Skip to content

พลิกปฐพี 132-1

ตอนที่ 132-1

โชคชะตาของมู่ชิงเกอ

“ท่านปรมาจารย์โหลว ระงับความโศกเศร้าเถิด”

เตียวหยวนเงยหน้าขึ้น มองโหลวชวนป่ายที่ถูกกระตุ้น แล้วพูดด้วยนํ้าเสียงที่ราวกับแฝงความเจ็บปวด แต่ว่า จากที่โหลวชวนป่ายเห็นในดวงตาอันโหดเหี้ยมของ เขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเลือดเย็น

“เจ้า! เจ้าใช่ไหม!” โหลวชวนป่ายพุ่งเข้าไปในทันที

อยากจะจับคอเสื้อของเตียวหยวน ทว่าเขากลับหลบทันพอดี

โหลวชวนป่ายเซจนเกือบจะล้มลงพื้น

เตียวหยวนหันกลับมา แล้วพูดกับเขาว่า “ท่านปรมาจารย์โหลวเสียใจ ศิษย์รู้ว่าท่านเสียใจ แต่ในตอนนั้นศิษย์ได้พยายามห้ามความวู่วามของศิษย์พี่เหมยแล้ว แต่เสียดายที่ไม่สามารถเปลี่ยนใจศิษย์พี่เหมยได้”

“เจ้าโกหก!” กว่าโหลวชวนป่ายจะพยายามจนสามารถยืนตัวตรงได้ พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเตียวหยวน ความโกรธก็พลันพุ่งเข้าโจมตีหัวใจจนกระอักเลือดออกมา

“ท่านปรมาจารย์โหลว ความจริงก็อยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ท่านจะไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ” เตียวหยวนพูดอย่างเย็นเยียบ

ในขณะที่พูด เขาก็ยืนขึ้นมา พลันกวาดมองคนรอบ ๆ แวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงดังว่า “เหมยจื่อจ้งเป็นคนที่คิดว่าตนเองแน่ เพราะความเย่อหยิ่งของเขา ทำให้ศิษย์น้องของตนเองต้องตาย นี่คือความจริง!”

“เจ้า!” โหลวชวนป่ายมองเตียวหยวนด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม และชี้หน้าเขาด้วยนิ้วมืออันสั่นระริก

ทุกคนต่างซุบซิบ

“ศิษย์น้องมู่ต้องไปตายโดยเปล่าประโยชน์เพราะเขาจริงๆ หรือ”

“ไม่คิดว่าศิษย์พี่เหมยจะเป็นคนเช่นนี้!”

“หืม เทพธิดาศิษย์พี่ซางของข้าก็ต้องจากไปเช่นนี้หรือ”

“และศิษย์พี่จ้าวผู้อ่อนโยนไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งดังเช่นองค์ชายปกติ…”

“ศิษย์พี่จูของเราก็ตกเป็นเหยื่อด้วย!” ท่ามกลางผู้คน คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาได้ดังขึ้น แต่ทุกคำพูดล้วนไปตามคำโน้มน้าวของเตียวหยวน ภาพนี้ ทำให้เตียวหยวนได้ใจ ชัยชนะสาดประกายออกจากดวงตาของหัวชางซู่ไม่หยุด เว่ยฉีจับมือเว่ยกว่านกว่านแน่น เพื่อห้ามไม่ให้นางวู่วาม ทั้งสองที่ยืนล้อมกันอยู่ ล้วนเม้มปากแน่น เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้าง ทำลายการอคอยในใจของพวกเขา อย่างต่อเนื่อง

“ไม่หรอก มู่เกอเก่งกาจมากถึงเพียงนั้น ไม่ตายง่ายๆ เช่นนี้หรอก” เว่ยกว่านกว่านส่ายหน้า พร้อมพึมพำ เว่ยฉีเม้มปากจนกลายเป็นเส้นตรง เขาไม่ได้ตอบเว่ยกว่านกว่าน

สุ่ยหลิงเองก็เงียบ ฟู่เทียนหลงก็ไม่เชื่อเช่นกัน แต่ก็จำต้องพูดว่า “มังกรวารีสายม่วงตัวนั้น…”

“ข้าไม่เชื่อ! เจ้าแช่เตียวนั้นต้องโกหกเป็นแน่!” เว่ยกว่านกว่านค้าน

ฟู่เทียนหลงจึงเงียบ เขาเองก็หวังว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่เตียวหยวนสร้างขึ้นและหวังให้มู่ชิงเกอปรากฏตัวเสียตอนนี้

“พี่ชวนป่าย ข้าเข้าใจว่าท่านเสียใจที่เสียศิษย์รักไป แต่ว่า ทั้งหมดนี้พวกเขาล้วนเลือกเอง ไม่มีใครรู้ว่าที่ทะเลสาบเยวี่ยจะมีมังกรวารี ยิ่งไปกว่านั้นคือคิดไม่ถึงว่าท่ามกลางอันตรายเช่นนั้น พวกเขากลับไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ ยังยืนยันที่จะอยู่ต่อ ท่านไม่เห็นหรือว่า ข้าก็เสียศิษย์รักไปหนึ่งคนเช่นกัน” หัวชางซู่ค่อยๆ ยืนขึ้น และยืนพูดกับโหลวชวนป่ายที่บนสุดของอัฒจันทร์

