ตอนที่ 183-3
ความอิจฉาของผู้หญิง!
เมื่อประตูถูกปิดลงแล้ว มู่ชิงเกอก็กวาดตามองทุกอย่างรอบกาย ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงเข้มว่า “หานฉายไฉ่ เจ้าทำอะไรกัน?”
“เจ้าจะเกรงใจต่อข้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่?” เสียงอันเกียจคร้านของหานฉายไฉ่ดังเข้ามา
ต่อจากนี้ ก็มีหญิงสาวงดงามหลายคนเดินออกมาจากด้านใน ผ้าม่านแต่ละชั้น…แต่ละชั้น ที่ปิดกั้นสายตาของมู่ชิงเกอถูกเปิดออก เผยให้เห็นหานฉายไฉ่ที่กำลังเอนตัวนอนอยู่ด้านในสุด
หานฉายไฉ่เอนตัวนอนอยู่บนเตียง วางมือไว้อยู่บนศีรษะ ผมกระจัดกระจายไปเผยให้หน้าผากกว้างกับไหปลาร้าที่เปี่ยมเสน่ห์และแผ่นอกโดยไม่ตั้งใจ ชุดผ้า ไหมลายดอกไม้นั้นทำให้เขาดูเหมือนดั่งปีศาจเจ้าเสน่ห์ ในดวงตาหงส์เรียวยาว เติมไปด้วยแสงวิบวับราวกับดวงดารา เติมไปด้วยความลึกลับ
มู่ชิงเกอมองเขาอย่างสงบอยู่แวบหนึ่ง แล้วก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะต้องไปร่วมงานประมูล นี่เป็นห้องที่เจ้าจัดเตรียมไว้ให้ข้าอย่างนั้นหรือ?’’
หานฉายไฉ่ไม่ได้ถือสาในนํ้าเสียงของนาง เพียงแต่เอ่ยอย่างเอื่อยๆ ว่า “ของที่เจ้าอยากได้อยู่กับข้าที่นี่ ยังจะไปร่วมงานประมูลอีกหรือไม่?”
“แผนที่อยู่ที่เจ้า?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างไม่เชื่อ
ดูเหมือนว่าหานฉายไฉ่จะคาดการณ์ได้ก่อนแล้วว่านางจะสงสัย สะบัดแขนเสื้อให้กว้างออกเผยให้เห็นถึงกล่องไม้ที่ถูกซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ
สายตาของมู่ชิงเกอตกไปอยู่ที่กล่องไม้กล่องนั้น ดู เหมือนว่าด้านในจะมีแผนที่ฝั่งตะวันตกของโลกแห่งยุคกลางที่นางอยากได้อยู่
“เอาของประมูลของลูกค้าไปเป็นของส่วนตัว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่กฎของหอสรรพสิ่งใช่หรือไม่?” มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง เอ่ยเตือน
“ขอเพียงสามารถเอาของที่ลูกค้าต้องการมาได้วางไว้ที่ไหนก็เหมือนกัน?” อยู่ดีๆ หานฉายไฉ่ก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง
สองขาของเขาขยับออกมาจากชุดคลุม มู่ชิงเกอถึงได้พบว่า คนน่าไม่อายผู้นี้แม้แต่ถุงเท้าและรองเท้าก็ไม่ใส่ เป็นเท้าเปลือยคู่หนึ่ง ถอนสายตาจากร่างกายของหานฉายไฉ่ มู่ชิงเกอเอ่ยถามว่า “ลูกค้าต้องการอะไร?”
“ยาระดับสมบัติที่สามารถฝืนชะตาฟ้าได้” หานฉายไฉ่เอ่ย
ยาระดับสมบัติ!
ทั้งยังต้องฝืนชะตาฟ้า!
มู่ชิงเกอเงียบไปครู่หนึ่ง ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นนางมัวแต่สนใจการเลื่อนระดับพลัง สำหรับเรื่องศาสตร์การปรุงยากับศาสตร์การหลอมนั้น ไม่ได้รับการฝึกฝนมากเท่าไหร่
ตอนนี้ ศาสตร์การปรุงยาของนางก็ยังคงหยุดอยู่ที่นักปรุงยาระดับจิตวิญญาณมานานแล้ว แม้ว่านางจะมีระดับพลังที่สมบูรณ์แค่ไหน ก็ยังคงเป็นแค่อาจารย์ปรุง ยาระดับจิตวิญญาณเช่นเดิม ไม่สามารถไปถึงขั้นปรมาจารย์ปรุงยาระดับสมบัติได้
ส่วนศาสตร์การหลอมนั้น พูดแล้วก็แปลก หากนางอยากจะหลอมยุทธภัณฑ์ชั้นสมบัติในตอนนี้ ก็มีปัญหาไม่มาก แต่หากคิดจะหลอมยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะออกมานั้นกลับยากมาก
“ข้าไม่มียาระดับสมบัติ” เงียบไปครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอก็พูดความจริง
“ข้ารู้” หานฉายไฉ่เอ่ยอย่างไม่ได้แปลกใจ
ในเมื่อรู้เช่นนั้นหานฉายไฉ่หมายความว่าอย่างไร?
