Skip to content

พลิกปฐพี 205-4

ตอนที่ 205-4

การพังทลายของเศษซากโบราณ ท่านอามีเรื่องมงคลแล้ว!

“อา! ใช่แล้ว เจ้าจะไม่ไปหานายน้อยของหอสรรพสิ่งผู้นั้นสักหน่อยหรือ? ในวันที่เกิดศึกใหญ่ ตอนที่พวกเราออกมา เขายังรู้สึกเป็นกังวลกับเจ้ามาก” เจียงหลีหยอกล้อออกมา

ท่าทางของนางนั้น เห็นได้ชัดว่ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

พูดถึงหานฉายไฉ่ มู่ชิงเกอก็ไม่ได้มีความกระดากใจใดๆ แต่กลับพยักหน้า “มีโอกาสค่อยไปขอบคุณแล้วกัน”

หานฉายไฉ่ไม่ได้มาหานางเอง ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปใส่ใจ แล้วเหตุใดนางต้องวิ่งไปกล่าวขอบคุณด้วย?

คำพูดของมู่ชิงเกอ ทำให้เจียงหลีรู้สึกเห็นใจหานฉายไฉ่มาก!

ไม่กี่คนพูดคุยไปมา อยู่ดีๆ ก็มีบ่าวรับใช้ของเรือนรับรองมาส่งข่าว บอกว่าใต้เท้าเซวียแห่งแคว้นอวี่มาขอพบคุณชายมู่

เซวียฉงมาหาตนเอง?

ข่าวนี้ทำให้มู่ชิงเกอคิดไปถึงท่านอาของตนเอง

นางพอไปพบเซวียฉง

เซวียฉงก็นำเรื่องมงคลมาบอกนาง

“เจ้าพูดอะไร? ท่านอามีเรื่องมงคลอย่างนั้นหรือ?” มู่ชิงเกอยืนขึ้นอย่างตกตะลึง

เซวียฉงยิ้มพยักหน้า “ข้าก็เพิ่งจะได้รับข่าวจากตระกูล เซวียเฉียวและภรรยาสองคน กลับไปถึงตระกูลเซวียเมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว กลับไปถึงตระกูลเซวียในแคว้นอวี่ ในเวลานั้นก็มีเรื่องมงคลแล้ว ตอนนี้คำนวณดูแล้ว ลูกในครรภ์ก็น่าจะได้สามเดือนแล้ว”

“ท่านอามีเรื่องมงคลแล้ว! เรื่องนี้ต้องบอกท่านปู่!” ตอนนี้ สีหน้าของมู่ชิงเกอก็เกรงว่าจะแสดงออกมากกว่าปกติเป็นครั้งแรก

ที่แม้แต่จ้าวหนานซิง เจียงหลีและคนอื่นๆ ที่คุ้นเคยกับนางดีก็ล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นดีใจ

ที่แท้มู่ชิงเกอก็ยังมีเวลาที่จิตใจไม่สงบ

มู่ชิงเกอตื่นเต้นจนเดินไปเดินมาในห้อง ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ทำให้ใบหน้าที่งดงามของนางกลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในห้อง

รอนางสงบอารมณ์ลงแล้ว เซวียฉงถึงเอ่ยว่า “คุณชายมู่ ไม่ทราบว่าต่อไปมีแผนการอย่างไร? บิดาบอกมาว่าหากคุณชายมู่มีเวลาว่าง ขอเชิญแวะไปที่ตระกูลเซวียในแคว้นอวี่สักครั้ง จะได้ไปเยี่ยมเยียนท่านอาของท่านไปในตัวด้วย”

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วมองเขา

ดูท่า เรื่องของนางที่นี่ เซวียฉงคงได้รายงานแก่ตระกูลแล้ว ดังนั้นทางตระกูลเซวียถึงได้เชิญมาเช่นนี้ ไป ต้องไปอย่างแน่นอน!

นางเป็นคนในตระกูลของท่านอา แน่นอนว่านางจะต้องไป

“ดี เช่นนั้นข้าก็จะไปตระกูลเซวียที่แคว้นอวี่สักครั้ง!” มู่ชิงเกอบอกคำตอบของตนเองออกไป

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง จ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยก็สบตากันเผยรอยยิ้มขมขื่น

พูดดีแล้วว่าจะกลับด้วยกันมิใช่หรือ?

