Skip to content

พลิกปฐพี 115-2

ตอนที่ 115-2

ท่านมั่วโปรดออกไปเถิด!

กลิ่นอายของซือมั่วแปรเปลี่ยนไป ร่างในชุดสีขาวดั่งเทพ รอบกายพลันปรากฏหมอกควันสีดำซึ่งกลมกลืนไปกับท้องฟ้าในยามรัตติกาล ทั้งน่าผยองและแปลกประหลาด แต่ก็ดูเหมือนจะทรงพลังเป็นอย่างมาก

เขางดงามดั่งเทพเทวา แต่กลิ่นอายกลับแข็งแกร่งรุนแรงราวปีศาจ

ทั้งสองสิ่งที่ขัดแย้งกันนี้ได้เกิดขึ้นในร่างของเขาผู้นี้ แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับสมบูรณ์แบบและสามารถรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้

“ทางกู่หยาเป็นอย่างไรบ้าง” ซือมั่วถามอย่างเย็นชา

บนวงหน้าอันงดงาม ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนดังเช่นตอนที่คุยกับมู่ชิงเกอเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่า ซือมั่วในตอนนี้ต่างหากที่เป็นท่านประมุขดั่งที่กู่เย่คุ้นเคย เขาเงยหน้าขึ้น ในแววตาเดือดพล่านพลันตอบว่า “กู่หยาได้เฝ้าหานฉายไฉ่อยู่ที่ที่ราบรั่วลื่อตามคำสั่ง และส่งข่าวมาว่า ตอนนี้คนของหานฉายไฉ่ได้ถึงที่นั่นแล้ว”

ซือมั่วพยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบว่า “หากคนของเขามาแล้ว ก็ให้กู่หยาออกมาได้เลย พวกเจ้าทั้งสองไปตรวจสอบตระกูลหมอเทพที่เมืองปา และคอยสังเกตทุกความเคลื่อนไหวของหานฉายไฉ่” ทั้งสองคนผู้มีสายโลหิตวิเศษนี้ปรากฏอยู่ข้างกายมู่ชิงเกอไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ เขาจะต้องคอยช่วยมู่ชิงเกอสังเกตการณ์อย่างไม่คลาดสายตา หากมีอันผิดปกติ ก็ให้พวกเขา ‘โก่วได้’ เสีย จะได้ไม่ทำให้เสียวเกอเอ๋อร์ต้องลำบากใจ

“ขอรับ ท่านประมุข” กู่เย่ก้มหน้าลงรับคำสั่ง จากนั้นก็พูดอย่างสงสัยว่า “แล้วทางอาณาจักรเซิ่งหยวน ”

ซือมั่วพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก “ไม่ต้องสนใจ”

กู่เย่กระตุกมุมปาก พลันหายตัวไป

เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็ได้ออกจากซางจื่อมาไกลมากแล้ว

เขาหันไปมองบ่อนํ้าที่แนบนิ่งและเงียบเหงาในยามรัตติกาล พร้อมพูดว่า “ดูเหมือนว่าในขณะนี้ในใจของท่านประมุขไม่มีเรื่องใดจะสำคัญได้เท่ากับเรื่องของผู้สืบสายเลือดหญิงแห่งตระกูลมู่ผู้นี้อีกแล้ว”

เมื่อสั่งให้กู่เย่จากไปแล้ว ซือมั่วจึงเดินเข้าเรือนไป

แต่ทว่า ประตูที่เขาก้าวเข้าไปนั้น คือบานเดียวกันกับที่มู่ชิงเกอเดินเข้าไปเมื่อครู่ที่ผ่านมา

“ท่านเข้าผิดห้องแล้ว” มู่ชิงเกอที่กำลังมั่งขัดสมาธิเพื่อฝึกพลังเวทอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินเสียงรบกวน จึงลืมตาขึ้นมองเขาครู่หนึ่ง แล้วค่อยหลับตาทั้งคู่ลงอีกหน ซือมั่วทำท่าทีราวกับไม่รู้สึกรู้สาอันใด เดินเข้าไปบริเวณเตียงแล้วนอนลง “ในยามคํ่าคืนเช่นนี้อากาศหนาวเย็นมาก ข้าและเจ้าอยู่ร่วมห้องเดียวกันจึงจะสามารถให้ ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้ เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่ต้องสนใจข้า ฝึกพลังเวทอย่างสบายใจเถิด”

