Skip to content

พลิกปฐพี 114-1

ตอนที่ 114-1

คนจับผิดมาแล้ว!

‘พี่สาว’

สองคำนี้ ราวกับฟ้าผ่าลงกลางศีรษะของมู่ชิงเกอ

นางหรี่ตาลงด้วยความสงสัยในทันที พร้อมหยุดมือที่กำลังจะยื่นออกไปดึงแขนของอีกฝ่าย

ซือมั่วที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง กวาดสายตาพินิจผ่านสุ่ยหลิงรอบหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“สุ่ยหลิงกลับมา! ท่ามกลางผู้คนในที่สาธารณะ เจ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับชายแปลกหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ฟู่เทียนหลงเดินเข้ามา พูดด้วยนํ้าเสียงที่แฝงความไม่ชอบใจ

ในดวงตาสีดำเงา มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง

“ไม่ ข้าชอบมู่เกอ” สุ่ยหลิงปฏิเสธ และไม่ปล่อยแขนของมู่ชิงเกอง่ายๆ แต่กลับจับแน่นขึ้นกว่าเดิม

“เจ้า!” ใบหน้าของฟู่เทียนหลงแดงกํ่าขึ้นมา

สีหน้าของเว่ยกว่านกว่านเองก็ไม่ดีนัก นางพูดกับสุ่ยหลิงว่า “สุ่ยหลิงเจ้าไม่สนิทกับมู่เกอ จะไปกอดเขาทำไม”

“เจ้าเองก็ไม่ ไม่ใช่หรือ”

“พอเถิด” มู่ชิงเกอฟังจนรู้สึกปวดหัว ดึงมือทั้งคู่ออกในทันที พลันหันหน้าพูดว่า “ข้ายังต้องไปลงชื่อ เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

“มู่เกอ ท่านไม่ต้องไปเข้าแถวแล้ว”

มู่ชิงเกอหันหน้ากลับไป แต่ถูกเว่ยฉีเรียกเอาไว้ นางหันกลับไปอย่างสงสัย พร้อมมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

เว่ยฉียักคิ้วหลายที พูดอย่างได้ใจว่า “เรารู้ว่าท่านจะไม่พลาดการสมัครในครานี้ เพราะฉะนั้น ตอนเข้าแถวเมื่อครู่นี้ เราเลยสมัครให้ท่านไปเรียบร้อยแล้ว!”

พูดจบ ยังทำท่าทางราวกับ ‘ชื่นชมข้าสิ! รีบชื่นชมข้า!’

มู่ชิงเกอกวาดสายตามองเขาทีหนึ่ง และจึงหยุดสายตาที่เว่ยกว่านกว่าน พลันเผยรอยยิ้มและพูดว่า “ขอบใจนะกว่านกว่าน”

“ว้าว! มู่เกอท่านช่างร้ายกาจเสียจริง! ท่านรู้ได้อย่างไร ว่าข้าเป็นคนเตือนเจ้าเว่ยฉี” ใบหน้าของเว่ยกว่านกว่านเต็มไปด้วยความชื่นชมมู่ชิงเกอที่อยู่ตรงหน้าราวกับเป็นเทพเซียน

แม้กระทั่งสุ่ยหลิงที่อยู่อีกข้าง ในดวงตาดวงโตอันสดใสก็พยายามพินิจมู่ชิงเกอ ส่วนลึกของสายตาเต็มไปด้วยการค้นหา

เว่ยฉีพูดอย่างเสียใจว่า “มู่เกอ เหตุใดข้าจึงเป็นคนเตือนก่อนไม่ได้”

มู่ชิงเกอรู้สึกขำ แต่ก็ขี้เกียจจะอธิบาย เพียงแค่มองทุกคนแวบหนึ่ง แล้วนางก็พูดว่า “หากไม่ต้องเข้าแถวสมัครแล้ว เราก็ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”

ทุกคนต่างพยักหน้า มีเพียงแค่ฟู่เทียนหลงที่มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

ราวกับว่า เขาไม่พอใจกับความสนิทสนมของสุ่ยหลิงที่มีต่อนางเป็นอย่างมาก

“ใช่สิ มู่เกอ ท่านมีที่พักหรือยัง เราจะต้องอยู่ที่เมืองซางจื่ออีกสามวัน สามวันหลังจากนี้จึงจะถูกพาเข้าโรงโอสถ” อยู่ๆ เว่ยฉีก็ถามขึ้น

มู่ชิงเกอพยักหน้า “ตอนมา ได้สั่งให้โย่วเหอไปหาแล้ว”