มู่ชิงเกอมองหานฉายไฉ่ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย หานฉายไฉ่หยิบกล่องไม้ที่อยู่บนเตียงขึ้นมา อยู่ดีๆ ก็โยนให้มู่ชิงเกอ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง ยื่นมือออกไปรับ แต่นัยน์ตาก็ยิ่งฉายแววสงสัยมากขึ้น
เสียงอันเกียจคร้านของหานฉายไฉ่ลอยเข้ามา “ข้าได้ตกลงกับอีกฝ่ายแล้วว่า ภายในสามปีเจ้าจะนำโอสถจักรพรรดิไปถึงโลกแห่งยุคกลางเพื่อหาเขา”
“เจ้าพูดอะไรนะ?” มู่ชิงเกอเบิกดวงตากว้าง นางไม่กล้าจะเชื่อว่าหานฉายไฉ่จะออกตัวแทนนาง
โอสถจักรพรรดิ! อีกฝ่ายต้องการโอสถจักรพรรดิ!
โอสถจักรพรรดิอยู่ในยาระดับสมบัติ ส่วนประโยชน์ของมันนั้นก็คือสามารถทำให้คนที่ตายไปแล้วสามารถรักษาร่างเนื้อโดยไม่เน่าเปื่อยได้นับร้อยปี หากว่ามีวาสนาก็สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้!
เป็นใครกัน กลับต้องการโอสถจักรพรรดิ?
“ตะลึงทำไม? แม้ข้าไม่ตอบตกลงไป แต่เมื่อเจ้ารู้เงื่อนไขนี้แล้วก็จะต้องตอบตกลงอยู่ดีไม่ใช่หรือ?” เมื่อเห็นสีหน้าของมู่ชิงเกอดำคลํ้า หานฉายไฉ่ก็เอ่ยอย่างไม่สนใจ มู่ชิงเกอนิ่งลงไป
แน่นอน การรับประกันสามปี แลกมาซึ่งแผนที่ส่วนหนึ่งของโลกแห่งยุคกลาง นางจะต้องตกลงอย่างไม่ลังเล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายในสามปีเลื่อนขั้นสู่ปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสมบัติสำหรับนางนั้นก็ไม่ถือว่ายาก
เพียงแต่ เหตุใดหานฉายไฉ่ถึงได้ตกลงแทนนาง?
“คนที่ต้องทำตามสัญญาคือข้า เจ้าสัญญาแทนข้าไปแล้ว หากว่าข้าไม่สามารถทำได้ล่ะ? เจ้าจะทำอย่างไร?” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
แต่ว่า หานฉายไฉ่กลับเอ่ยอย่างไม่กังวลใจว่า “ข้ามั่นใจในตัวเจ้า”
“…” มู่ชิงเกอยังจะพูดอะไรได้อีก?
ไม่ตกลงก็ล้วนตกลงไปแล้ว
นางหลุบตาลง มองไปที่กล่องไม้ในมือ ปลายนิ้วเปิดสลักด้านบน เปิดฝากล่อง ภายในกล่อง มีแผนที่ที่ทำขึ้นจากหนังของสัตว์ที่ไม่รู้ที่มาอยู่ มู่ชิงเกอหยิบแผนที่จากกล่องไม้ขึ้นมา พลิกไปมากวาดตาดูแวบหนึ่ง
ชื่อแผนดินบนนั้นแปลกสำหรับนางมาก มีคำว่า ‘แผนที่ฝั่งตะวันตกของโลกแห่งยุคกลาง’ อยู่ แผนที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ สามารถเทียบได้กับทั้งหลินชวน
นางเงยหน้าขึ้น เอ่ยกับหานฉายไฉ่อย่างสงบว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแผนที่นี้เป็นของจริง?”
หานฉายไฉ่สะบัดแขนเสื้อเอ่ยว่า “หอสรรพสิ่งไม่ขายของปลอม อีกอย่างแผนที่ส่วนนี้ ข้าเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเอง”
มู่ชิงเกอขบริมฝีปากครุ่นคิด ตระกูลของหานฉายไฉ่เดิมก็มาจากโลกแห่งยุคกลาง อาจจะคุ้นเคยกับแผนที่ฝั่งตะวันตกของโลกแห่งยุคกลาง ดังนั้นจึงสามารถรับรองว่าแผนที่นั้นเป็นของจริง
พับแผนที่ในมือเป็นอย่างดีแล้ว ก็เอาเข้าแขนเสื้อ มู่ชิงเกอเอ่ยถามว่า “ลูกค้าคือใคร? เมื่อข้าหลอมโอสถจักรพรรดิได้แล้ว จะเอาไปให้เขาได้อย่างไร?”
