ทุกชนิด เพราะเหตุผล นี้จึงทำให้การฝึกช้ามาก ยากที่จะทะลวง ทว่าหากเมื่อใดสามารถทะลวงได้แล้ว จะเหนือกว่าทุกประเภทที่อยู่ในระดับเดียวกัน”
“เหนือกว่าทุกประเภทที่อยู่ในระดับเดียวกัน!” ในส่วนลึกของสายตาของมู่ชิงเกอ มีเปลวเพลิงลุกโหมขึ้นมา นางราวกับจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดหานฉายไฉ่จึงได้จัด ให้พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนให้อยู่อันดับหนึ่ง
“ประมุขแห่งหอสรรพสิ่ง มาจากตระกูลแห่งเปลวเพลิงเชียวหรือ ถึงว่าเหตุใดเขาจึงได้รู้จักพญาเพลิงดีเช่นนี้ สามารถจัดลำดับโดยให้พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน อยู่ในลำดับแรกของหลินชวนถือว่าเขามีความสามารถ” ซือมั่วพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“ตระกูลแห่งเปลวเพลิง? ตระกูลแห่งเปลวเพลิงอะไรกัน ?” มู่ชิงเกอจับประเด็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยคำนั้นอย่างมีไหวพริบ
ซือมั่วตาเป็นประกาย แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามตามตรง เพียงพูดว่า “เรื่องนี้ค่อยคุยกัน เราต้องคุยกันเรื่องพญาเพลิงให้กระจ่างเสียก่อน”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ มู่ชิงเกอจึงทำได้แค่อดทนรอให้เขาพูดอย่างไม่ขัดจังหวะ
อย่างไรก็ตาม นางสนใจการเก็บสะสมพญาเพลิงที่ได้พูดถึงก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
“การฝึกพลังเวทของมนุษย์มีลำดับขั้น พญาเพลิงก็เช่นกัน พญาเพลิงทุก ๆ ประเภท ในแต่ละยุคแล้วจะมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ทว่า เป็นเพราะเวลาการกำเนิดที่แตกต่างกัน จึงแบ่งเป็นพญาเพลิงแรกเกิด เริ่มโต โตเต็มวัยและชราภาพ พญาเพลิงแรกเกิดยังไม่มีพลังมากนัก ราวกับเด็กแรกเกิดที่ยังไม่รู้ความ ซึ่งเป็นช่วงที่ง่ายต่อการถูกกลืนกินและเก็บสะสมมากที่สุด แต่ทว่าหากถูกกลืนกิน หรือเก็บสะสมแล้ว การเติบโตต่อไปของพญาเพลิงก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของ ท้ายที่สุดแล้ว พญาเพลิงจะเก่งกาจหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของ” ซือมั่วพูดพลางมองตามู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอหรี่ตาทั้งคู่ลง แล้วเอ่ยถามว่า “พญาเพลิงที่ถูกหานฉายไฉ่กลืนกินอยู่ในช่วงใดหรือ”
“ถือได้ว่าอยู่ระหว่างขั้นโตเติมวัยและชราภาพ” ซือมั่วตอบ “ความจริงแล้ว พญาเพลิงเมฆสุริยาไม่ควรจะอ่อนแอมากเช่นนั้น แต่เพราะบาดเจ็บหนักและไม่ได้รับ การรักษา ทั้งยังถูกพวกเจ้าถือโอกาสนี้ในการทำร้าย ทำให้ชราภาพลงเร็วกว่าเดิม”
“แย่เพียงนี้เชียวหรือ” คำพูดของมู่ชิงเกอดูมีความสุขที่เห็นผูอื่นเป็นทุกข์
“หากพญาเพลิงชราภาพลงแล้วจะเป็นอย่างไร” มู่ชิงเกอถามขึ้นอีก นางต้องการทราบว่า หานฉายไฉ่ที่เสียแรงอย่างมากในการกลืนกินพญาเพลิงชราภาพเข้าไป หากรู้ความจริงแล้วจะมีปฏิกิริยาอันใด
“หากชราภาพลงแล้วแน่นอนว่าจะดับสูญไป แล้วจึงเกิดใหม่ในที่ใดที่หนึ่งเป็นวัฏจักร” ซือมั่วอธิบายอย่างแนบนิ่ง
