Skip to content

พลิกปฐพี 130-1

ตอนที่ 130-1

ของพวกนี้คือสมบัติอันลํ้าค่าในการหลอมอาวุธ

“’นังแพศยา!”

เตียวหยวนถูกโจมตีที่แผ่นหลังโดยไม่ได้ตั้งตัว ร่างกายลอยออกไปแล้วกระทบลงพื้น พลันกระอักเลือดและจ้องจูหลิงอย่างเหี้ยมเกรียม จูหลิงฉวยโอกาสนี้ในการลงมืออีกครั้งและทำร้ายผู้ที่อยู่รอบๆ แล้วกระโดดกลับมาอยู่ข้างหลังตัวมู่ชิงเกอ

“ศิษย์พี่เตียว!” ซ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่ได้สติจากความตื่นตระหนก พลางรีบเข้าไปประคองเตียวหยวนขึ้นมา พลางจ้องทั้งห้าอย่างระมัดระวัง เตียวหยวนหยิบยาออกมาเม็ดหนึ่ง และกินเข้าไปในทันที เพื่อรักษาบาดแผล สายตากลับจ้องจูหลิงอย่างโหดเหี้ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ซางจื่อซูเดินมาอยู่ข้างจูหลิงแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

จูหลิงนวดไหล่ที่มู่ชิงเกอโจมตีก่อนหน้านี้ และเผยรอยยิ้มที่แฝงความเศร้าใจว่า “ขอโทษจื่อซูที่ปิดบังเจ้ามาโดยตลอด”

ในขณะนี้เอง เหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานซิงก็เดินขึ้นมาเคียงข้างมู่ชิงเกอ เหมยจื่อจ้งทำท่าทางราวกับแอบปกป้องมู่ชิงเกอเอาไว้ข้างหลังตัว

มู่ชิงเกอมองแผ่นหลังอันสง่าของเขาแวบหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเตียวหยวนในสภาพสะบักสะบอม ที่ถูกซ่งอวี้พยุงขึ้นด้วยสายตาอันเย้ยหยัน

“เตียวหยวน รสชาติของการที่โดนคนของตัวเองทำร้ายเป็นอย่างไรบ้างเล่า”

รอยยิ้มของมู่ชิงเกอ ทำให้สายตาของเตียนหยวนโหดเหี้ยมและเย็นเยียบอย่างเป็นที่สุด พลัน พูดด้วยนํ้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้นว่า “เจ้าไม่ได้โดนพิษ!”

โดนยาพิษ?

คำๆ นี้ ทำให้สายตาที่ซางจื่อซูมองจูหลิงนั้นแฝงความกังวล

เหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานซิงสบตากัน ล้วนเลือกที่จะเงียบ

แม้ว่า ความจริงจะเป็นอย่างไร พวกเขาไม่รู้ แต่ไม่ได้ทำลายความเชื่อใจระหว่างพวกเขา

“เตียวหยวน เจ้าคงผิดหวังมากสินะ” จูหลิงพูดพร้อมรอยยิ้ม

พูดจบ นางก็มองมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง และพูดด้วยท่าทางเปี่ยมเสน่ห์ว่า “ศิษย์น้องมู่ เจ้าช่างไม่รู้จักการทะนุถนอมผู้หญิงเอาเสียเลยนะ”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก “ขออภัย คราวหน้าข้าจะระวัง”

“เจ้ายังคิดจะทำร้ายข้าอีกหรือ” จูหลิงมองค้อนนางแวบหนึ่ง

“อย่ามาต่อล้อต่อเถียงกันที่นี่!” เตียวหยวนตัดบทอย่างโหดเหี้ยม

ในรอยยิ้มของจูหลิงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย พลันหันมองเตียวหยวน “เตียวหยวน เจ้าอยากจะใช้ยาหุ่นเชิดควบคุมตัวข้า ให้ข้าทำร้ายจื่อซูและพวกศิษย์พี่เหมยในเวลาสำคัญนี้ แต่อย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่า พิษของข้าจะถูกศิษย์น้องมู่ถอนได้ ไม่เท่านั้นแต่ยังทำตามแผนให้เจ้าได้รับรู้รสชาติของการถูกลอบกัดด้วย”

ยาหุ่นเชิด!

