Skip to content

พลิกปฐพี 121-1

ตอนที่ 121-1

ศิษย์น้องมู่เจ้าไหวหรือไม่

ระยะเวลาสองวัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในสองวันนี้ เรื่องที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องการประลองยาของฟ่งอวี๋กุย แต่เป็นการประลองยาระหว่างมู่ชิงเกอและซ่งอวี้

เพราะฉะนั้น การประลองยารอบแรกที่ควรจะเป็นที่น่าตื่นเต้น แต่เมื่อการประลองได้เริ่มขึ้นผู้ชมกลับไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่คิดเอาไว้

เพราะอย่างไรก็ตาม การประลองระหว่างนักปรุงยาระดับกลางและระดับกลางก็ไม่ได้มีอะไรที่น่ารอคอย

สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนมาชมการประลองยาในครั้งนี้ก็คือ อยากจะเห็นว่าฟ่งอวี๋กุยสามารถปรุงยาระดับสูงอย่างที่เล่าลือกันได้จริงหรือไม่!

บนเวทีการประลองยา ฟ่งอวี๋กุยและคู่ประลองของเขา ต้องยืนหันหน้าเข้าหากัน

ตรงหน้าของทั้งสองต่างมีโต๊ะตัวหนึ่ง ข้างโต๊ะมีหม้อยาวางอยู่หม้อหนึ่ง บนโต๊ะยามีอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการปรุงยาวางอยู่ รอบ ๆ เวที คืออัฒจันทร์สำหรับผู้ชมที่บรรจุคนได้ประมาณหนึ่งพันคน แต่น่าเสียดายที่ผู้มาเยือนรวม ๆ แล้วมีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น สถานการณ์อันเงียบเหงาทำให้สายตาของฟ่งอวี๋กุยที่เพิ่งขึ้นเวทีไปมืดมนลง ความโกรธแค้นที่มีต่อมู่ชิงเกอมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มองไปยังท่ามกลางผู้ชม มู่ชิงเกอ พี่น้องตระกูลเว่ยและ สุ่ยหลิงรวมทั้งฟู่เทียนหลงอยู่ด้วยกัน สิ่งที่น่าแปลกคือ อีกห้าคนที่พักอาศัยอยู่ร่วมกับพวกเขาก็นั่งอยู่บริเวณไม่ไกลมากนัก

เว่ยกว่านกว่านแอบหันไปมองข้างหลังแวบหนึ่งและจึงกระซิบข้างหูมู่ชิงเกอว่า “เจ้าห้าคนนี้สองวันที่ผ่านมาตามติดเราไปเสียทุกที่ หริอว่ากลัวว่าท่านจะโกงการ ประลอง”

มู่ชิงเกอยกยิ้มเบา ๆ และพูดอย่างแนบนิ่งว่า “ไม่เป็นอะไร แล้วแต่เขาเถอะ”

เว่ยกว่านกว่านเบะปากและพึมพำว่า “รอให้ท่านชนะก่อนเถิด ดูว่าเขาจะพูดอย่างไรได้อีก!”

“มู่เกอเวลาในการประลองการปรุงยาระหว่างท่านและซ่งอวี้นั้นจะเริ่มขึ้นเมื่อใด” อยู่ ๆ สุ่ยหลิงก็ถามขึ้น

ในวันที่มีการท้าประลองการปรุงยามู่ชิงเกอตอบกลับไป เพียงแค่ว่าหลังการประลองของฟ่งอวี๋กุย แต่เวลาอย่างแน่นอนดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้กำหนด

มู่ชิงเกอจึงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “พรุ่งนี้”

“คาดว่าผู้ที่มาชมในวันพรุ่งนี้จะต้องมากกว่าวันนี้อย่างมหาศาล” สุ่ยหลิงพูดพร้อมรอยยิ้ม

เว่ยฉีพูดอย่างไม่พอใจว่า “คาดเดาอันใดกัน มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!”

