Skip to content

พลิกปฐพี 124-5

ตอนที่ 124-5

ฟ่งอวี๋กุยผู้ขุดหลุมฝังตัวเอง

เมื่อเห็นทั้งสามที่อยู่ข้างเตียงชัดแล้ว นางจึงพูดด้วยความสงสัย “พวกเจ้ามาอยู่ในห้องของข้าได้อย่างไร” ในขณะที่พูดนางก็ใช้มือดันกับเตียงเพื่อพยุงตัวเองลุก ขึ้นนั่ง ปวดหัวจนอยากจะยกมืออีกข้างขึ้นมานวดขมับ

“สุ่ยหลิง เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น” เว่ยกว่านกว่านรีบถาม

ในสายตาของสุ่ยหลิงแฝงความสงสัย และทวนคำพูดของเว่ยกว่านกว่านโดยการพึมพำ “เกิดอะไรขึ้นหรือ”

ความทรงจำอันเลือนรางเริ่มชัดเจนขึ้นมา สายตาที่แฝงความสงสัยของสุ่ยหลิงดูตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที

สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และถามด้วยความร้อนรนว่า “เทียนหลงล่ะ เทียนหลงเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าสารเลวนั่นมาที่นี่เพราะเทียนหลง!”

เว่ยกว่านกว่านรีบพูดปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ๆ เทียนหลงช่วยเจ้ากลับมาแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สุ่ยหลิงก็โล่งใจ แต่กลับถามต่อว่า “แล้วเขาล่ะ เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม”

เว่ยฉีมองมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่านางเงียบ จึงพูดว่า “เพื่อช่วยชีวิตเจ้า เทียนหลงได้ใช้พลังเทพอสูร ตอนนี้ได้สลบไปแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากที่ตื่นมาจะมีอาการ หลังการใช้พลังอย่างไร”

“ว่าอย่างไรนะ! เขาใช้พลังเทพอสูรอย่างนั้นหรือ” สุ่ยหลิงโดดลงจากเตียงในทันที

เว่ยกว่านกว่านรีบดึงนางเอาไว้และพูดว่า “โธ่เอ้ย เจ้า เพิ่งได้รับการถอนพิษร่างกายยังอ่อนแอมาก บอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าฟู่เทียนหลงไม่เป็นอะไร เจ้ากังวลไปเพื่ออะไร”

“พาข้าไปหาเขา!” สุ่ยหลิงพูดอย่างร้อนรน

“เขาหมดสติอยู่ เจ้าจะไปทำไม” เว่ยกว่านกว่านพูดอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าสามารถช่วยเขาได้!” สุ่ยหลิงพูดด้วยนํ้าเสียงอันหนักแน่น

ทันใดนั้น ในบ้านก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ

ในขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันด้วยความเงียบ มู่ชิงเกอก็พูดขึ้นว่า “พานางไปเถิด”

เว่ยกว่านกว่านพยักหน้า และพยุงสุ่ยหลิงอย่างระมัดระวัง เพื่อพานางไปห้องของฟู่เทียนหลง

ในห้อง ฟู่เทียนหลงนอนอยู่บนเตียงอย่างสงบ ใบหน้าขาวซีดไร้ซึ่งโลหิต จังหวะการหายใจก็ติดขัด สุ่ยหลิงนั่งลงข้างกายฟู่เทียนหลง ยื่นมือออกไปจับใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา แววตาฉายความปวดใจ

“เจ้ามันเป็นคนซื่อบื้อ” นางพึมพำเบา ๆ ในมือกลับมีแสงสีเงินขาวส่องประกายออกมา ไหลเข้าสู่ร่างกายของฟู่เทียนหลงราวกับไออุ่น

ท่ามกลางพลังที่ไหลลงอย่างไม่หยุด สีหน้าของฟู่เทียนหลงก็ดูปกติขึ้น แม้กระทั่งลมหายใจก็ค่อย ๆ คงที่

“นี่มัน…เผ่าหมอสวรรค์” เว่ยฉีพูดอย่างตื่นตระหนก

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง

เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความสงสัย “เผ่าหมอสวรรค์อะไรกัน เหตุใดสุ่ยหลิงจึงมีพลังเวทสีเงินขาวเช่นนี้”

“นั้นไม่ใช่พลังเวท!” เว่ยฉีปฏิเสธคำพูดของเว่ยกว่านกว่าน พลันมองใบหน้าที่ขาวซีดลงเรื่อย ๆ ของสุ่ยหลิงด้วยความตกใจ “พลังของนางไม่เพียงพอแล้ว!”