มุมปากของหานฉายไฉ่คลี่ออกเบาๆ เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ดูน่าลุ่มหลงที่แฝงไว้ด้วยความเกียจคร้าน “เรื่องนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล รอเจ้าหลอมโอสถจักรพรรดิออกมาได้แล้ว ก็เพียงมอบมันให้แก่หอสรรพสิ่งในพื้นที่ที่เจ้าอยู่ก็ได้แล้ว”
เมื่อมู่ชิงเกอได้ฟังแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้น เอ่ยกับหานฉายไฉ่ว่า “ภายในเวลาสามปี ข้าไม่รับประกันว่าจะยังอยู่ในหลินชวน”
“หอสรรพสิ่งไม่ได้มีเฉพาะภายในหลินชวน สามปีให้หลัง ข้าก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว” หานฉายไฉ่เอ่ย
มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาลง ในใจเดาความหมายในคำพูดของหานฉายไฉ่เมื่อครู่ พอรวมกับคำอธิบายที่เจียงหลีเคยอธิบายไว้เกี่ยวกับหานฉายไฉ่ นางจึงได้เดาออก เกรงว่า หานฉายไฉ่คงจะกลับไปตระกูลหานในโลกแห่งยุคกลาง เพื่อล้างความอัปยศแล้ว
เพียงแต่ เขามั่นใจถึงขนาดนั้นเลยหรือว่าการกลับไปในครั้งนี้จะสามารถสำเร็จได้? สามารถครอบครองตระกูลหาน? หากว่าในโลกแห่งยุคกลางก็มีหอสรรพสิ่งด้วย เช่นนั้นก็คงจะก่อตั้งมาจากตระกูลหาน
หานฉายไฉ่บอกให้นางเอาโอสถจักพรรดิให้แก่หอสรรพสิ่งได้เลย เช่นนั้นก็แสดงว่าเขามีความมั่นใจว่าจะสามารถครอบครองตระกูลหานในโลกแห่งยุคกลางได้ภายในสามปี
เป็นเพราะพญาเพลิงเมฆสุริยาอย่างนั้นหรือที่ให้ความมั่นใจแก่เขาได้ถึงขนาดนี้?
ในใจของมู่ชิงเกอครุ่นคิดรอบหนึ่ง
ทันใดนั้น นางก็ทิ้งความคิดในหัวของนาง เงยหน้ามองไปที่หานฉายไฉ่ ให้คำสัญญาของตัวเองออกไป “หลังจากสามปี ข้าจะเอาโอสถจักรพรรดิไปมอบให้แก่หอสรรพสิ่งในโลกแห่งยุคกลาง”
หานฉายไฉ่ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ความ ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ก็แสดงว่ามีแผนการที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ไม่ต้องให้นางไปกังวลอะไรอีก
“ได้รับของแล้ว หากว่าไม่มีเรื่องอะไรอีก ข้าขอไปก่อนละ” มู่ชิงเกอเอ่ยกับหานฉายไฉ่
หานฉายไฉ่ยิ้มเบาๆ “เดินข้ามสะพานมาแล้วก็พังสะพานทิ้งเลยรึ!”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “ยังมีธุระอีกรึ?”
มุมปากของหานฉายไฉ่เผยรอยยิ้มที่มีความหมายไม่ชัดเจนออกมา ดวงตาหรี่ยาวเปล่งประกาย “เพลงที่เด็กๆ ร้องข้างถนน เจ้าคงได้ยินแล้วใช่ไหม”
“เป็นเจ้าจริงๆ” มู่ชิงเกอเอ่ยกับเขา ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
มุมปากของหานฉายไฉ่เผยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาเอ่ยอย่างสงบเสงี่ยมว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าชักช้าไม่ลงมือเสียที จึงได้ลงมือแทนเจ้าไป”
มู่ชิงเกอจ้องเขาอย่างไม่พูดไม่จา จนตอนที่หานฉายไฉ่เก็บยิ้มกลับและขมวดคิ้วขึ้น นางถึงได้เอ่ยเตือนในทันที “หานฉายไฉ่ เรื่องของข้าต่อไปอย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งอีก”
พูดแล้ว นางก็หันกายเดินก้าวใหญ่จากไป ไม่มีอาลัยอาวรณ์
จ้องมองแผ่นหลังของนางไกลออกไป หานฉายไฉ่ก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ “ช่างเป็น…คนที่ไร้ใจยิ่งนัก”
เขาเก็บคำว่า ‘ผู้หญิง’ ที่จะพูดออกมากลืนกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถแน่ใจได้ถึงเพศที่แท้จริงของมู่ชิงเกอแล้ว แต่เพราะไม่ได้เห็นด้วยตาถึงยังคงไม่ค่อยมั่นใจ
แต่ภายในใจของเขากลับชัดเจนดี ไม่ว่ามู่ชิงเกอจะเป็นหญิงหรือชาย ดูเหมือนว่านางจะเข้าไปอยู่ในห้องหัวใจของตนเองเข้าแล้ว ทำให้ตัวเองไร้หนทางที่จะไม่สนใจการคงอยู่ของนาง
ภายในดวงตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่ ค่อยๆ เก็บรอยยิ้มกลับ ขบริมฝีปากแน่น คิ้วขมวดขึ้น ท่าทีเปลี่ยนเป็นซับซ้อน