“ใช่! มู่เกอ เรารอท่านล้มคู่ต่อสู้อยู่นะ” เว่ยกว่านกว่านพูดอย่างตื่นเต้น

“มู่เกอ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะแสดงฝีมืออันน่าทึ่ง” แม้กระทั่งฟู่เทียนหลงที่ไม่ยอมพูดกับมู่ชิงเกอแม้แต่คำเดียวก็พูดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ

ทันทีที่เขาพูดจบก็ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ

แต่มู่ชิงเกอเพียงกวาดสายตามองเขานิ่งๆ และตอบกลับเขาด้วยนัยน์ตาอันสว่างใสและสงบ

ฟู่เทียนหลงเก็บสายตา แต่ทว่า ไม่มีใครสังเกตเห็นยาเม็ดหนึ่งที่ถูกซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อและเขากำมันไว้อย่างแน่น

ยาเม็ดนั้นเป็นยาที่ฟ่งอวี๋กุยแอบเอาให้เขาเมื่อคืนและสั่งให้เขาหาโอกาสให้มู่ชิงเกอกินก่อนที่นางจะขึ้นเวทีประลอง บอกว่ายานี้จะละลายไปตามนํ้าไม่มีรสไม่มี กลิ่น จะไม่มีใครจับได้เป็นอันขาด

สรรพคุณของยาคืออะไร ฟู่เทียนหลงกลับไม่รู้

ทว่า สำหรับฟู่เทียนหลงที่เคยวางยามู่ชิงเกอมาครั้งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าต้องรู้สึกลังเลอยู่บ้าง

เพราะฉะนั้นยาเม็ดนี้จึงถูกกำอยู่ในมือของเขาไม่กล้าเอาออกมา

บนเวทีคู่ประลองของฟ่งอวี๋กุยได้ปรากฏตัว ทันทีที่ทั้งสองมาถึง การประลองการปรุงยาก็ได้เริ่มขึ้น หลังจากที่ทั้งสองโค้งตัวลงคารวะซึ่งกันและกัน ก็เริ่มเขียนยา สมุนไพรและจำนวนที่ตนเองต้องการไว้บนกระดาษขาว

หลังจากที่พวกเขาเขียนเสร็จก็มอบให้กับคนงานไปเตรียม

ในระหว่างที่รอ สายตาของฟ่งอวี๋กุยกวาดมองผู้คนที่มาดู แล้วหยุดสายตาตรงที่มู่ชิงเกออย่างง่ายดาย รอยยิ้มอันเย็นเยียบเกิดขึ้นตรงปากของเขาก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ความตื่นเต้นและชัยชนะในสายตาของเขาทำให้มู่ชิงเกอหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้

เก็บสายตา นึกถึงสิ่งที่พูดเตียวหยวนเมื่อวานแล้ว รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

ในวันนั้น หลังจากที่เขาบอกกับว่า มีความเป็นไปได้สูงที่มู่ชิงเกอจะสามารถปรุงยาระดับสูงได้ ปฏิกิริยาที่เตียนหยวนมีต่อเขาก็ได้เปลี่ยนไป

จากนั้น ก็ให้ยาเม็ดหนึ่งกับเขาและบอกว่าเป็นยาที่จะทำให้ไม่สามารถรวบรวมพลังจิตในยามที่ปรุงยาได้ ให้เขาหาโอกาสให้มู่ชิงเกอกินเข้าไป และหลังจากที่สำเร็จแล้ว ในขณะที่มู่ชิงเกอแพ้จากการปรุงยาก็คือเวลาเดียวกันที่จะให้เขาได้เข้าสู่สำนักของท่านหัวหน้าโรงโอสถ

ข้อตกลงนี้ทำให้ฟ่งอวี๋กุยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

ในตอนนี้เขาแทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะเห็นมู่ชิงเกอล้มเหลวกระวนกระวายและได้รับการเยาะเย้ยจากทุกคน

“มู่เกอ ถึงเวลานั้นที่แม้แต่พลังจิตเจ้าก็ยังไม่อาจจะรวบรวมได้ ข้าจะรอดูสิว่าเจ้าจะสามารถปรุงยาระดับสูงได้อย่างไร บางทีแม้กระทั่งยาระดับต่ำก็ยังยากที่จะ ปรุงออกมาได้ ในวันนี้เจ้ายังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้า แต่ข้าจะต้องกลายเป็นจุดสนใจและเจ้าได้ถูกกำหนดให้เป็นตัวตลกในวันพรุ่งนี้” ความคิดของฟ่งอวี๋กุยชั่วร้าย มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับฟู่เทียนหลง ถือว่าเหมาะสมที่สุดเพราะพวกเขาระแวงในตัวฟู่เทียนหลงน้อยที่สุด และเพื่อผู้หญิงที่ชื่อสุ่ยหลิง เขาจะต้องทำทุกวิถีทางให้มู่ชิงเกอขายหน้าและถึงขั้นขับไล่ให้เขาไปไกลๆ