อย่าลืมเลือนกันเร็วแบบนี้ได้หรือไม่

แต่ทว่า สำหรับการตัดสินใจของมู่ชิงเกอนั้น พวกเขาก็เข้าใจดี

แต่เดิมสายเลือดตระกูลมู่ก็น้อยอยู่แล้ว เด็กในท้องของท่านอาสำหรับตระกูลมู่นั้นหมายถึงความหวังใหม่ แน่นอนว่ามู่ชิงเกอจะต้องให้ความสำคัญ

หลังจากพูดคุยกับเซวียฉงถึงเรื่องราวสำคัญที่เกี่ยวข้องแล้ว เขาก็จากไป

มู่ชิงเกอนัดกับเขา หลังจากนี้ไปสามวัน ก็จะออกเดินทางจากเทียนตูไปแคว้นอวี่ด้วยกัน

แคว้นอวี่อยู่ติดกันกับอาณาจักรเซิ่งหยวน ไม่ถือว่าไกล ไปแคว้นอวี่ก่อน หลังจากเยี่ยมท่านอาแล้ว ค่อยย้อนกลับไปแคว้นฉินก็เหมือนกัน เพียงแค่อ้อมเล็กน้อย กลับช้าไปนิดหน่อยเท่านั้น

สามวันให้หลัง มู่ชิงเกอนำองครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยนาย ไม่ได้บอกกล่าวใคร ออกจากเทียนตูไปพร้อมกับเซวียฉง

รอจนพวกหวงฝู่ฮ่วนรับรู้ข่าวไล่ตามมาถึงก็มองเห็นแต่ฝุ่น

เซวียฉงก็ถือว่าเป็นคนคล่องตัว เขาแรกเริ่มใช้อสูรเวหาของอาณาจักรเซิ่งหยวนในการเดินทาง เมื่อถึงชายแดน ถึงได้เปลี่ยนเป็นม้าเร็วลากรถ ยี่สิบวันกว่าๆ มู่ชิงเกอก็ได้มาถึงเมืองที่ตระกูลเซวียอยู่ในแคว้นอวี่

เมืองนี้ใหญ่และเจริญรุ่งเรืองมาก

ขนาดเช่นนี้ดูเหมือนจะเทียบได้กับเมืองหลวงของแคว้นระดับสามได้เลยทีเดียว

ดูจากท่าทางบนใบหน้าของเซวียฉงแล้ว มู่ชิงเกอก็สามารถเดาได้ว่า ที่เมืองแห่งนี้สามารถพัฒนาได้ถึงระดับนี้ก็ล้วนแต่เป็นเพราะฐานใหญ่ของตระกูลเซวียอยู่ที่นี่

ส่วนเซวียฉงที่กลับมาจากเทียนตู ก็ไม่ได้กลับไปรายงานฮ่องเต้แห่งแคว้นอวี่เป็นอันดับแรก แต่กลับพานางกลับมาที่ตระกูลเซวียก่อน จากจุดนี้ก็พอเห็นได้ถึงสถานะของตระกูลเซวียในแคว้นอวี่ได้แล้ว

“ถึงแล้ว จวนด้านหน้าก็คือจวนของตระกูลเซวีย” เซวียฉงชี้ไปที่จวนหลังใหญ่สุดถนนแล้วแนะนำให้มู่ชิงเกอฟัง

มู่ชิงเกอขี่อยู่บนเพลิงรัตติกาล ด้านหลังมีองครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยนาย

อาชาเพลิงที่พวกเขาขี่ ก็กลายเป็นจุดสะดุดตา ทำให้เหล่าชาวบ้านบนถนนชี้ไปมาอย่างสนใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มองเห็นมู่ชิงเกอที่อยู่ในชุดผู้หญิง ท่าทางที่ดูสวยงามไร้ที่เปรียบนั้น ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงขึ้นไปอีก ในใจล้วนแต่ลอบคาดเดาว่าหญิงสาวที่งดงามอย่างน่าตกตะลึงโดดเด่นผู้นี้เป็นใครกัน?

กลับมาพร้อมกันกับคุณชายรองตระกูลเซวีย หรือว่า…

แน่นอน สิ่งที่พวกเขาคิดเหล่านี้ก็ยังไม่ได้ถูกลือออกไป ก็ถูกเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรใช้สายตาพิฆาตส่งไปให้แล้ว คุณชายของพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่คนเหล่านี้จะสามารถวิจารณไปทั่วได้รึ?

องครักษ์เขี้ยวมังกรไม่ใช้องครักษ์เขี้ยวมังกรธรรมดาเช่นเคยแล้ว ตอนนี้คนทั้งห้าร้อย มีเกินกว่าครึ่งล้วนแต่อยู่ระดับพลังชั้นสีม่วงแล้ว ส่วนคนที่เหลือก็ล้วนอยู่ใน ระหว่างการเร่งระดับที่จะขึ้นสู่ระดับพลังชั้นสีม่วง เพื่อที่จะไม่เป็นตัวถ่วงแก่คุณชายของพวกเขา สามารถแบ่งเบาภาระให้แก่คุณชายของพวกเขา

สายตาที่แข็งกร้าวของพวกเขา ไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านเหล่านี้จะต้านทานได้

ไม่นาน ก็มีชาวบ้านสีหน้าซีดขาว เหงื่อออก ล้มกองลงกับพื้น เกิดความวุ่นวายขึ้นมา

เซวียฉงมองไป ก็ส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น ทำได้เพียงลอบสั่งคนให้ไปจัดการ