“ตอนนี้ไม่ได้หาง่ายแล้ว” เว่ยกว่านกว่านพูดพร้อมเม้มปาก

สุ่ยหลิงเองก็พยักหน้าและพูดเสริม “ใช่! ตอนนี้ในเมืองเต็มไปด้วยผู้ที่มาสมัครที่โรงโอสถ โรงเตี๊ยมก็เต็มแล้ว พวกเราสี่คนรู้จักกันก็เพราะแย่งห้องพักห้องหนึ่งกัน เรียกได้ว่าไม่ต่อยตีไม่รู้จัก”

เว่ยกว่านกว่านรีบพูดต่อว่า “ข้าได้พักห้องเดียวกันกับสุ่ยหลิง ส่วนไอ้เว่ยฉีพักห้องเดียวกับฟู่เทียนหลง หากโย่วเหอหาโรงเตี๊ยมไม่ได้จะทำอย่างไร” พูดจบนางก็หันไปมองพี่ชายอย่างไม่เป็นมิตรและพูดว่า “เว่ยฉีเอาเตียงของเจ้าให้มู่เกอ!”

แน่นอนว่าเว่ยฉีไม่มีความคิดเห็น

แต่ทว่า ฟู่เทียนหลงกลับพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ข้าไม่ยอม ข้าไม่อยากจะอยู่ร่วมห้องกับเจ้าหน้าขาวนี่!”

“ฟู่เทียนหลง!” สุ่ยหลิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ และส่งเสียงเตือน

ฟู่เทียนหลงอุทานอย่างเย่อหยิ่งคำหนึ่ง เชิดหน้าใส่นาง

“เจ้า! เจ้าคนเลว!” สุ่ยหลิงโกรธจนสับเท้า ดวงตาแดงกํ่าขึ้นมาในทันที

มู่ชิงเกอเห็นแล้วไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงทำได้เพียง แค่บ่นในใจ นี่! แม่นางท่านนี้ ที่ข้าต้องมาทนรับกับสายตาที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ก็เพราะความสนิทสนมเกินจริงของท่านมิใช่หรือ

คนโง่ก็ดูออกว่าฟู่เทียนหลงมีใจให้กับสุ่ยหลิง แล้วนับประสาอะไรกับนาง

“มิต้องเป็นกังวล ข้าเชื่อว่าโย่วเหอจะต้องหาที่พักได้” มู่ชิงเกอพูดอย่างแนบนิ่ง เพื่อหยุดการโต้เถียงที่ไม่มีสาระนี่

“ใช่ เสียวเกอเออร์จะพักกับข้า ไม่ต้องลำบากทุกคนหรอก” ซือมั่วพูดได้ถูกเวลา นัยน์ตาสีนํ้าผึ้งค่อยๆ กวาดมองทุกคนอย่างไม่แสดงความรู้สึก

เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขา จะอยู่ร่วมกับห้องกับชายอื่นได้อย่างไร

คำพูดของซือมั่ว ทำให้มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเล็กน้อย และสบตากับสุ่ยหลิงโดยบังเอิญ ทำให้เห็นความแปลกใจและตื่นตระหนกจากสายตาของหญิงผู้นี้

ใช่สิ! นางเกือบลืมไปเลยว่า ยัยเด็กนี่สามารถมองทะลุ การอำพรางของเครื่องมือมายาของนางได้!

‘บางคนเคยบอกว่า นอกจากจะมีคนที่มีพลังเวทเหนือกว่านาง จึงจะสามารถล่วงรู้ได้ว่านางอำพรางตัวตนมิใช่หรือ หึ พูดอะไรเชื่อถือไม่ได้เลยจริงๆ’ มู่ชิงเกอแอบสบถในใจหนักๆ ประโยคหนึ่ง

ในขณะนี้เอง ฮวาเยวี่ยก็เดินเข้ามา พูดกับมู่ชิงเกอว่า “ท่าน เรายังต้องเข้าแถวหรือไม่”

“ไม่จำเป็น ข้าลืมบอกเจ้า” มู่ชิงเกอส่ายหน้า

ฮวาเยวี่ยยิ้มจางๆ และยืนอยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอ

“ฮวาเยวี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!” เว่ยกว่านกว่านโบกมือให้ฮวาเยวี่ย

ฮวาเยวี่ยผุดรอยยิ้ม โค้งคำนับให้กับเว่ยกว่านกว่านและเว่ยฉีพร้อมพูดว่า “คุณชายเว่ย แม่นางเว่ย”

“ที่นี่ผู้คนแออัดมาก เราอย่ายืนอยู่ตรงนี้จะดีกว่า ไปหาที่นั่งคุยและทานอาหารกันเถอะ”

