Skip to content

พลิกปฐพี 122-5

ตอนที่ 122-5

ผู้ชมที่ตกตะลึง!

“โธ่ เจ้าเด็กนี่ช่างฉลาดพูด ในตอนนี้ยังคิดจะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม!” จูหลิงปิดปากหัวเราะพลางพูดขึ้น พลันแอบมองซางจื่อซู

ซางจื่อซูก้มสายตาลงเล็กน้อย ท่าทางเย็นชาราวกับรูปปั้น

หลังจากที่อธิบายจบแล้ว มู่ชิงเกอหันมองโหลวชวนป่ายอีกหน “ท่านอาจารย์โหลวได้พิสูจน์เสร็จแล้วหรือยัง หากว่าได้ผลลัพธ์แล้ว ยาเม็ดนี้ข้าอยากจะมอบให้แก่นาง เพื่อเป็นการไถ่โทษที่แอบดูสูตรยา”

โหลวชวนป่ายอึ้ง และรีบถามว่า “เจ้าจะบอกว่า เจ้าเพียงมองแวบหนึ่งก็จำเนื้อหาทั้งหมดได้แล้วอย่างนั้นหรือ”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ความจำดี ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้น เหตุใดจึงต้องตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ด้วย

นางกลับไม่รู้ว่า แม้นางจะคุ้นชินแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะต้องชินไปด้วย ความจำของนักปรุงยานั้นดีเยี่ยมก็จริง แต่ก็ยากมากที่จะพบคนดั่งเช่นนาง ที่เพียงแค่เดินสวนกันก็จดจำเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

มู่ชิงเกออาจจะโกหก หรือไม่นางก็อาจจะเก่งกาจมากถึงเพียงนั้นจริงๆ!

แต่ว่า อีกฝ่าย…

ด้วยอุปนิสัยของซางจื่อซูแล้ว ทุกคนในโรงโอสถรู้ดีว่า ผู้ที่เย็นชาดั่งหิมะบนภูเขานํ้าแข็ง จะยกสูตรยาให้กับลูกศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาได้อย่างไร

ทุกคนล้วนตะลึงกับเรื่องที่มู่ชิงเกอเพียงกวาดสายตาก็ จำได้ทั้งหมดไม่มีลืม ในขณะเดียวกันก็ตกใจกับคำพูดของนาง

หมายความว่าอย่างไร

จะยกยาให้กับซางจื่อซูอย่างนั้นหรือ

เป็นการไถ่โทษจริงหรือ หรือมีจุดประสงค์อื่น เช่น…แสดงความมีนํ้าใจต่อสาวงาม

“จื่อซู ข้าไม่อิจฉาเจ้าไม่ได้เสียแล้ว” จูหลิงมองซางจื่อซู ด้วยสายตาอิจฉา ยาคงรูปโฉมที่นางอยากได้มาโดยตลอด ซางจื่อซูกลับสามารถได้มาครอบครองได้อย่าง

ง่ายดาย ทั้งนางยังไม่ต้องเอ่ยปากขอสักคำ

แต่ทว่า ซางจื่อซูกลับแนบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึก ราวกับไม่ได้รับผลกระทบอันใดเพราะคำพูดของมู่ชิงเกอเลย

“ด้วยอุปนิสัยของจื่อซูแล้ว เกรงว่าคงจะไม่ต้องการ” จ้าวหนานซิงพูดอย่างมั่นใจ บนเวทีประลอง หลังจากที่โหลวชวนป่ายถูกมู่ชิงเกอกระตุ้นความตื่นตระหนก ก็ถามต่ออย่างไม่รู้ตัวว่า “พ่อหนุ่ม เจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาคงรูปโฉมชนิดนี้ หากกินเข้าไปในยามที่ยังเป็นหนุ่มสาว ก็จะสามารถคงความอ่อนเยาว์ได้เป็นร้อยปี แม้หากวันหนึ่งเสียชีวิต ก็สามารถรักษาร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อยได้ เจ้าจะยกให้เสี่ยวจื่อซูจริงหรือ”

ท่าทางของมู่ชิงเกอกลับไร้ซึ่งความเสียดาย เพียงตอบอย่างเย็นชาว่า “ก็เพียงแค่ยาเม็ดหนึ่งก็เท่านั้น ข้าสามารถปรุงออกมาได้ครั้งหนึ่ง จะต้องกลัวด้วยหรือว่า จะปรุงเม็ดที่สองที่สามตามออกมาไม่ได้”

“หล่อเหลาเหลือเกิน!”

