Skip to content

พลิกปฐพี 126-1

ตอนที่ 126-1

รักเจ้าจนกลายเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้

ภายในเมืองซางจื่อ ในสวนที่สภาพแวดล้อมเงียบสงบ ประตูเรือนปิดสนิท ราวกับไม่มีคนอยู่

ทว่า ใต้ต้นไม้ในสวน กลับมีร่างของคนในชุดสีแดงอันน่าเย้ายวนนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกอย่างเกียจคร้าน หลับตาแต่ไม่ได้นอนหลับจริงๆ ข้างหลังของนาง มีสาวใช้หน้าตาเฉิดฉันกำลังนวดไหล่ทั้งสองข้างของนางอย่างเบามือ

เป็นจังหวะช้าๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ทันใดนั้น ในสวนก็มีลมพัดผ่านมาอย่างกะทันหัน

ในขณะที่สายลมหยุดลง หญิงสาวที่มีชุดสีดำเขียวคลุมกายเอาไว้ปรากฏตัวขึ้น พลันคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่ง “คุณชาย ข้ากลับมาแล้ว”

มู่ชิงเกอค่อยๆ เบิกตาขึ้น ดวงตาคู่สว่างหยุดลงบนร่างของโย่วเหอที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และถามว่า “ว่ามา”

“เจ้าค่ะ คุณชาย” โย่วเหอเรียบเรียงคำพูดในหัวครู่หนึ่ง แล้วบอกข่าวคราวทั้งหมดที่ตนเองสืบมาอย่างละเอียด “ผู้ที่ลอบทำร้ายคุณชายเป็นโจรภูเขาในละแวกนี้ เมืองซางจื่ออยู่ใกล้กับที่ราบลั่วรื่อและแคว้นปา ได้ยินมาว่า มีทหารที่หลบหนีสงครามมาอยู่ในป่า พร้อมทั้งตั้งตนเองเป็นใหญ่ ไม่เพียงเท่านี้ เพราะลักษณะเด่นของเมืองซางจื่อ บริเวณนี้ยังมีผู้ฝึกพลังที่แยกตัวเป็นอิสระอีกด้วย”

“โจรภูเขา ผู้ฝึกพลังที่แยกตัวเป็นอิสระอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอพึมพำทั้งสองคำเบาๆ ทันใดนั้น นางก็พูดขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะเยาะว่า “บางทีคนจำนวนมากล้วนมีฐานะทั้งสองแบบ”

“คุณชายช่างหลักแหลม” โย่วเหอพูดเอาใจมู่ชิงเกออย่างมีความสุข แล้วพูดต่อว่า “คนพวกนี้ปกติมักสร้างความวุ่นวาย แต่น้อยมากที่จะหาเรื่องโรงโอสถ และโรง โอสถก็คำนึงถึงฐานะของตน ราวกับจะไม่อยากสนใจพวกผู้ฝึกพลังที่แยกตัวเป็นอิสระนัก แต่ว่า ได้ยินข่าวลือออกมาอย่างลับๆ ว่า มีลูกศิษย์ของโรงโอสถแอบจ้างวานผู้มีความสามารถเหล่านั้น เพื่อแลกกับกำลังยาที่จะส่งไปสนับสนุนพวกเขา เช่น การฆ่าคนๆ หนึ่ง เพื่อแลกกับยาดีๆ เม็ดหนึ่ง คนที่ถูกคุณชายจัดการในวันนี้ คาดว่าอาจจะได้รับการจ้างวานจากเตียวหยวน”

มู่ชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย และถามว่า “สืบได้หรือไม่ว่า พวกขุมกำลังกลุ่มนี้เหลือสมาชิกอีกกี่คนและยังมีกลุ่มใดอีกที่เกี่ยวข้องกับเตียวหยวนอีก”

โย่วเหอเม้มปาก และกล่าวโทษตนเองว่า “นายท่าน โปรดอภัย โย่วเหอยังไม่สามารถสืบได้นายท่านโปรดให้เวลาอีกหนึ่งวันโย่วเหอจะสืบจนกระจ่างแน่นอน”

“ลุกขึ้นมาเถิด เวลาสั้นเพียงเท่านี้ เจ้าสามารถสืบข่าวพวกนี้ได้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว” มู่ชิงเกอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

