ตอนที่ 202-4
เลือกแผ่นป้าย เข้าสู่เศษซากโบราณ
เหมิงเหมิงเอ่ยถามอย่างตกใจว่า “เจ้านายท่านเป็นอะไรไป?”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววสงสัยมองไปที่หินสีดำนั่น แล้วก็มองไปยังเหมิงเหมิง เอ่ยถามว่า “ตอนที่เจ้าถือมัน ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยหรือ?”
เหมิงเหมิงส่ายหน้าอย่างมึนงง
นี่ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจขึ้นมา นางก้มลงไปเก็บหินสีดำนั่นขึ้นมาจากพื้น
แต่ว่า ในตอนที่นางสัมผัสกับหินสีดำนั้น ความเจ็บปวดก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้นางได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว มือไม่ได้คลายออก แต่กลับกำหินสีดำนั้นแน่น
ทันใดนั้น บางอย่างที่ดูสับสนวุ่นวาย ข่าวสารที่ไม่เข้าใจ เข้ามาในหัวของมู่ชิงเกอ ที่ตามข่าวสารมาก็คือความเจ็บปวดในหัวของนางที่เพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนจะทำให้ หัวของนางระเบิด
ฝืนต่อครู่หนึ่ง หัวของมู่ชิงเกอก็เต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าซีดขาว
เหมิงเหมิงร้องขึ้นอย่างตกใจ “เจ้านาย!”
มู่ชิงเกอคลายมือ ปล่อยหินสีดำออก ความเจ็บปวดก็หายไป เพียงแต่ว่า ข่าวสารบางอย่าง…
“เป็นอะไรกันแน่?” มู่ชิงเกอพึมพำกับตัวเอง
“เจ้านาย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เหมิงเหมิงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
มู่ชิงเกอจัดการลมหายใจ ส่ายหน้า เอ่ยกับเหมิงเหมิงว่า “ของสิ่งนี้แปลกมาก เอาเก็บไว้ก่อน มีเวลาค่อยศึกษาอีกที”
เหมิงเหมิงพยักหน้า เก็บหินสีดำขึ้นมา
มู่ชิงเกอออกจากช่องว่าง ในใจกลับยังคิดถึงหินสีดำขึ้น เหตุใดเพียงแค่นางสัมผัสถึงได้เกิดปฏิกิริยาที่แตกต่าง? ถ้าหากบอกว่าเป็นเพราะเหมิงเหมิงเป็นจิตวิญญาณ
แห่งอาวุธ ดังนั้นจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เช่นนั้นคนอื่นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองหรือไม่?
หรือว่า รอมีเวลาแล้ว ควรจะหาคนลอง
วางเรื่องของหินสีดำไว้อีกทาง มู่ชิงเกอดึงสติกลับมาที่
การฝึกปรือ
ช่องว่างปลดผนึกแล้ว ของที่ได้รับก็รู้มาจากเหมิงเหมิงแล้ว ดังนั้นนางไม่รีบไปตรวจดู เหลืออีกสามวันก็ต้องไปเศษซากโบราณ ตอนนี้ที่นางต้องทำคือฝึกปรือต่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันในการเดินทางในครั้งนี้ ของที่ซือมั่วต้องการนางจะต้องเอามันมาให้ได้!