มู่ชิงเกอหันไปมองและเห็นว่าร่างของสุ่ยหลิงโอนเอนจะล้มลงจริง ๆ

ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ฝ่ามือของมู่ชิงเกอก็แนบลงบนหลังของสุ่ยหลิง พลังเวทอันมหาศาลไหลเข้าสู่ร่างกายของนางและกลายเป็นพลังให้กับนาง

ครู่หนึ่ง แสงสีเงินขาวในมือของสุ่ยหลิงก็ค่อย ๆ หายไป มู่ชิงเกอจึงเก็บมือของตนเอง

“ขอบคุณ” สุ่ยหลิงมองมู่ชิงเกอด้วยความขอบคุณ

“ไม่ต้องเกรงใจ” มู่ชิงเกอพูดอย่างแนบนิ่ง

“สุ่ยหลิง เมื่อครู่นี้มันอะไรกันน่ะ” เว่ยกว่านกว่านอดไม่ได้มากที่สุด เมื่อเห็นสุ่ยหลิงเสร็จจากการรักษาฟู่เทียนหลงก็รีบถาม

สุ่ยหลิงเผยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะอธิบายว่า “ชนเผ่าของข้าชื่อว่าเผ่าหมอสวรรค์ ท่ามกลางชนเผ่ามากมายของแคว้นปา ถือว่ามีความวิเศษมาก ในชนเผ่าของเรา ผู้หญิงล้วนมีพลังวิเศษ สามารถรักษาอาการหลังการใช้พลังเทพอสูรได้ เพราะฉะนั้น ในแคว้นปาฐานะของเผ่าหมอสวรรค์จึงสูงส่งมาก ผู้หญิงแห่งชนเผ่าหมอสวรรค์ เป็นที่หมายปองของชนเผ่าจำนวนมาก แต่ผู้ชาย แม้จะไม่มีพลังวิเศษ แต่ฝีมือการรักษาก็สูงเป็นอย่างมากเช่นกัน”

“การหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับฟู่เทียนหลง เกิดขึ้นเพราะพื้นฐานนี้อย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอกะพริบตา และพูดการวิเคราะห์ของตนเองออกมา สุ่ยหลิงอึ้ง แต่ยังคงพยักหน้าอย่างเสียใจ “เมื่อก่อน ท่านผู้นำแห่งเผ่าหูได้ช่วยชีวิตท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งของชนเผ่าหมอสวรรค์เอาไว้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ท่านผู้เฒ่าของข้าได้หมั้นหมายหญิงสาวคนหนึ่งของชนเผ่าให้กับชายหนุ่มในชนเผ่าหู และท่านผู้เฒ่าท่านนั้นก็คือท่านห้าของข้า และข้าก็คือหญิงสาวที่ถูกเลือกให้หมั้นหมายกับชนเผ่าหู”

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าคนซื่อบื้อฟู่เทียนหลงก็คือชายหนุ่มแห่งชนเผ่าหูคนนั้นอย่างนั้นหรือ” เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความตกใจ

สุ่ยหลิงพยักหน้ารับ “ข้าไม่อยากแต่งงานเมื่ออายุยังน้อยจึงเสนอท่านผู้เฒ่าในชนเผ่าว่าจะมาเรียนที่โรงโอสถ เพื่อเพิ่มทักษะการแพทย์ของตนเอง ความจริงแล้วเทียนหลงเพียงแค่มาเป็นเพื่อนข้า เขาเองก็เสียเวลาไปหลายปี จึงสามารถปรุงยาออกมาได้ แต่ด้วยความสามารถของเขา ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถเป็นนักปรุงยา

ระดับสูงได้”

จากคำพูดของสุ่ยหลิงที่พูดกับพี่น้องตระกูลเว่ย มู่ชิงเกอเชื่อว่ายังมีประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่ง ที่นางไม่ได้พูด

นั่นก็คือที่นางไม่ยอมแต่งงาน เพราะว่านางยังไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกที่ฟู่เทียนหลงมีต่อนางเป็นเพราะการหมั้นหมายหรือเพราะรักนางและให้ความสำคัญกับนางจริงๆ

แต่ทว่า หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว เชื่อว่าสุ่ยหลิงก็พอจะเดาใจฟู่เทียนหลงออกแล้ว

มู่ชิงเกอหันไปมองสุ่ยหลิงและพูดอย่างแฝงเป้าหมายว่า “เท่าที่ข้าเห็น เพื่อช่วยชีวิตเจ้า ฟู่เทียนหลงจึงใช้พลังเทพอสูร เหมือนจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปจริงๆ”

ร่างกายของสุ่ยหลิงกระตุกทีหนึ่ง และสติหลุดราวกับเป็นรูปปั้น

หากไม่ใช่เพราะรัก หากไม่ได้เป็นเพราะให้ความสำคัญ แล้วเหตุใดจึงยอมสละทุกอย่างโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาเช่นนี้

หากสุ่ยหลิงตาย ชนเผ่าหมอสวรรค์ก็ยังเหลือหญิงสาวคนอื่นที่พร้อมมาออกเรือนได้ ด้วยฐานะของชนเผ่าหูแล้ว มีหรือที่จะสู่ขอไม่สำเร็จ

นางเอาแต่หาคำตอบ แต่ไม่เห็นว่าคำตอบได้อยู่ข้างกายตนเองมาโดยตลอด

มู่ชิงเกอทิ้งท้ายด้วยคำนี้ ก่อนจะหันหลังและเดินออกไปจากห้องของฟู่เทียนหลง

พี่น้องตระกูลเว่ย แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ตามมู่ชิงเกอออกไป

“ทุกคนเสียเวลามามาก คงเหนื่อยกันแล้ว กลับไปพักก่อนเถิด” คำพูดของมู่ชิงเกอ ตัดบทสิ่งที่พี่น้องตระกูลเว่ยอยากจะถาม

หลังจากที่บอกลาพี่น้องตระกูลเว่ย มู่ชิงเกอก็กลับเข้าห้องของตนเองโดยลำพัง

นางยังไม่นอน แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนการฝึกพลังเวท

ยิ่งรู้จักโลกใบนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าการฝึกฝนของตนเองยังไม่เพียงพอ หากอยากจะเป็นคนคุมเกมตลอดไป ก็ต้องไม่หยุดที่จะพยายามเก่งกาจขึ้น!