มู่ชิงเกอไม่ได้ปฏิเสธ

จะว่าไปแล้ว นางกับพี่น้องตระกูลเว่ย ก็ถือได้ว่าเป็นมิตรสหายที่ได้มาพบหน้ากัน

เพียงแต่ว่า นางไม่คุ้นชินกับการมีคุณตัวประหลาดอยู่ข้างกาย

เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้นางจึงใช้สายตาส่งสัญญาณ แต่ชายหนุ่มราวกับจะไม่เข้าใจ และเดินตามทุกคนเข้าไปในโรงเตี้ยม

นางค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลงสองก้าว มู่ชิงเกอหมดความอดทน จึงพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ว่า “ท่านแก่ขนาดนี้แล้ว ยังจะร่วมสังสรรค์กับคนวัยหนุ่มสาวอีกหรือ”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์รังเกียจข้าหรือ” ในสายตาของซือมั่วดูลึกซึ้งและส่องประกายดั่งเพชรเม็ดงาม น้ำเสียงนั้นคลุมเครือเป็นอย่างมาก

มู่ชิงเกอกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง ท่าทางนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก

ซือมั่วหยุดฝีเท้ากะทันหันริมฝีปากดั่งกลีบดอกอิง ค่อยๆ เผยอออก “ทุกท่าน”

คนข้างหน้าลดมือในทันที ต่างก็หันกลับมามองเขา

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก ไม่รู้ว่าชายผู้นี้คิดจะทำอะไร แต่กลับเห็นสายตาของซือมั่วแฝงความเศร้าและพูดด้วยความเสียใจว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่ชอบให้ข้าสนิท

สนมกับคนนอกมากนัก จึงจะขอตัวก่อน”

เวร!

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง รู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก! ‘ไม่ต้องพูดจาชวนขนลุกให้คนอื่นคิดมากเช่นนั้นจะได้ไหม’

“เพราะเหตุใด เหตุใดพี่ชายจึงไปทานอาหารกับเราไม่ได้” เว่ยกว่านกว่านผู้ใสซื่อถามถึงในทันที ซือมั่วไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแค่มองมู่ชิงเกอด้วยแววตาที่แฝงความเศร้าใจ

ราวกับว่า ทุกอย่างเป็นความผิดของนาง!

เว่ยกว่านกว่านรีบหันไปมองมู่ชิงเกอ พลันถามอย่างไม่เข้าใจว่า “มู่เกอ เราต่างก็เป็นเพื่อนกัน จะบอกว่าเป็นคนนอกได้อย่างไร ให้พี่ชายไปกับเราเถิด”

“ใช่! มู่เกอ เราพบกับพี่ชายครั้งแรก จะให้เขาจากไปเพียงลำพังแล้วเราไปกินของอร่อยกันเองได้อย่างไร” เว่ยฉีเองก็พูดขึ้น

มู่ชิงเกอรู้สึกปวดหัว

นางหันไปมองซือมั่ว และบังเอิญเห็นรอยยิ้มที่ฉายความเจ้าเล่ห์ตรงมุมปากของเขา สำหรับความจริงใจของพี่น้องตระกูลเว่ย นางทำได้เพียงแค่กัดฟันพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์จะไม่ชอบใจหรือเปล่า” ซือมั่วพูดอย่างลังเล

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก ยิ้มจนตาทั้งคู่หรี่เล็กลง “ชอบสิ ข้าจะไม่ชอบใจได้อย่างไร”

“เยี่ยมเลย! ข้ารู้อยู่แล้วว่ามู่เกอใจดีที่สุด!” เว่ยกว่านกว่านกระโดดขึ้นมาอย่างขี้เล่น และเดินเข้าไปหามู่ชิงเกอพลันคล้องแขนของอีกฝ่าย เอาไว้อีกหน

ราวกับรู้ว่านางจะทำอะไร สุ่ยหลิงเองก็พุ่งมาจากอีกข้างหนึ่งมาแนบตัวมู่ชิงเกอในทันที

สองสาวที่มีมู่ชิงเกอคนกลางอยู่จ้องตากันครู่หนึ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยความท้าทาย

มู่ชิงเกอมองพวกนางด้วยใบหน้าดำคลำ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบว่า “ไปเถิด”

พูดจบ นางก็เดินผ่ากลางระหว่างเว่ยฉีและฟู่เทียนหลง เพื่อเดินไปอยู่ข้างหน้าสุด

ซือมั่วยิ้มจางๆ แล้วจึงค่อยๆ เดินตามไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!