โหลวชวนป่ายหันสายตาไปพร้อมรอยยิ้มอันเย็นเยียบ ในสายตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาพูดว่า “ใช่สิ หัวหน้าหัวเองก็เสียศิษย์รักไปคนหนึ่ง แต่ข้ากลับไม่เห็นท่านหัวหน้าจะแสดงความเสียใจออกมาเลยแม้แต่น้อย”

สีหน้าของหัวชางซู่เคร่งขรึมขึ้นมาในทันที พลันเผยท่าทางเสียใจ “จูหลิงเป็นศิษย์รักของข้า ตอนนี้นางไม่อยู่ แล้ว เหตุใดข้าจึงไม่เสียใจ เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาก็เท่านั้น”

โหลวชวนป่ายมองท่าทางของเขา รอยยิ้มพลันเย็นเยียบลงหลายระดับ สายตาของเขาค่อยๆ เคลื่อนไปหยุดอยู่ที่เตียวหยวน “เตียวหยวน ความจริงเป็นอย่างไร ข้าจะสืบให้กระจ่าง หากข้าได้ความว่าเจ้าโกหกและหากว่ามันเป็นฝีมือของเจ้า เจ้าเป็นคนฆ่าลูกศิษย์ของข้า ข้า โหลวชวนป่ายขอสาบานไว้ ณ ที่นี้ว่าทุกคนที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ข้าจะไม่ปล่อยมันเอาไว้แม้แต่คนเดียว! ข้าจะเสนอรางวัล แจกจ่ายยาระดับสูง รวบรวมยอดฝีมือเพื่อแก้แค้นให้กับศิษย์รักของข้า!”

สายตาของเตียวหยวนเย็นเยียบลงและสบตาสายตา ของโหลวชวนป่าย ด้วยความร้อนแรงราวกับกำลังจะ ปะทุออกมา

หัวชางซู่เห็นฉากนี้และได้ยินคำพูดอันเด็ดขาดของโหลวชวนป่าย ใบหน้าจึงเคร่งขรึมลง และกล่าวเตือนว่า “โหลวชวนป่าย อย่าลืมฐานะของท่าน ท่านเป็น ปรมาจารย์ในโรงโอสถและเตียวหยวนคือลูกศิษย์ในโรงโอสถนะ!”

โหลวชวนป่ายอุทานอย่างเย็นเยียบคำหนึ่ง พลันหันสายตาไปมองหัวชางซู่และยิ้มเยาะ “แล้วอย่างไร ใครทำร้ายลูกศิษย์ของข้า ถึงจะเป็นเทพจากฟากฟ้า ข้าก็จะให้มันชดใช้ด้วยชีวิต!”

ดวงตาของหัวชางซู่หรี่ลงอย่างรับรู้ถึงอันตราย ในแววตาเต็มไปด้วยไอสังหารอันเย็นเยียบ

ทั้งลานตกอยู่ในความเงียบงัน ลูกศิษย์โรงโอสถที่อยู่ ณ ที่นี้ อย่างแรกคือตื่นตระหนก เพราะการตายของพวกเหมยจื่อจ้ง และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเพราะความเย่อหยิ่ง ตอนนี้คำพูดของโหลวชวนป่าย ทำให้พวกเขาซาบซึ้งใจ ล้วนคิดถึงตัวเอง หากวันหนึ่งตนเองพบเจอกับอันตรายประการใด ท่านอาจารย์ของตนเองจะเชื่อมั่นในตนเองโดยไม่มีข้อแม้และแก้แค้นให้กับตนเองหรือไม่

และลองคิดดูว่า จูหลิงมีฐานะเป็นลูกศิษย์ของหัวหน้าหัว ครั้งนี้ก็กลายเป็นอาหารของมังกรวารี แต่เขากลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมามากนัก ราวกับว่าทุกอย่างนี้ เพราะจูหลิงเป็นคนรนหาที่เอง

การเปรียบเทียบที่ชัดเจนเช่นนี้ทำให้ความจริงที่ในตอนแรกทุกคนเชื่อไปแล้ว เกิดสั่นคลอนขึ้นมาอีกครั้ง——–

‘เทพบุตรผู้งดงามไร้ที่ติในใจของพวกเขาอย่างศิษย์พี่เหมย จะเป็นคนที่ทำตามใจตนเองอย่างเย่อหยิ่ง อย่างที่เตียวหยวนกล่าวหา และจะเป็นคนที่ไม่สามารถประเมินสถานการณ์ตรงหน้าได้จริงๆ น่ะหรือ’

“โอ้! วันนี้วันอะไรกันน่ะ บรรยากาศถึงได้คึกคักมากถึงเพียงนี้!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังเลือกว่าควรเชื่อคำพูดของใคร อยู่ๆ ก็มีน้ำเสียงขี้เล่นดังขึ้นมาจากบริเวณที่ไกลออกไป

“ใคร!” สายตาของหัวชางซู่เย็นเยียบลงในทันที พลันตะโกนไปในตำแหน่งของผู้มาเยือน

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เงาร่างทั้งห้าที่ลอยมาจากบริเวณอันห่างไกล ก็ได้เหินลงสู่พื้นดินราวกับเทพเซียนและยืนนิ่งอยู่ในลานกว้าง

“ศิษย์พี่เหมย!”