ชื่อของยานี้ ทำให้คนของทั้งสองฝ่ายอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าอย่างเย็นเยียบ

ทางฝ่ายของเตียวหยวน นอกจากซ่งอวี้และอีกสองคนที่มีอันดับที่รู้เรื่องของยาหุ่นเชิดแล้ว คนที่เหลือแม้จะไม่รู้รายละเอียด แต่ก็ไม่ยากที่พวกเขาจะคาดเดาได้จากชื่อของยา

ทางฝั่งของเหมยจื่อจ้ง ไม่ว่าจ้าวหนานซิงหรอซางจื่อซู ล้วนอยู่ในห้าอันดับแรกและขึ้นไปบนชั้นเจ็ดของหอตำรายาหลายต่อหลายครั้ง แน่นอนว่าเคยเห็นสูตรยา หุ่นเชิด และรู้ฤทธิ์ของมัน

พวกเขาอาจจะไม่เคยคิดว่า เตียวหยวนจะใช้ยาที่มีพิษร้ายแรงมากถึงเพียงนี้กับคนในสำนักเดียวกัน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ยาหุ่นเชิดเป็นยาระดับสูง เตียนหยวนผู้เป็นนักปรุงยาระดับกลางจะได้มาได้อย่างไร เบื้องลึกเบื้องหลังนั้น คิดแล้วช่างน่าหวาดผวานัก

บนฝั่งทะเลสาบเยวี่ย ตกอยู่ในความเงียบอันแปลกประหลาดในทันที

เตียวหยวนเผยรอยยิ้มอำมหิต ดวงตาอันโหดเหี้ยมทั้งสองข้างจ้องทั้งห้าที่อยู่ตรงหน้า พิษสงจากดวงตานั่นสาดฉายความน่าหวาดผวาออกมา “ดวงของเจ้าดี ไม่น้อยเลยนะ”

สายตาอันเย็นเยียบของเขาค่อย ๆ เคลื่อนไปอยู่บนร่างของมู่ชิงเกอ รอยยิ้มเต็มไปด้วยไอสังหาร “เจ้าทำแผนข้าพังอีกแล้ว”

คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของจูหลิงอย่างไม่มีข้อสงสัย

ซ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่รู้จักยาหุ่นเชิดเป็นอย่างดีล้วนถอยหลังอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว และรักษาระยะห่างจากเตียวหยวน

ทางฝั่งของเหมยจื่อจ้ง นอกจากมู่ชิงเกอและจูหลิงที่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว สีหน้าที่เหลืออีกสามคนล้วนเย็นเยียบลง

เสียงของเหมยจื่อจ้งเย็นเยียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ศิษย์น้องเตียว การกระทำเช่นนี้ของเจ้าผิดกฎโรงโอสถ หากยังไม่รู้สำนึก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

เตียวหยวนหัวเราะเยาะ “เหมยจื่อจ้งเจ้าอย่ามาวางมาดสูงส่งทุกครั้งที่คุยกับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ก็เป็นแค่ไอ้เด็กข้างถนนที่ไอ้แก่โหลวชวนป่ายเก็บมาก็เท่านั้น เจ้าเป็นคนที่แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่เอา จะเทียบกับข้าได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไอ้แก่ไม่ยอมตายอาจารย์ของเจ้าเลย จะเทียบกับท่านอาจารย์ของข้าผู้เป็นหัวหน้าที่โรงโอสถกลางส่งมาได้อย่างไร อาจารย์ของเจ้ามันก็แค่พวกไพร่ที่ปีนป่ายขึ้นมาจากกอหญ้าก็เท่านั้น”

ใบหน้าของเหมยจื่อจ้งเย็นเยียบอย่างเป็นที่สุด “ศิษย์น้องเตียว เจ้าว่าข้าก็ช่างเถิด แต่เจ้าอย่ามาลบหลู่ท่านอาจารย์ของข้า”

“ดูถูกเจ้าอย่างนั้นหรือ’’ เตียวหยวนฉีกยิ้มอย่างโหดเหี้ยม แผ่นหลังยิ่งเจ็บเท่าใด เขาก็ยิ่งหัวเราะอย่างเบิกบานใจมากขึ้นเท่านั้น “ข้าไม่เพียงแค่จะดูถูกเจ้า วันนี้ข้ายังจะเอาชีวิตเจ้าด้วย! วันนี้ พวกเจ้าทั้งห้าหนี ไม่พ้นแน่!”