มู่ชิงเกอตัดสินใจในใจ
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คำแนะนำของซือมั่ว ทำให้มู่ชิงเกอไม่เปลืองสมองอีก ในเมื่อทุกคนล้วนแต่อยากเข้าไป เช่นนั้นก็เข้าไปด้วยกัน
เศษซากโบราณอยู่ที่ไหน และเข้าไปอย่างไร มีเพียงซือมั่วเท่านั้นที่รู้
ดังนั้น สถานที่ออกเดินทางก็คือตีนเขาของตำหนักหลีกง
ก่อนจะออกเดินทาง ซือมั่วมาหามู่ชิงเกอ
“นี่คือ…” มู่ชิงเกอมองกระดิ่งสีทองในมือของซือมั่ว ดูงดงามละเอียดละออเป็นอย่างมาก
ซือมั่วยิ้มๆ มัดมันไว้ที่เอวของนาง
กระดิ่งห้อยลงมา ถูกชุดสีแดงของมู่ชิงเกอคลุมเอาไว้ ซ่อนบ้างโผล่บ้าง ขับสะท้อนชุดของมู่ชิงเกอให้งดงามมากยิ่งขึ้น มู่ชิงเกอแตะเบาๆ ที่กระดิ่ง เสียงกระดิ่งเบาๆ ดังออกมา เสียงกระดิ่งดูไพเราะไม่ได้ทำให้คนรู้สึกระคายหู
“ชอบหรือไม่?” ซือมั่วถาม
มู่ชิงเกอพยักหน้า “ชอบก็ชอบอยู่ แต่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร?” พูดแล้ว นางก็เอ่ยหยอกล้อว่า “หรือว่าเป็นของหมั้นแทนใจงั้นหรือ?”
ใครจะรู้ว่าซือมั่วจะพยักหน้า “พูดถูกครึ่งหนึ่ง”
มู่ชิงเกอชะงัก มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าหายไปสามวันก็เพื่อทำของหมั้นแทนใจออกมางั้นหรือ?” ซือมั่วยิ้มไม่พูดจา เพียงแต่แหวกชุดสีขาวของตนเองออก ตรงเอวของเขาก็มีกระดิ่งเหมือนกันห้อยไว้
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกาย ดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของซือมั่ว
“กระดิ่งคู่นี้ข้าดัดแปลงมาจากของวิเศษที่ข้ามี ในโลกนี้เป็นหนึ่งไม่มีสอง เดิมทีพวกมันเป็นชิ้นเดียวกัน ดังนั้นระหว่างมันจะมีปฏิกิริยาต่อกัน ทั้งข้ายังใส่กลิ่นอายของข้าและเจ้าไว้ในนั้น เช่นนั้นแล้ว รอเจ้าเข้าสู่เศษซากโบราณ หากว่าเดินผ่านของชิ้นนั้นแล้ว อาศัยความสามารถของกระดิ่งนี้ข้าก็จะสามารถสัมผัสได้จากนั้นก็สามารถบอกเจ้า” ซือมั่วอธิบาย
“นี่ก็ได้หรือ?” มู่ชิงเกอมองกระดิ่งของตนเองกับซือมั่ว อย่างตกตะลึง
“ไม่เพียงเท่านี้กระดิ่งที่พวกเราพกติดตัว ถึงแม้ว่าจะห่างไกลแค่ไหนก็มีปฏิกิริยาต่อกัน” พูดแล้ว ซือมั่วก็เอากระดิ่งตรงเอวของตนเองขึ้นมา เขย่าเบาๆ
กระดิ่งที่เอวของมู่ชิงเกอก็เขย่าตามไป
ให้ตายเถอะ!
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววหวั่นไหว
การตอบสนองแรกของนางไม่ใช่ซาบซึ้งในความหวานของซือมั่วแต่กลับเป็นรู้สึกว่าของเล็กๆ นี้สามารถใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารได้!
ขอเพียงระหว่างนางกับซือมั่วตั้งรหัสไว้จากนั้นไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็สามารถติดต่อกันผ่านกระดิ่งได้
อย่างเช่น สั่นครั้งหนึ่งแสดงว่า ‘ข้าสบายดี’ สั่นสองครั้ง แปลว่า ‘อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว’ เขย่าอย่างต่อเนื่องแสดงว่า ‘ด้านหน้ามีการซุ่มโจมตีรีบหนี!’ รอเดี๋ยว!
ยิ่งคิด มู่ชิงเกอยิ่งรู้สึกว่าประโยชน์ของกระดิ่งนั้นไม่ธรรมดา นัยน์ตาเปล่งประกาย
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” ซือมั่วเห็นนางใจลอยจึงเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยพอใจ
มู่ชิงเกอกำลังตื่นเต้นไปชั่วขณะจึงบอกซือมั่วถึงสิ่งที่ตนเองคิด “…เจ้าว่า นี่มันใช่ของวิเศษจริงๆ ใช่หรือไม่? ของสิ่งนี้ทำขึ้นได้อย่างไร กลับมาข้าก็อยากทำสักชุด จากนั้นก็ให้องครักษ์เขี้ยวมังกรแขวนไว้คนละอัน เช่นนั้นก็จะสามารถติดต่อกันได้อย่างทันท่วงที!”