โย่วเหอลุกขึ้นตามคำสั่ง และส่งข่าวของจวนตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน และข่าวจากองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ส่งมาในช่วงนี้ให้กับมู่ชิงเกอ แน่นอนว่า ข่าวพวกนี้ได้ผ่านการจัดการของนางและฮวาเยวี่ย เพื่อกำจัดข่าวที่ซํ้ากันและไม่มีประโยชน์ไปแล้ว

“คุณชาย นี่เป็นข่าวจากจวนตระกูลมู่ และข่าวที่องครักษ์เขี้ยวมังกรส่งมา” โย่วเหอส่งกระดาษที่ถูกแยกออกจากกันเป็นสองปึกให้กับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอรับมา และกวาดสายตาอันแนบนิ่งรอบหนึ่ง พลางจับใจความของเนื้อหาเอาไว้

ข่าวจากจวนตระกูลมู่ ส่วนมากเกี่ยวกับสถานการณ์ของแคว้นฉิน ภาพรวม ถือว่าองค์ชายตัวน้อยเชื่อฟังเป็นอย่างดี ไม่ได้เผยพิรุธอันใด ตอนนี้เรื่องการว่าราชการในราชสำนักส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับฉินจิ่นเฉิน ส่วนตระกูลมู่ ส่วนมากมักจะวางท่าทางสูงส่งและไม่เข้าไปยุ่ง

นอกจากเรื่องของบ้านเมืองแล้ว ยังมีเรื่องส่วนตัว

ในจดหมายบอกว่า นายท่านมู่ร่างกายแข็งแรงดี แล้วท่านอาก็ยังคงสง่าและสุขุม ทั้งสองคิดถึงนางเป็นอย่างมาก ถามว่านางจะกลับไปเยี่ยมพวกเขาที่แคว้นฉินเมื่อ ไหร่ และถามว่าตอนนี้นั้นนางอยู่ที่ไหน คุ้นชินกับการใช้ชีวิตข้างนอกหรือยัง เงินที่ติดตัวไปพอใช้หรือไม่ อย่าทำให้ตนเองต้องลำบาก

เมื่ออ่านจบแล้ว มู่ชิงเกอก็สั่งโย่วเหอว่า “เจ้าหาเวลา ตอบกลับจดหมายของท่านปู่และท่านอา เรื่องการเมืองของแคว้นฉินไม่เข้าไปยุ่งน่ะถูกแล้ว นายท่านถวายชีวิต ให้กับแคว้นฉินมาทั้งชีวิต ถึงเวลาที่จะเกษียณมาพักผ่อนแล้ว หากจะเบื่อหน่ายจริงๆ ก็หาลูกเขยดีๆให้กับท่านอา สำหรับตัวข้า ชีวิตในโรงโอสถตอนนี้ก็ไม่เลว ให้พวกเขาวางใจ ส่วนจะกลับไปเมื่อไหร่นั้นเมื่อจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้ว ข้าจะกลับไป”

“รับทราบ คุณชาย” โย่วเหอจำทั้งหมดเอาไว้

เมื่ออ่านข่าวบ้านเมืองจบแล้ว สายตาของมู่ชิงเกอก็หยุดลงบนจดหมายที่องครักษ์เขี้ยวมังกรส่งมา

บนนั้น ความจริงแล้วมีเพียงสองเรื่อง

เรื่องแรก คือเรื่องการฝึกขององครักษ์เขี้ยวมังกร เรื่องที่สอง คือผลลัพธ์ของเรื่องที่สั่งให้มั่วหยางไปสืบความเกี่ยวข้องระหว่างฟ่งเหนียงและองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นลี่ ในจดหมายของมั่วหยางบอกว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ฟ่งเหนียงที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองลั่วรื่อก็คือองค์หญิงใหญ่ที่ออกจากแคว้นเพราะความรักท่านนั้น สมบัติอันลํ้าค่าของแคว้นลี่ที่ถูกองค์หญิงใหญ่เอาไปคือกริชอาวุธครึ่งเทพที่อยู่ในมือของมู่ชิงเกอในตอนนี้

ในนั้น ยังมีข่าวที่สำคัญอีกหนึ่งข่าวคือในแคว้นลี่ องค์หญิงและองค์ชายมีสิทธิ์ในการเป็นรัชทายาทเท่าเทียมกัน!