“เตียวหยวน แค่อาศัยเจ้าน่ะรึ?” จ้าวหนานซิงเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง แล้วพูดอย่างเย็นเยียบ

เตียวหยวนมองเขา ในรอยยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน “จ้าวหนานซิง เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นองค์ชายแห่งแคว้นอวี๋ หากวันนี้เจ้ายอมมาเป็นพวกเดียวกับข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเอาไว้” ในขณะที่พูด สายตาของเขาก็หันมองซางจื่อซูอย่างกระหาย และพูดต่อว่า “ศิษย์น้องซาง หากเจ้ายอมมาเป็นของข้า และปรนนิบัติข้าดีๆ ข้าก็สามารถไว้ชีวิตเจ้าได้เช่นกัน”

“หึ” ซางจื่อซูอุทานพร้อมใบหน้าอันเย็นเยียบดั่งธารนํ้าแข็ง

“เจ้าฝันไปเถิด!” จ้าวหนานซิงเห็นว่าซางจื่อซูโดนดูถูกก็ระเบิดความโกรธออกมาในทันที

เตียวหยวนพูดจาเยาะเย้ยมากกว่าเดิม “จ้าวหนานซิงเจ้าจะตื่นเต้นถึงเพียงนี้ไปเพื่ออะไร ศิษย์น้องซางไม่เคยรักเจ้าเสียหน่อย”

“เจ้า! สารเลว!” จ้าวหนานซิงเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ ราวกับจะลงมือได้ตลอดเวลา

จูหลิงแอบสังเกตเตียวหยวนและเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอ พลันกระซิบว่า “ความสามารถของเตียวหยวนสู้ศิษย์พี่เหมยไม่ได้ ลูกน้องของมันยิ่งไม่ต้องพูดถึง เหตุใดตอนนี้แผนการล้มเหลวแล้ว ยังจะเย่อหยิ่งได้ถึงเพียงนี้อีก หรือว่ายังมีไพ่ตายบางอย่างที่เราไม่รู้”

มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มอันเย็นชาตรงมุมปาก “ไพ่ตาย แน่นอนว่ามี”

“ศิษย์พี่เหมย ลูกศิษย์โรงโอสถผู้โหดเหี้ยมที่ทำร้ายสหายร่วมสำนักเช่นนี้ วันนี้เราไม่สู้มาชำระสำนักแทนโรงโอสถเถอะ” ซางจื่อซูมองเหมยจื่อจ้งด้วยสายตาอัน เย็นเยียบ และรอคอยการตัดสินใจจากเขา

เหมยจื่อจ้งเองก็มองพวกของเตียวหยวนด้วยใบหน้าอันเย็นเยียบ แล้วพยักหน้าช้าๆ

จ้าวหนานซิงลุกขึ้นมาและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหลาย ได้ยินความโหดเหี้ยมของเตียวหยวนแล้ว รู้ว่าหลงทางแล้วจะกลับตัว หรือยังจะตามเตียวหยวนผู้โหดเหี้ยมอำมหิตต่อไปก็เลือกเองเถิด”

คำพูดนี้ ทำให้คนฝั่งเตียวหยวนเกิดลังเลขึ้นมา

ความจริงแล้ว คำพูดเดียวของจ้าวหนานซิงไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อพวกเขา แต่ว่า ยาหุ่นเชิดนั้นกระทบต่อจิตใจของพวกเขาเป็นอย่างมาก กลัวว่าวันหนึ่งตนเอง

จะโดนโดยไม่รู้ตัว ในตอนนั้นเอง ก็มีร่างของหลายคนเริ่มส่ายไปมาไม่สามารถยืนนิ่งได้

ซ่งอวี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

แต่ทว่า ไม่รอให้ซงอวี้คิดตัดสินใจให้ดี ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงสารร้อนระอุบางอย่างถูกสาดลงบนท่อนบนของตนเอง แก้มซ้ายของตนเองก็เต็มไปด้วยคราบโลหิตและกลิ่นเหม็นคาวลอยตามมา

“อ๊าก———-! มีคนตาย———-!”

เสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นข้างกาย ซ่งอวี้อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก พลันเงยหน้าขึ้นมอง จึงพบว่า ข้างกายของตนเองมีร่างของเพื่อนที่คุ้นเคยคนหนึ่งถูกตัดเป็นสองท่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!