“มั่วหยาง ให้พวกเขาเก็บอาการหน่อย พวกเราเป็นแขก” มู่ชิงเกอสั่งการกับมั่วหยางเบาๆ

มั่วหยางรับคำสั่ง ส่งสัญญาณมือให้แก่เหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกร

ชั่วขณะนั้น องครักษ์เขี้ยวมังกรเก็บความกดดันกลับ รอบด้านก็เปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นหลายส่วน

เดินตามเซวียฉงมาถึงหน้าจวนตระกูลเซวีย ประตูใหญ่ที่ปิดสนิท ทั้งยังมีประตูข้างสองบานก็ถูกเปิดออกมาจากข้างใน บ่าวรับใช้และสาวใช้ในจวนตระกูลเซวียทยอยพากันออกมาสองข้าง คุกเข่าลงกับพื้น ตะโกนขึ้นพร้อมกันว่า “ต้อนรับคุณชายรองกลับจวน!”

ฉากนี้ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น เซวียฉงลอบมองนางแวบหนึ่ง ไอเบาๆ เอ่ยกับเหล่าคนใช้ที่คุกเข่าอยู่กับพื้นว่า “ท่านนี้คือคุณชายมู่”

คุณชายที่เป็นหญิง?

ในใจของเหล่าคนใช้ล้วนแต่รู้สึกแปลกใจ แต่ใบหน้าของมู่ชิงเกอกลับทำให้พวกเขาไม่กล้ามอง ตะโกนขึ้นว่า “ต้อนรับคุณชายมู่!”

มู่ชิงเกอยิ้มๆ เอ่ยกับเซวียฉงว่า “ตระกูลเซวียช่างเป็นครอบครัวที่ใหญ่โตยิ่งนัก”

เซวียฉงหัวเราะออกมาอย่างกระดากอาย เอ่ยกับเหล่าบ่าวรับใช้ว่า “ลุกขึ้นเถอะ”

หลังจากได้ยินคำสั่งแล้ว ทุกคนก็ค่อยๆ ยืนขึ้น

เซวียฉงพลิกตัวลงมาจากม้า เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “คุณชายมู่ เชิญ”

มู่ชิงเกอกระโดดลงจากเพลิงรัตติกาล การเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติและลื่นไหล มีเสน่ห์ แม้ว่าในตอนนี้นางอยู่ในชุดผู้หญิงแต่ก็ยังดูหล่อเหลาดึงดูดสายตาของผู้คน

มู่ชิงเกอลงจากม้า องครักษ์เขี้ยวมังกรก็ลงจากม้าตาม แต่ว่าอาชาเพลิงของพวกเขากลับไม่มีใครกล้าแตะต้อง

บ่าวของจวนตระกูลเซวียล้วนแต่เผยสีหน้าหวาดกลัว เจ้าผลักข้า ข้าผลักเจ้า ไม่กล้าออกมาข้างหน้า

ฉากนี้ทำให้เซวียฉงรู้สึกขายหน้ามาก

มู่ชิงเกอพอเห็นฉากภาพนี้ หันไปสั่งการกับมั่วหยางว่า “ให้กลุ่มหนึ่งจูงม้าไป”

มั่วหยางพยักหน้าออกไปจัดการ

เซวียฉงมองเห็นอาชาเพลิงถูกองครักษ์เขี้ยวมังกรจูงไป แล้วก็โล่งใจ ผายมือออกไป แย้มยิ้มแล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “คุณชายมู่ เชิญด้านใน”

มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ ขี้นบันไดไปกับเขา มั่วหยางก็นำอีกกลุ่มหนึ่งตามไปด้านหลัง คนที่เหลือยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้เข้าไป

หากว่าพวกเขาคนหลายร้อยนี้เข้าไปในจวนตระกูลเซวียทั้งหมด เกรงว่าอาจจะทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่ามาต่อยตีได้

แน่นอนว่า พวกเขาก็ไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ เซวียฉงต้องส่งคนมาต้อนรับพวกเขาอย่างแน่นอน

เดินขึ้นบันได ข้ามประตูมา

มู่ชิงเกอก็มองเห็นกลุ่มหญิงชายกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง เดินมาทางตนเอง

มองดูชุดที่พวกเขาสวมใส่ ดูไม่เหมือนคนธรรมดา ดูแล้วน่าจะเป็นเจ้านายของจวนตระกูลเซวียแห่งนี้!

“ชิง…ชิงเกอ!” ทันใดนั้น เสียงที่ดูคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา

มู่ชิงเกอเงยหน้าไปมอง เห็นคนที่ดูคุ้นเคยคนหนึ่ง ผ่านกลุ่มคนออกมาอย่างตื่นเต้น วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาตนเอง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!