ฟ่งอวี๋กุยยิ้มอย่างเย็นเยียบตรงมุมปากและชื่นชมการตัดสินในตอนแรกของตนเองอีกครั้ง

ถ้าหากว่าในตอนนั้นไม่ได้ทำสัญญาร่วมกับฟู่เทียนหลงเอาไว้ เรื่องในวันนี้ก็คงจะไม่สามารถผ่านไปได้ง่ายดายเช่นนี้

มองขึ้นไปบนเวที เว่ยกว่านกว่านพูดกับเว่ยฉีว่า “ข้าว่าเจ้าฟ่งอวี๋กุยต้องคิดเรื่องชั่วอันใดอยู่เป็นแน่ ดูสายตาของเขาสิว่าเจ้าเล่ห์มากเพียงใด!”

คำพูดนี้ลอยเข้าหูของฟู่เทียนหลงและทำให้เขาหลบตาในทันที มือที่กำยาอยู่แน่นขึ้นหลายเท่า

“ฟู่เทียนหลงเจ้าเป็นอะไรไป” สุ่ยหลิงที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของฟู่เทียนหลง

ฟู่เทียนหลงมองนางแวบหนึ่งแล้วเคลื่อนสายตาออกในทันที และพูดอย่างอึดอัดว่า “เปล่า”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมพูด แม้ว่าสุ่ยหลิงจะรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามต่อ

ฟู่เทียนหลงพยายามยืดตัวขึ้นราวกับกำลังสังเกตทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนเวที สายตาอันสว่างของมู่ชิงเกอหยุดอยู่บนสีหน้าของเขาราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

ไม่นานคนงานที่ไปเตรียมยาสมุนไพรก็ได้กลับมา ยาสมุนไพรทุกอย่างที่ต้องการพวกเขาล้วนเตรียมมาสามชุด

เพราะว่าในการปรุงยานั้น อาจเกิดความผิดพลาดกลางคัน เพราะฉะนั้นในขั้นตอนของการปรุงยาปกติแล้วจะเตรียมยาเอาไว้สามชุด หากว่าในชุดแรกได้ประสบความสำเร็จก็ถือว่าสำเร็จ ในทางกลับกันหากว่าใช้ยาทั้งสามชุด แล้วยังผิดพลาดก็ถือว่าแพ้

เมื่อยาสมุนไพรได้เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คู่ประลองของฟ่งอวี๋กุยก็ได้พูดกับเขาว่า “เชิญศิษย์น้องฟ่ง”

“เชิญศิษย์พี่” พิงอวี่กุยพูด

ทั้งสองทำตามพิธีการครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มการปรุงยา

เพราะเป็นยาสมุนไพรที่มาจากคลังยาของโรงโอสถ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงลดขั้นตอนของการแบ่งประเภท เพียงแค่ชั่งนํ้าหนักก็สามารถเริ่มปรุงได้เลย

รอบข้างเงียบสงบ การชมการประลองการปรุงยาไม่ได้มีการโจมตีที่น่าตื่นเต้นดังเช่นการประลองอื่น ๆ แต่อย่างไร

อีกประการหนึ่ง ขั้นตอนนั้นจืดชืดเป็นอย่างมาก โชคดีที่ผู้ชมทั้งหลายล้วนเป็นลูกศิษย์แห่งโรงโอสถ สำหรับการรอคอยเช่นนี้ได้คุ้นชินแล้วจึงไม่ได้มีเสียงพูด คุยกันมากนัก เมื่อชมไปได้ครู่หนึ่งอยู่ ๆ เว่ยฉีก็ขมวดคิ้วพูดด้วยความสงสัย “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าคู่ประลองของฟ่งอวี๋กุยนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ราวกับได้พ่ายแพ้ไปแล้วอย่างนั้นแหละ”