“พวกศิษย์พี่เหมยจริงๆ ด้วย!”

“อ๋า! ยังมีศิษย์น้องมู่! โชคดีที่ศิษย์น้องมู่ไม่เป็นอะไร!”

“ศิษย์น้องมู่ช่างงดงามไร้ที่เปรียบ!”

“ศิษย์พี่ซางเองก็ปลอดภัย!”

“นั่นศิษย์พี่จ้าว ศิษย์พี่จู พวกเขายังไม่ตายและกลับมากันแล้ว”

“หึม คงไม่ใช่เพราะพวกเขานอนตายตาไม่หลับ วิญญาณจึงกลับมาหรอกนะ!” นํ้าเสียงที่ฟังดูขัดแย้ง แทรกเข้ามา

เจ้าของเสียงนั้น พลันถูกคนล้อมเอาไว้ในทันที

“ไปตายซะ!”

ในขณะนี้เอง ก็มีคนได้สติ จึงพูดด้วยความสงสัยว่า “หืม? พวกของศิษย์พี่เหมยกลับมาอย่างปลอดภัย ถ้าเช่นนั้นคำพูดเหล่านั้นของเตียวหยวน…”

ทันใดนั้น คนจำนวนไม่น้อยก็หยุดสายตาที่แฝงด้วยความสงสัยที่เตียวหยวน

เตียวหยวนในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าทั้งห้าปรากฏตัวอย่างปลอดภัย สายตาอันโหดเหี้ยมก็แทบจะก่อตัวเป็นนํ้าแข็ง ส่วนคนอื่นๆ รวมทั้งพวกของซ่งอวี้ในขณะที่เห็น เหมยจื่อจ้ง มู่ชิงเกอและอีกสามคน ก็ราวกับเห็นผี สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันที ล้วนคลานถอยห่างออกไป ทันทีที่ทั้งห้าปรากฏตัว ก็ทำให้เหล่าอาจารย์ปรุงยาที่นั่ง อยู่บนอัฒจันทร์ลุกขึ้นยืน และวิพากษ์วิจารณ์กันเสียง เบา

แต่หัวชางซู่ เมื่อเห็นทั้งห้าปรากฏตัว ในสายตาก็เกิดความเย็นเยียบขึ้น จ้องเตียวหยวนด้วยสายตาอันโหดเหี้ยมแวบหนึ่ง

“ข้าว่าแล้วว่ามู่เกอยังไม่ตาย!” เว่ยกว่านกว่านตื่นเต้น จนเขย่ามือพี่ชายไปมา

เว่ยฉีเองก็ตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า สุ่ยหลิงและฟู่เทียนหลงมองหน้าและยิ้มให้กัน ต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้ถึงความโล่งใจของกันและกัน

“ศิษย์รัก!” โหลวชวนป่ายที่ได้สติจากความตื่นตระหนก กางแขนออกและวิ่งเข้าหาพวกเขา เพิ่งจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่ศิษย์รักเสียชีวิตและแปรเปลี่ยนกลับมามีชีวิต มันช่างทรมานจนโหลวชวนป่ายราวกับแก่ลงเป็นสิบปีในทันที

“ท่านอาจารย์!”

“ท่านอาจารย์!”

“ท่านอาจารย์!”

“ท่านอาจารย์!”

เหมยจื่อจ้ง มู่ชิงเกอ จ้าวหนานซิง ซางจื่อซู ทั้งสี่เรียกโหลวชวนป่ายพร้อมกัน

ทว่าจูหลิง กลับถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งอย่างเงียบๆ ยกบรรยากาศที่ลูกศิษย์และอาจารย์ได้กลับมานี้ให้กับพวกเขาและกวาดสายตาไปมองหัวชางซู่ที่ยืนอยู่สูงที่สุดอย่างรวดเร็ว ในสายตาของนางมีความสับสนแฝงอยู่ กับหัวชางซู่ นางไม่เคยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นดั่งเช่นทั้งห้าคนที่อยู่ตรงหน้าเลย

สิ่งที่นางคิดมากที่สุดในแต่ละวันคือ จะปกป้องตัวเองจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความริษยาและการทำร้ายกันได้อย่างไร

ความรักระหว่างศิษย์และอาจารย์ แม้ว่านางจะมี อาจารย์แต่กลับไม่เคยรับรู้เลยว่ามันคืออะไร

“ดีๆๆ พวกเจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! ดีแล้ว!” โหลวชวนป่ายพินิจลูกศิษย์ทั้งสี่ทุกๆ คนอย่างละเอียด กลัวว่าจะพลาดไปแม้แต่จุดเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!