Skip to content

พลิกปฐพี 136-1

ตอนที่ 136-1

ไม่ว่าทางไหนล้วนชนะขาดลอย!

“หึ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าวันนี้เจ้าจะแพ้อย่างไร!” อยู่ๆ เตียวหยวนก็สะบัดมือลงบนหม้อ หม้อลอยขึ้นกลางอากาศในทันที หม้อหลอมยาส่งกลิ่นหอมหมุนไปมาอยู่กลางอากาศ และไวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งรูปร่างของหม้อหลอมเลือนรางไป

“เตียวหยวนคิดจะทำอะไร” บนอัฒจันทร์มีคนถามอย่างไม่เข้าใจ

“ใครจะรู้เล่า ใต้หม้อมีวางแหล่งกำเนิดไฟไว้อยู่แล้ว เขาหมุนเช่นนี้ไม่กลัวว่าแหล่งกำเนิดไฟจะหลุดออกมาหรือ”

หม้อหลอมยาหมุนอยู่กลางอากาศ ภาพเช่นนี้ ทำให้ผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่นั่งอยู่ตรงกลางขมวดคิ้วเบาๆ

เซี่ยเทียนอูถามท่านผู้อาวุโสหยวนหูที่อยู่ข้างๆ “อาวุโสหยวน ท่านรู้หรือไม่ว่าการหมุนเช่นนี้ช่วยในด้านไหน”

หยวนหูขมวดคิ้ว ราวกับคิดทบทวนครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูไม่ออกหรือว่า เพื่อหลอมรวมยาให้เข้ากัน”

เซี่ยเทียนอู๋ขมวดคิ้ว “การหลอมรวมต้องใช้พลังเวท เกี่ยวอะไรกับการหมุนหม้อหลอมยาหรือ”

หยวนหูอึ้งไปและยกมือขึ้นสะบัด “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว”

หลี่เหรินที่อยู่อีกข้างแทรกเข้าว่าโดยการเสียดสี “ดูเหมือนว่าลูกศิษย์โรงโอสถนี้ ล้วนชอบเอาหน้า”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา ทั้งสามก็ไม่ได้พูดต่อ ราวกับว่า เห็นด้วยกับการประเมินเช่นนี้ของเขา

หัวชางซู่ที่อยู่ตํ่ากว่าหนึ่งชั้นฟังอยู่ ในใจแม้จะมีความโกรธแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกไปได้ทำได้เพียงแค่โกรธเคืองที่เตียวหยวนทำอะไรไม่คิด

ซือมั่วมองลงมาจากข้างบนสุด หรี่ตาลง แล้วกลับคืนสู่ความสงบ

ทั้งสี่ที่อยู่ข้างเวที มองการกระทำของเตียวหยวน โดยที่ในแววตาล้วนราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ เท่าที่พวกเขารู้สึก เตียวหยวนในเวลาเช่นนี้ไม่มีทางเสียเวลาทำอะไรที่เปล่าประโยชน์แน่ๆ

บนเวทีที่หนึ่ง มู่ชิงเกอยังคงใส่ยาหม้อในหม้อตามขั้นตอนอย่างไม่เร่งรีบ

การเคลื่อนไหวใหญ่โตของเตียวหยวนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่ว่า นางไม่มองเลยแม้เพียงเสี้ยวสายตาเดียว ราวกับว่า ไม่ว่าเตียนหยวนจะกำลังทำอะไร ล้วนเป็นราวกับเด็กน้อยกำลังเรียกร้องความสนใจ

หม้อหลอมยาที่หมุนอย่างรวดเร็วตกลงสู่โต๊ะ จนเกิดเสียงดังขึ้น

เตียวหยวนตบโต๊ะ ใช้พลังเวทในการเปิดฝาออก หยิบผงยาชนิดสุดท้ายบนโต๊ะขึ้นมา ในผงยาเหล่านั้น มีสารที่ส่องแสงประกายออกมาหยดหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น ทันทีที่ผงยาลงสู่หม้อ ฝาที่ถูกเปิดออกด้วยพลังเวทก็ปิดลงอีกครั้ง

ในขณะนี้เอง เตียวหยวนไม่ได้ทำให้หม้อหมุนอีกครั้ง แต่ใช้พลังเวท พยายามผสมผงยา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่รอบข้าง เขาได้ยินอย่างชัดเจน

สำหรับความคิดของคนเหล่านั้น เขายิ้มอย่างเย็นเยียบในใจ ‘หัวเราะกันเข้าไป เจ้าพวกโง่!’ เมื่อครู่นี้ เขาใช้วิธีการที่ดูยิ่งใหญ่เกินจริงสร้างความงุนงงดึงดูดความสนใจของทุกคน ในขณะที่ทุกคนกำลังแปลกใจและล้วนคิดหาคำตอบว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้ เขาก็ใช้โอกาสนั้นใส่ผงยาลงไป และใส่สารหยดที่สามารถยกระดับของโอสถที่ท่านอาจารย์มอบให้ลงในหม้อด้วย