ความสนใจของมู่ชิงเกอกลับทำให้สีหน้าของซือมั่วคลํ้าขึ้น “เจ้าว่าจะให้องครักษ์เขี้ยวมังกรห้อยไว้คนละอันอย่างนั้นหรือ?”
พูดแล้วว่าของหมั้นแทนใจไง?
เอ่อ!
มู่ชิงเกอถูกนํ้าเสียงของผู้ชายเรียกสติกลับมา
นี่ถึงได้รู้สึกถึงว่าตนเองพูดคำพูดที่ไม่สมควรพูดออกไป นางรีบเปลี่ยนคำในทันที “เพียงแต่ยืมใช้ยืมใช้เท่านั้น แน่นอนว่าจะไม่เอากระดิ่งที่งดงามและน่ารักเช่นนี้ไปให้ชายฉกรรจ์แข็งกร้าวพวกนั้นแขวน อย่างพวกเขาทำแผ่นป้ายแขวนก็ได้แล้ว”
พูดไปพูดมานางก็ยังไม่ยอมแพ้กับเรื่องนี้
ซือมั่วโอบกอดนางไว้ใช้นํ้าเสียงที่เคร่งขรึมกระซิบที่ข้างหูของนาง “วิธีนี้ไม่เลว แต่ว่า ข้าก็ขอเสนอให้รหัสลับระหว่างพวกเรามีอีกชุดที่แยกพิเศษออกมาต่างหาก อย่างเช่น สั่นครั้งหนึ่งแสดงว่าเจ้าคิดถึงข้า สั่นสองครั้ง แสดงว่าเจ้าคิดถึงข้ามาก สั่นสามครั้งแสดงว่าเจ้าคิดถึงข้าจนนอนไม่หลับ หากสั่นไม่หยุดก็แสดงว่าอยากให้ข้า รีบไปปรากฏกายข้างเจ้าในทันที!”
มู่ชิงเกอได้ฟังแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นคลํ้าขึ้น มุมปากของนางกระตุกแล้วถามออกไป “เหตุใดจึงมีแต่ข้าคิดถึงเจ้า? ไม่ใช่เจ้าคิดถึงข้า!”
พูดจบ กำปั้นก็ต่อยไปที่จมูกของบางคนอย่างไม่ยั้งมือไว้ไมตรี
ตีนเขาตำหนักหลีกง กลุ่มของคนหกสิบสี่คนก็มารวมตัวกันที่ตีนเขาเรียบร้อยแล้ว
พวกเขารอการปรากฏตัวของมหาปราชญ์ และก็รอมู่ชิงเกอ
เพราะว่าหลังออกมาจากเขตต้องห้ามในวังหลวงแล้ว มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกเลย ในวันนั้นนางออกมาในรูปโฉมของหญิงสาว ทำให้คนจำนวนไม่น้อยตกตะลึง เก็บไว้ในความทรงจำ
เพียงแต่ว่า ในเวลานั้นเพิ่งผ่านจากศึกครั้งใหญ่ มู่ชิงเกอเหนื่อยล้าไปบ้าง ทั้งยังเป็นเพราะพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของมหาปราชญ์ทำให้ทุกคนไม่กล้ามองอย่างละเอียด
ดังนั้นในวันนี้ในใจของพวกเขาหลายคนล้วนแต่คาดหวัง คิดจะมองดูอย่างละเอียด ว่าผู้หญิงอัจฉริยะที่สามารถทำให้มหาปราชญ์หลงใหลได้ผู้นี้อัศจรรย์แค่ไหน!
ในขณะที่รอ ทางเข้าของตำหนักหลีกงก็เปิดออก กู่หยาก้าวออกมาก่อน ที่ตามเขามานั้นก็เป็นเงาร่างหนึ่งแดงหนึ่งขาวที่สง่างาม…