ทันทีที่ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็ดึงดูดความสนใจจากเว่ยกว่านกว่านในทันที ทำให้นางยื่นตัวออกไปครึ่งนึงเพื่อสังเกตคู่ประลองของฟ่งอวี๋กุยอย่างชัดเจน

แม้กระทั่งสายตาของมู่ชิงเกอเองก็หยุดอยู่ที่คนผู้นั้น

“จริงด้วย! หากเจ้าไม่พูดข้าเองก็ไม่รู้สึก แต่ดูดี ๆ แล้วราวกับทำส่ง ๆ” เว่ยกว่านกว่านพูด

สุ่ยหลิงเองก็พูดพร้อมความสงสัยว่า “การประลองในครั้งนี้เขาเป็นผู้ท้าไม่ใช่หรือ ด้านของฟ่งอวี๋กุยเองก็เป็นเพียงผู้ถูกท้า”

มู่ชิงเกอนิ่งมองครู่หนึ่งแล้วจึงพูดกับทุกคนว่า “ดูต่อไปก่อนเถิด”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ทั้งสามก็เงียบลงและจ้องมองการประลองบนเวทีอย่างไม่ละสายตา

“โธ่!”

ทันใดนั้นท่ามกลางผู้คนก็มีเสียงเสียดายดังขึ้น ทุกคนมองไปเห็นเพียงแค่คู่ประลองฟ่งอวี๋กุยทิ้งผงยาที่เตรียมเอาไว้ลงในหม้อ และในหม้อก็มีควันสีดำเกิดขึ้นในทันที

เห็นได้ชัดว่าการปรุงยาในครั้งแรกของเขาล้มเหลวไปแล้ว

มู่ชิงเกอจ้องหน้าคนผู้นั้นและเห็นว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แต่ในแววตาไร้ซึ่งความตกใจ

อาจจะเป็นเพราะเขาเก็บซ่อนความรู้สึกหรืออาจจะเป็นเพราะเขาสามารถรับได้กับผลเช่นนี้และเขารู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสายตาจึงไม่ได้มีความรู้สึกอันใดมากนัก

ในสายตาของมู่ชิงเกอแฝงความขบขัน “การประลองปรุงยาในครั้งนี้ถือว่าเริ่มน่าสนใจขึ้นแล้ว”

“มู่เกอ ท่านว่าอย่างไรนะ” เว่ยกว่านกว่านได้ยินคำพึมพำของมู่ชิงเกอไม่ชัดจึงได้หันกลับมาถามในทันที

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มและพูดอย่างแสดงจุดประสงค์ว่า “แต่ก็ขอให้ศิษย์พี่ผู้นั้นในครั้งนี้อย่าได้ผิดพลาดอีก”

เว่ยกว่านกว่านพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร “ข้าเองก็หวังให้เขาชนะจะได้ทำให้ความเย่อหยิ่งของฟ่งอวี๋กุยหายไปบ้าง”

“ดูการประลองเถิด” มู่ชิงเกอมองไปยังบนเวที เว่ยกว่านกว่านพยักหน้าและรวบรวมจุดสนใจไว้บนเวทีอีกครั้ง

ครั้งแรกล้มเหลว เพราะนี่คือการประลอง เขาก็ได้เริ่มเตรียมผงยาเป็นครั้งที่สองและในตอนนี้ได้อยู่ในขั้นตอนของการหลอมละลายในหม้อ

ไม่นานผงยาที่ผู้เข้าประลองได้เตรียมเอาไว้ก็ลงสู่หม้ออีกครั้ง

ในครานี้ ไม่ได้เกิดเหตุสุดวิสัยอันใด ผงยาราวกับจะอยู่ในหม้ออย่างมั่นคงแล้วและเริ่มผสมผสานกัน ในอีกด้านหนึ่งในหม้อของฟ่งอวี๋กุย ยาได้ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่าง

เพียงอีกครู่หนึ่งก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไป ในหม้อของฟ่งอวี๋กุยมีกลิ่นหอมโชยออกมา

“สำเร็จแล้ว!”

“สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกเชียวหรือ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!