‘สายม่วง อีกไม่ไกลแล้ว!’

หลังจากที่เสร็จการฝึก มู่ชิงเกอก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ในส่วนลึกของสายตาอันสว่างไสวของนาง มีแสงสีม่วงอ่อนกะพริบผ่านไป

เปิดประตูออกมา มู่ชิงเกอจึงพบว่าตอนนี้เที่ยงแล้ว

พระอาทิตย์อันเจิดจ้าบนท้องฟ้า ส่องความสว่างผ่านใบไม้ลงมาดูกระดำกระด่าง

สาดลงบนร่างกาย ทำให้อบอุ่นและสบายตัวเป็นอย่างมาก มู่ชิงเกอบิดขี้เกียจอย่างไม่รู้ตัว แต่ทว่ายังไม่ทันได้เก็บสองแขนอันผ่อนคลาย ก็เห็นเว่ยกว่านกว่านที่บินเข้าหาตนเองราวกับนกกระจาบฝนตัวขาว

“ในที่สุดมู่เกอก็ตื่นแล้ว!” แก้มทั้งสองของเว่ยกว่านกว่านแดงกํ่าและรีบพุ่งเข้ามาหามู่ชิงเกอ ดวงตาดวงโตฉายแสงประกายอันน่าเย้ายวน

“ทำไมหรือ” มู่ชิงเกอถามอย่างไม่เข้าใจ

เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความตื่นเต้น “มีสองข่าว ข่าวแรกคือ วันนี้ที่โรงโอสถมีข่าวกระจายออกมาว่า ฟ่งอวี๋กุยและผู้ติดตามของเขาเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามโดย ไม่ได้รับอนุญาต จึงถูกลงโทษโดยการถูกขังในคุกน้ำ เป็นเวลาหนึ่งเดือน”

“อย่างที่คาดการณ์เอาไว้” มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเบาๆ

ที่หน้าผาตัดสำไส้เกิดเสียงดังมากถึงเพียงนั้น แน่นอนว่าพวกผู้ดูแลที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงโอสถจะไม่อยู่เฉย ในขณะที่พวกเขาไปตรวจสอบและพบพวกฟ่งอวี๋กุย ก็แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนี้

“ยังมีข่าวที่สอง ท่านต้องเดาไม่ออกแน่ ๆ!” เว่ยกว่านกว่านกลับไม่ละความพยายาม แต่ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องนี้กลับทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ข่าวที่จะทำให้หนูน้อยผู้นี้ตื่นตาตื่นใจมีไม่น้อยเลย ใช่ว่าจะเดาได้ง่ายๆ

ส่ายหน้าหลายที มู่ชิงเกอสื่อให้เห็นว่าตนเองเดาไม่ออก

ปฏิกิริยาของมู่ชิงเกอ ทำให้เว่ยกว่านกว่านเผยความ ดีใจ นางปรบมืออย่างได้ใจ พลันพูดพร้อมรอยยิ้มอันชัดเจนว่า “ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่ท่านมู่เกอเดาไม่ออกอีกหรือ”

มู่ชิงเกอหลุดยิ้ม “ข้าไม่ใช่หมอดู เรื่องที่ไม่รู้มีมากมาย”

เช่นเว่ยฉีรู้ว่าแคว้นปามีพลังเทพอสูร แต่นางไม่รู้

“ถ้าเช่นนั้นท่านอยากรู้หรือไม่ อยากรู้หรือไม่” ดวงตาดวงโตของเว่ยกว่านกว่านเป็นประกาย ท่าทางราวกับกำลังบอกว่า รีบถามข้า รีบถามข้าสิ

มู่ชิงเกอมีความคิดที่อยากจะแกล้งคนขึ้นมาในทันที พลันส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าไม่สนใจ”

“ห๊ะ! ไม่ได้นะ! ไม่สนใจไม่ได้” ใบหน้าของเว้ยกว่านกว่านซ่อนความผิดหวังเอาไว้ไม่อยู่

“แต่ข้าไม่สนใจจริง ๆ นี่!” มู่ชิงเกอยกมือขึ้นสะบัด อย่างหมดหนทาง

เมื่อผิดคาดอีกครั้ง ปฏิกิริยาของมู่ชิงเกอเกินจากความควบคุมของนาง เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ นางจึงทำได้เพียงทำปากจู๋ พลางสับเท้าพลางพูดว่า “ยิ่งท่านไม่อยากรู้ ข้าจะยิ่งจะบอก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!