บนสูงสุดของอัฒจันทร์สายตาของซือมั่วเปลี่ยนไป สายตาที่เคลื่อนไปมองเตียวหยวนแฝงด้วยไอสังหาร

เขาเคลื่อนสายตาเบาๆ มาหยุดอยู่ที่มู่ชิงเกอ ‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์คู่ประลองของเจ้าใช้วิธีสกปรก’ เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอหรี่ตาลงและพูดในใจว่า “ไม่ต้องสนใจ”

คำพูดนี้ทำให้ไอสังหารของซือมั่วหายไปในทันที มุมปากของเขาค่อยๆ กระตุกขึ้น ในส่วนลึกของสายตาอันสว่างและสดใส มีความเอ็นดูที่แฝงความอบอุ่นเกิดขึ้น เขาชอบให้มู่ชิงเกอมีความมั่นใจเช่นนี้แหละ!

ตามเวลาที่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ หม้อหลอมของเตียวหยวนก็ส่งกลิ่นหอมออกมา กลิ่นนั่นหอมจนแสบจมูก และกระจายไปทั่วสารทิศในทันที

ลูกศิษย์บนอัฒจันทร์อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง พลันรู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่า ความเหน็ดเหนื่อยจากการชมการแข่งขันมาตลอดสามวันสามคืนหายไปเป็นปลิดทิ้ง

“หอมจัง!”

“หอมจริงๆ ด้วย!” “นี่มันยาอะไรกัน เพียงแค่ได้กลิ่น ก็รู้สึกราวกับได้กินยา ระดับตํ่าเข้าไปเม็ดหนึ่งอย่างนั้นล่ะ”

“หรือนี่จะเป็นยาระดับสูง”

“พรึ่ด-! ยาระดับสูงอย่างนั้นหรือ หากศิษย์พี่เตียวสามารถปรุงยาระดับสูงได้ ถ้าเช่นนั้นวันนี้โรงโอสถของเราก็มีนักปรุงยาระดับสูงเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วใช่หรือไม่”

ทุกคนล้วนตะลึง และเพิ่งจะพบว่า ระดับสูงที่รู้สึกไกลตัว แท้จริงแล้วก็ไม่ได้ยากถึงเพียงนั้น มนุษย์ก็ล้วนเป็นเช่นนี้ในขณะที่ทุกคนยังไม่สามารถก้าวไปถึง ก็มักจะคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ เมื่อมีคนสามารถก้าวไปถึงแล้วและไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวที่ก้าวไปถึง ก็มักจะรู้สึกว่า มันไม่ได้สูงจนเอื้อมไม่ถึง เรื่องที่ในโรงโอสถย่อยมีนักปรุงยาระดับสูงเกิดขึ้นถึงสามคนในวันเดียว ทำให้นักปรุงยาระดับสูงในโรงโอสถย่อย เพิ่มขึ้นเป็นเท่า สำหรับโรงโอสถย่อยแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก

นอกจากความรู้สึกยินดีของทุกคนแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่บนอัฒจันทร์ล้วนหวังว่า เตียวหยวนจะสามารถปรุงยาระดับสูงได้สำเร็จและได้เป็นนักปรุงยาระดับสูงอย่างแท้จริง

ทันใดนั้น บริเวณปากหม้อหลอมยาของเตียวหยวนก็มีควันเกิดขึ้น แล้วรวมตัวกันเป็นเมฆาเหนือหม้อหลอม

“ดูสิ นั้นเมฆาโอสถ!”

“เตียวหยวนปรุงยาระดับสูงจริงด้วยและยังเกิดเมฆาโอสถ!”

“เกิดเมฆาโอสถแล้ว หมายความว่ายานี้ใกล้จะสำเร็จแล้วหรือ”

หลังจากที่เคยเห็นภาพอันน่าประทับใจจากมู่ชิงเกอ คนในโรงโอสถก็รู้แล้วว่าเมฆาโอสถคือสิ่งใด ยิ่งไปกว่านั้นคือ รู้ว่าการปรากฏของเมฆาโอสถ หมายความถึงอะไร

“ปรุงจนเกิดเมฆาโอสถเชียวหรือ สามารถสร้างเมฆาโอสถในขั้นตอนการปรุงลิ่วจ่วนเสี่ยวหวนตาน ดูเหมือนว่าจะเป็นยาที่มีคุณภาพไม่เลวเลย” เซี่ยเทียนอู๋พูดด้วยความตะลึง