นั้นก็หมายความว่า ในตอนนั้นหากฟ่งเหนียงไม่หนีไป ด้วยชื่อเสียงของนางในแคว้นลี่แล้ว ไม่แน่ว่ารัชทายาท อาจจะเป็นนาง ไอ้คนเลวอย่างฟ่งอวี๋กุยก็ไม่มีสิทธิ์

สำหรับเรื่องของมู่ยี่ มั่วหยางไม่ได้ข่าวมามากนัก เหมือนกับที่เคยสืบ คนผู้นี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ สุดท้ายก็หายไปจากผืนป่าลั่วรื่ออย่างกะทันหัน

มู่ชิงเกอหยิบจดหมาย พลันหรี่ตาทั้งคู่ลงแล้วพึมพำว่า “หากว่ามู่ยี่ไม่ใช่คนในหลินชวนจริง ถ้าเช่นนั้นในตอนที่เขาหายตัวไปจากผืนป่าลั่วรื่อ ก็หมายความว่าในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของผืนป่าลั่วรื่อมีทางออกจากหลินชวน แต่ว่า หากเขาจะออกจากหลินชวน เหตุใดจึงไม่พาฟ่งเหนียงไปด้วย”

เงียบไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากของมู่ชิงเกอที่เม้มแน่นก็ค่อยๆ คลายออก “ดูเหมือนว่า จะต้องพบกับฟ่งเหนียงอีกครั้งแล้ว” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมู่ยี่ หรือความวุ่นวายของฟ่งอวี๋กุย นางก็รู้สึกว่าต้องพบกับฟ่งเหนียงอีกสักครั้ง ข้อเสนอระหว่างพวกนาง นางคิดว่าบางทีอาจจะเปลี่ยนวิธีได้

ดวงตาอันสว่างของมู่ชิงเกอกะพริบหลายที ก่อนจะสั่งการว่า “ส่งข่าวบอกมั่วหยางว่า ให้เขาพาฟ่งเหนียงมาที่นี่ วันหยุดครั้งถัดไป ข้าจะต้องเห็นนางอยู่ที่นี่”

“รับทราบ คุณชาย” โย่วเหอและฮวาเยวี่ยรับคำ เมื่อจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอจึงถามทั้งสองสาวว่า “ช่วงที่ผ่านมา พวกเจ้าใช้ชีวิตอยู่ในเมืองซางจื่อนี้ สบายดีหรือไม่ มีคนมาก่อนความวุ่นวายกับพวกเจ้าหรือไม่”

โย่วเหอและฮวาเยวี่ยมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแล้วส่ายหัว

โย่วเหอพูดว่า “เราทำตามคำสั่งของคุณชาย อยู่ในที่ลึกลับและไม่ออกไปไหน ไม่สร้างปัญหา จึงสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้”

มู่ชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้น ท่าทางของนางก็ฉายความอึดอัดขึ้นมาหลายระดับ พลันพูดอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า  “อืม คือว่า…ช่วงนี้ท่านมั่วกลับมาหรือไม่’’

โย่วเหอปากไว “ไม่ หลังจากที่คุณชายไปโรงโอสถ เราก็ไม่เห็นท่านมั่วอีกเลย”

ในสายตาของมู่ชิงเกอมีความผิดหวังบางๆ เกิดขึ้น “อ่อ บางทีเขาอาจจะมีธุระต้องไปจัดการ”

ความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างที่เกิดขึ้นถูกมู่ชิงเกอมองข้ามไป

นางปลอบใจตนเองเพื่อสร้างความสบายใจ ‘คนผู้นั้นไปๆ มาๆ อย่างไร้ร่องรอยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีหรือที่จะบอก’

ความผิดปกติของมู่ชิงเกอ บางทีตัวนางเองก็ยังไม่รู้ แต่ผู้ที่เป็นถึงสาวใช้ข้างกายอย่างโย่วเหอและฮวาเยวี่ยกลับแอบสบตากัน…

สุดท้ายทั้งสองก็รักษาความเงียบไว้อย่างฉลาด พวกนางไม่อยากให้เจ้านายของตนเอง ‘โกรธเพราะความเขินอาย’ จนทำให้ตนเองต้องรับกรรมหรอกนะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!