คำพูดที่หน้าไม่อายเช่นนั้น ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

ในขณะที่นางเสร็จจากการฝึกพลังเวท และลืมตาขึ้นมา ก็เผชิญหน้ากับชายที่อยู่ตรงหน้า ในดวงตามีร่างอันสูงโปร่งสะท้อนอยู่

ทันใดนั้น ดวงตาอันกระจ่างใสก็สว่างวาบ แล้วจึงค่อยๆ หรี่ลง เอนตัวไปข้างหลังอย่างผ่อนคลายและเกียจคร้าน นางเผยรอยยิ้มร้ายกาจทีหนึ่งแล้วจึงพูดกับซือมั่วว่า “ทำไมรึ คนงามต้องการมาอุ่นเตียงเองอีกแล้วหรือ”

“หากเสี่ยวเกอเอ๋อร์ต้องการ ข้าก็จะสละร่างกายให้”

ริมฝีปากแดงกํ่าดั่งกลีบดอกท้อของซือมั่วเผยรอยยิ้มที่น่าเย้ายวนอย่างเป็นที่สุด

มู่ชิงเกอตาเป็นประกาย รอยยิ้มที่แฝงแผนการตรงมุมปากชัดเจนมากกว่าเดิม

นางยื่นนิ้วมือออกมา แล้วกระดิกตรงหน้าซือมั่ว “เข้ามา”

คำสองคำนี้ ดังก้องในหูของซือมั่ว ราวกับเป็นเสียงแห่งสวรรค์

ดวงตาสีนํ้าผึ้งของเขาเป็นประกาย และพลันหายตัววับ ไปกลางอากาศ

เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกหน ก็ได้มีมู่ชิงเกออยู่ในอ้อมแขน ทั้งสองล้มตัวลงนอนในเตียงอันแสนนุ่ม

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์อย่าขยับ” ซือมั่วหยุดมู่ชิงเกอที่กำลังจะเปิดปากพูด

มู่ชิงเกออึ้ง จากนั้นเสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกว่า “ให้ข้านอนกอดเจ้าได้หรือไม่”

กระตุกมุมปากทีหนึ่ง มู่ชิงเกอราวกับไม่ได้รับรู้ถึงความอบอุ่นและความหอมหวานที่ซ่อนอยู่ในคำพูด กลับกัดฟันพูดว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นหมอนข้างหรือ!”

“หมอนข้างคือสิ่งใดกัน” ซือมั่วถามอย่างแปลกใจ

มู่ชิงเกอไม่อยากจะอธิบาย ใช้ขาเตะน่องของเขาหลายที พลันอุทานว่า “บอกว่าจะอุ่นเตียง ก็ต้องทำให้ได้ดั่งที่ได้พูดเอาไว้สิ”

ซือมั่วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เจ้าและข้านอนกอดกันเช่นนี้ไม่อบอุ่นหรืออย่างไรเล่า เหตุใดยังต้องเสียแรงทำให้*เตียงอุ่น”

(มีความหมายโดยนัยคือการเกิดความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างชายหญิง ซึ่งอาจแปลว่า การทำให้เตียงอบอุ่นได้อีกด้วย)

ถุ้ย!

กอดแน่นเช่นนี้นางจะนอนได้อย่างไร

มู่ชิงเกอคัดค้าน “ท่านลงไป!”

“ไม่ เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว” ซือมั่วกระชับกอดแน่นกว่าเดิม

“ปล่อยมือ!” มู่ชิงเกอกล่าวเตือน

ซือมั่วกลับพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เป็นคนชวนข้าเอง”

คำพูดนี้ทำให้มู่ชิงเกอ แม้รู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่อาจจะร้องได้นางยอมรับแล้วว่าตนเองได้เปิดทางให้หมาป่าเข้าถํ้า ในตอนแรกเพียงคิดอยากจะกลั่นแกล้งชายผู้นี้ดั่งเช่นครั้งที่ผ่านมา แล้วให้เขาจากไปอย่างเศร้าใจ เหตุใดทุกอย่างจึงเกิดบานปลายเช่นนี้

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่ต้องการให้ท่านอุ่นเตียงแล้ว ท่านออกไปเถิด!” มู่ชิงเกอใช้มือดันซือมั่วออกอย่างสุดกำลัง พยายามสร้างระยะห่างระหว่างกัน

แต่ทว่า ไม่ว่านางจะดิ้นรนอย่างไร ระยะห่างของทั้งสอง ก็ยังคงแนบสนิทดังเดิม มู่ชิงเกออยากจะใช้พลังเวท แต่กลับพบว่า ในตอนนี้พลังเวทที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนางอ่อนแอมาก ดั่งติดอยู่ในดินโคลน ไม่สามารถใช้ใด้เลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องคิด นางก็รู้ว่าต้องเป็นชายผู้นี้แน่ที่เล่นลูกไม้

“ท่านออกไปเดี๋ยวนี้!”