“แล้วความสัมพันธ์ระหว่างมันกับเจ้าของ…” มู่ชิงเกอหรี่ตาทั้งคู่ลง ปลายนิ้วของนาง เคาะเบาๆ บนโต๊ะ
“ถูกยกเลิก” ซือมั่วตอบ
คำตอบนี้ทำให้ตาที่หรี่เล็กของมู่ชิงเกอเป็นประกาย พลันเผยรอยยิ้มและพูดกับซือมั่วว่า “ที่ท่านพูดถึงพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน อยากจะให้ข้าเก็บสะสมมันหรือ”
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ฉลาดนัก” ซือมั่วกล่าวชม
มู่ชิงเกอเชิดหน้าใส่เขา พูดอย่างได้ใจว่า “ข้าเป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร”
สำหรับความหลงตัวเองของนาง ซือลั่วกลับเห็นด้วยเป็นอย่างมาก ‘อืม เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาควรจะเป็นเช่นนี้! ใช้ชีวิตอย่างโอหัง สง่างามบ้าคลั่ง อีกประการหนึ่ง สิ่งที่นางพูดล้วนเป็นความจริง!’
“พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนในตอนนี้เป็นเพียงแค่พญาเพลิงแรกเกิด หากว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์สามารถโน้มน้าว ให้มันเชื่อในตัวของเจ้าได้ในอนาคตมันจะเป็น กำลังสำคัญให้กับเจ้าเป็นแน่” ซือมั่วพูดอย่างเคร่งขรึม แต่ทว่ามู่ชิงเกอกลับขมวดคิ้วและมองเขาด้วยความฉงนใจ “ท่านบอกว่าพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนไม่ สามารถทะลวงพลังได้ ถ้าเช่นนั้นมันถือเป็นขยะมิใช่หรือ”
ซือมั่วพยักหน้า “ข้าเคยบอกแล้วว่า หากว่ามันทะลวงได้มันจะมีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด และคำว่าเหนือนี้ไม่เพียงแค่ในหลินชวน”
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง นางพลันรู้สึกว่าในวันนี้ซือมั่วอาจจะเผยความลับบางอย่างเกี่ยวกับโลกที่อยู่ภายนอกอาณาเขตหลินชวน!
“หากจะให้พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนทะลวงพลัง ด้วยตนเองนั้นถือว่ายากมาก แต่ทว่า ความสามารถพิเศษของมัน ทำให้มันมีทางเลือกเพียงแค่ทางเดียว” ในส่วนลึกของดวงตาสีนํ้าผึ้งของซือมั่วเป็นประกาย
มู่ชิงเกอเม้มริมฝีปาก ฟังคำพูดต่อไปของซือมั่วอย่างรอคอย ด้วยจังหวะการหายใจที่รวดเร็ว
“ระหว่างพญาเพลิง สามารถกลืนกินกันและกัน ทำให้สามารถทะลวงสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และมันต้องเป็นพญาเพลิงประเภทเดียวกันจึงจะสามารถ กระทำเช่นนี้ได้ แต่ทว่าพญาเพลิงประเภทเดียวกัน หากพบกันแล้ว ก็ใช่ว่าจะสามารถกลืนกินกันและกันได้เลย ส่วนมากแล้วผลลัพธ์คือเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย แต่ทว่า สำหรับพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนแล้ว ตัวมันเองเป็นประเภทที่แตกต่าง แต่กลับสามารถกลืนกินพญาเพลิงได้ทุกประเภท ยิ่งกลืนกินประเภทที่แตกต่างกัน ก็จะยิ่งเพิ่มความสามารถให้กับมัน และสามารถมีพลังของพญาเพลิงทุกประเภทได้ระหว่างพญาเพลิงธรรมดาแล้ว การจะกลืนกิน ทำได้เพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง แต่พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนกลับสามารถกลืนกินได้มากตามต้องการ เจ้าคิดว่าเก่งกาจหรือไม่ล่ะ”