“ศิษย์น้องมู่ช่างน่าหลงใหล!” หญิงสาวจำนวนมากเมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็ราวกับเสียสติ

ราวกับว่า หากมู่ชิงเกอยอมปรุงยาคงรูปโฉมให้กับพวกนางสักเม็ด แม้ต้องแลกด้วยชีวิตพวกนางก็ยอม

“ให้ตายเถิด ช่างเอาใจหญิงสาวเก่งเสียจริง ทั้งรูปงามและมีความสามารถ ยังเป็นอัจฉริยะ และเอาใจเก่งถึงเพียงนี้! ยังจะให้คนอย่างข้ามีที่ยืนอยู่หรือไม่”

ท่ามกลางผู้คน มีชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างหัวเสีย

“อยู่ ๆ ข้าก็มีความรู้สึกว่า หากศิษย์น้องมู่เป็นหญิง บางทีหญิงงามอันดับหนึ่งของโรงโอสถอย่างศิษย์พี่ซางอาจจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้!” มีคน จินตนาการ

“เอ่อ! เจ้ารักษาตัวด้วย” คนที่พูดประโยคนี้รีบออกห่างจากคนที่จินตนาการเกินเหตุผู้นั้นทันที

คนผู้นั้นอึ้ง และมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ แต่กลับเห็นสายตาที่จ้องมองราวกับเสือกำลังจะกินคนของศิษย์ชายหญิงจำนวนไม่น้อย

โหลวชวนป่ายยิ้มอย่างจำยอม และพูดกับทุกคนว่า “ยาคงรูปโฉมเม็ดนี้เป็นยาระดับสูงที่มีคุณภาพระดับสูงสุด”

ว๊าว———-!

คำตอบนี้แม้จะไม่เกินความคาดหมายของทุกคน ทว่าในขณะที่ได้ยินจากปากของโหลวชวนป่าย ทุกคนก็ยังคงตะลึง

ผู้ที่สามารถปรุงยาระดับสูงที่มีคุณภาพระดับสูงสุดในตอนนี้ได้ ก็จะสามารถปรุงยาระดับจิตได้ในอีกไม่นานใช่หรือไม่

คนจำนวนไม่น้อยล้วนคิดในใจ

และสีหน้าของพวกเตียวหยวนที่หวังให้มู่ชิงเกอแพ้กลับดูแย่มาก

ซ่งอวี้ที่ยืนอยู่บนเวทีประลองราวกับกลายเป็นขี้เถ้า รู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ และยังทำให้ผู้อื่นได้ยืมมือในการแสดงความสามารถ!

ในใจเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เกลียดที่มู่ชิงเกอเป็นนักปรุงยาระดับสูง เหตุใดจึงยอมที่จะเป็นเพียงนักปรุงยาระดับต่ำ หากว่าเขาไม่ปกปิดความสามารถ ตน เองจะมาหลงกลและขายหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร

โหลวชวนป่ายได้ประกาศผลแล้ว

แพ้ชนะได้ตัดสินแล้ว อีกประการหนึ่ง ในตอนนี้ราวกับเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับซ่งอวี้ ทุกคนเลือกที่จะลืมการมีตัวตนอยู่ของเขา บนเวทีประลอง จุดสนใจหนึ่งเดียวคือมู่ชิงเกอเท่านั้น

มู่ชิงเกอรับยาคงรูปโฉมกลับมาวางเพื่อพินิจบนฝ่ามือ และโยนไปในตำแหน่งที่ซางจื่อซูอยู่อย่างกะทันหัน

ยาระดับสูงที่ทุกคนต่างใคร่อยากจะได้ ถูกนางโยนออกไปอย่างไม่ลังเลเช่นนี้เลยหรือ

สายตาของทุกคน เคลื่อนไปตามยาเม็ดนั้น ในใจต่างคาดเดาว่าซางจื่อซูจะรับยาเม็ดนี้หรือไม่

“ศิษย์พี่ซาง หากไม่รังเกียจ โปรดรับยานี้เอาไว้หากไม่ได้แอบดูสูตรยาจากศิษย์พี่ ข้าเองก็ไม่สามารถปรุงยานี้ขึ้นมาได้” เสียงของมู่ชิงเกอดังตามมา

ในขณะนี้ ยาคงรูปโฉมก็ได้มาอยู่ตรงหน้าซางจื่อซูแล้ว

จูหลิงตาเป็นประกายพร้อมพูดว่า “จื่อซูหากเจ้าไม่เอา ข้า…”

แต่ว่า นางยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นซางจื่อซูยกแขนขึ้น เก็บยาเอาไว้ในฝ่ามือของตนเอง

“ขอบใจ” เสียงอันเย็นชาดังขึ้น ราวกับเป็นสายลมที่พัดมาจากธารนํ้าแข็ง

มู่ชิงเกอยิ้มจาง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเก็บสายตากลับมา

มู่ชิงเกอพยักหน้าให้กับท่านอาจารย์โหลว และพูดกับท่านผู้อาวุโสว่า “ท่านผู้อาวุโส หากการประลองได้จบลงแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

“เดี๋ยวก่อน พ่อหนุ่ม เจ้าจะยอมเป็นศิษย์ข้าหรือไม่” เมื่อโหลวชวนป่ายได้ยินว่ามู่ชิงเกอจะจากไป จึงรีบถาม

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีเสียงชราอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “มู่เกอ เจ้ามาเป็นศิษย์ข้าดีกว่า”

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงแค่ชายชราผมขาวที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเวทีประลองอย่างกะทันหัน ค่อยๆ ลอยลงมา…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!