“เด็กดีรีบนอนนะ ดึกมากแล้ว”

“ท่านออกไปเดี๋ยวนี้!”

“ชู่ว อย่ารบกวนคนอื่น”

เสียงทะเลาะกันดังออกไปนอกห้อง ภายในห้องนอนอีกห้องหนึ่ง โย่วเหอและฮวาเยวี่ยนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เมื่อได้ยินเสียงที่กระตุ้นให้เกิดจินตนาการ ในฝ่ามือก็พลันชื้นไปด้วยเหงื่อ

“โย่ว….โย่วเหอ เราจะไม่ออกไปดูจริงๆ หรือ คุณชายจะเป็นอะไรหรือเปล่า” ฮวาเยวี่ยพูดเบาๆ อย่างไม่ไว้ใจ

โย่วเหอเองก็กังวลใจเป็นอย่างมาก แต่กลับยิ้มขื่นแล้วพูดว่า “หากเราเข้าไปตอนนี้ แล้วเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น จะไม่ยิ่งแย่หรือ”

“แต่ว่า หากคุณชายเสียเปรียบจะทำอย่างไร” น้ำเสียงของฮวาเยวี่ยสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

เมื่อตอนที่ออกจากแคว้นฉิน พวกนางได้รับปากกับนายท่านและคุณหนูใหญ่ว่าจะดูแลคุณชายเป็นอย่างดี!

“เราต้องเชื่อในตัวคุณชาย” โย่วเหอพูดอย่างแน่วแน่ “หากท่านมั่วท่านนั้นคิดไม่ซื่อจริงๆ คุณชายไม่ยอมให้เขาอยู่กับพวกเราเป็นแน่”

“เจ้าพูดถูก” ฮวาเยวี่ยพยักหน้าเห็นด้วย ทันใดนั้น นางก็กระจ่างขึ้นมาว่า “หรือว่าท่านมั่วท่านนั้นจะเป็นชายที่คุณชายของพวกเราเลือก”

“ชู่ว!” โย่วเหอรีบปิดปากฮวาเยวี่ย เพื่อห้ามคำพูดที่กำลังจะออกจากปากของนาง

หลังจากที่เสียงจากห้องข้างๆ ค่อยๆ จางหายไป โย่วเหอจึงพูดกับฮวาเยวี่ยเบาๆ ว่า “เรื่องแบบนี้หากคุณชายไม่ยอมรับ เราจะพูดเองเออเองมิได้”

ฮวาเยวี่ยพยักหน้าตอบรับอย่างแรง

คำพูดเมื่อครู่นี้ นางพูดโดยไม่ทันได้คิด ในตอนนี้นางเริ่มกลัว

หากคุณชายได้ยินและเกิดไม่ชอบใจ บางทีพวกนางอาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่ปรนนิบัติเขาอีกต่อไป

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ฮวาเยวี่ยก็รีบขอร้องอย่างเศร้าๆ ว่า “โย่วเหอ ที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้ อย่าได้บอกคุณชายเชียวนะ!”

“วางใจเถิด” โย่วเหอปลอบฮวาเยวี่ย แล้วจึงพูดว่า “เราก็พักผ่อนกันก่อนเถิด ตื่นมาอีกที เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงเอง”

ห้องนอนของทั้งสองสาว ค่อยๆ เงียบลง

นอกหน้าต่าง พระจันทร์อันเย็นเยียบซ่อนตัวอยู่ในเมฆ เพียงชั่วพริบตา พระจันทร์และดวงดาวก็ได้ลับขอบฟ้า แสงแรกของพระอาทิตย์สาดสว่างลงสู่พื้นดิน ทำให้ปลายหญ้าส่องแสงระยิบระยับ

แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุหน้าต่างลงบนเตียงใหญ่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!