หลี่เหรินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “เกิดเมฆาโอสถก็ไม่ได้หมายความว่าการปรุงยาจะสำเร็จ การปรุงยาก็เป็นเช่นนี้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ยามา ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วจะ สำเร็จหรือไม่”

ท่านผู้อาวุโสท่านนี้ ล้วนดูถูกโรงโอสถย่อยในทุก ๆ วาจาที่เปล่งออกมา และสิ่งที่ต้องการดูถูกไม่ใช่คน แต่เป็นสถานที่ หรือจะบอกว่า เขามีความรู้สึกที่เหนือกว่า เหนือกว่าเพราะตนเองเป็นท่านผู้อาวุโสของโรงโอสถกลาง หยวนหูและชางเอ๋อร์จื่อมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร

“หนึ่งดอก สองดอก สามดอก เมฆาโอสถออกมาเจ็ดดอกเชียวหรือ!”

มีคนนับจำนวนเมฆาโอสถที่ลอยออกจากหม้อหลอมยาของเตียวหยวน ราวกับเกิดภาพซํ้าเมื่อครั้งมู่ชิงเกอปรุง ยาเมื่อเดือนที่แล้วขึ้นอีกหน

จ้าวหนานซิงขมวดคิ้วและพูดกับเหมยจื่อจ้งว่า “ทักษะการปรุงยาของเตียวหยวนในเดือนเดียวจะสามารถทะลวงได้มากเพียงนี้เชียวหรือ”

เหมยจื่อจ้งเองก็ขมวดคิ้ว ในสายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ

ทั้งสี่เม้มปากและเงียบไป ไม่มีใครเดาเรื่องนี้ออก

ไม่ใช่เพราะพวกเขาดูความสามารถของเตียวหยวนไม่ออก แต่เพราะเขาทะลวงขั้นไปไกลเกินไป

ถ้าหากว่า เขาเพียงทะลวงขั้นสู่การเป็นนักปรุงยาระดับสูง พวกเขาจะไม่แปลกใจมากนัก เพราะว่า ทุกคนล้วนสั่งสมประสบการณ์ และการจะทะลวงขั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในสักวัน

แต่ว่า เขาไม่เพียงทะลวงขั้นสู่การเป็นนักปรุงยาระดับสูง ทั้งยังก้าวออกจากขอบเขตของนักปรุงยาระดับสูง ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก

ผู้ที่เพิ่งจะทะลวงสู่การเป็นนักปรุงยาระดับสูง ไม่มีทางจะตระหนักรู้ถึงเมฆาโอสถและบุษบงโอสถได้เป็นแน่

นอกเสียจากจะทดลองจนเข้าใจในการเกิดขึ้นของโอสถอย่างลึกซึ้ง จึงจะสามารถทำให้เกิดได้ เตียวหยวนเพิ่งจะเป็นนักปรุงยาระดับสูง บางทีแม้กระทั่งระดับก็ยังไม่มั่นคง กลับสามารถสร้างเมฆาโรงโอสถได้อย่างนั้นหรือ

นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทั้งสี่ไม่สามารถเข้าใจได้!

“หรือหัวหน้าโรงโอสถหัวจะสอนวิชาลับเขา” ซางจื่อซูเม้มปาก

จูหลิงกลับส่ายหน้าและคิดว่า “ทักษะการปรุงยาไม่เหมือนทักษะอื่น ที่สามารถใช้วิชาลับเพิ่มระดับพลังได้ชั่วขณะ การปรุงยานั้นสามารถปรุงได้ตามระดับของตนเอง ยากที่จะโกง เขาไม่สามารถสืบทอดวิชาลับให้กับเตียวหยวนได้ หากจะโกงจริง ก็คงจะใส่อะไรลงไปในยา”

สมแล้วที่จูหลิงเป็นศิษย์ของหัวชางซู่ เป็นศิษย์น้องของเตียวหยวน เพราะรู้จักทั้งสองเป็นอย่างดี

คำพูดที่นางพูดออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ใกล้กับความจริงมากที่สุด

แต่ว่า นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดา ไม่มีหลักฐาน หากพวกเขาพูดออกไป จะยิ่งส่งผลเสียต่อมู่ชิงเกอ

เหตุผลนี้พวกเขาล้วนเข้าใจ เพราะฉะนั้น แม้ในใจจะแอบสงสัย ก็ต้องรักษาความสงบ เพียงแค่จับจ้องการกระทำของเตียวหยวนมากขึ้น ดูว่าเขามีอะไรผิดปกติ หรือไม่

“เมฆาโอสถนั่นรวมตัวกันแล้ว! กลายเป็นบุษบงโอสถ!”

บนอัฒจันทร์มีลูกศิษย์ตาไวเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมฆาโอสถเจ็ดดอกนั้นก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!