Skip to content

พลิกปฐพี 570

ตอนที่ 570

มีสหายมา จัดการเลยดีไหม

ฟังอยู่ครู่หนึ่ง….

เอ่อ ไม่ใช่นางอยากฟังหรอกนะ แต่เพราะหูนางไวจนเกินไปต่างหาก

มู่ชิงเกอใช้ปัญญาเทวะปิดกั้นเสียงบางส่วน ไปแล้วเดินลงไปชั้นล่าง นางอยากฟังเรื่องเกี่ยวกับแผ่นดินเทพตะวันออกย่อมต้องไปจุดที่มีคนอยู่มาก

จุดที่มีคนมากสุดของที่นี่ก็คือชั้นหนึ่งซึ่งเป็นที่นั่งธรรมดา  และชั้นสองซึ่งเป็นที่นั่งพิเศษ

ใคร่ครวญแล้ว นางจึงเดินไปยังที่นั่งพิเศษชั้นสอง

แต่เมื่อนางเดินไปถึงชั้นสองจึงพบว่าชั้นสองมีคนนั่งจนเต็มหมดแล้ว ทุกโต๊ะล้วนมีแต่หญิงชายกำลังพลอดรักกัน ทำให้นางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความกระอักกระอ่วน

ไม่ง่ายเลย ในที่สุดนางก็พบโต๊ะที่นับว่ายังว่างอยู่

ที่นั่งพิเศษนั้นมีคนนั่งอยู่เพียงคนเดียว เขาดูอายุไม่มากนัก ใบหน้ายังดูอ่อนเยาว์นับว่าหน้าตาหล่อเหลาเอาการ เขานั่งอย่างวางก้ามเท้าข้างหนึ่งพาดอยู่บนเก้าอี้ที่ว่าง เอียงคอดูนางระบำบนเวทีร่ายรำแต่ดูไม่หลงใหลเลยแม้แต่น้อย มือก็แกะถั่วโยนเข้าปากเคี้ยว บนโต๊ะมีเปลือกถั่วกองอยู่

พอเห็นเปลือกถั่วเหล่านั้นดวงตาของมู่ชิงเกอก็เป็นประกายขึ้นมา นางราวกับเคยเห็นเปลือก ถั่วคล้ายๆ กันนี้ที่ไหนมาก่อน

นางเดินไปทางชายคนนั้น สายตากวาดไปทางเก้าอี้ว่างที่อยู่ข้างๆ บอกเขาว่า “สหายท่านนี้ ข้า ขอนั่งสักครู่ได้ไหม”

นางพูดจบ ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองนาง

มู่ชิงเกอรู้สึกว่าแววตาของเขาเปล่งประกายวาบขึ้นมาคล้ายตกตะลึงไป แล้วยิ้มให้นาง “นั่งได้ตามสบาย อย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านข้าอยู่แล้ว”

น้ำเสียงของเขา มู่ชิงเกอรู้สึกว่าน่าสนใจ

นางจึงยิ้มน้อยๆ ลากเก้าอี้ตัวนั้นออกมาแล้ว นั่งลงไป

หลังจากนั่งแล้ว ชายคนนั้นก็ไม่ได้สนใจนาง ยังคงกินถั่วไปพลาง ชื่นชมนางระบำไปพลาง

มู่ชิงเกอดูออกว่าเขาเพียงแค่ชมเท่านั้นไม่ได้มีใจเป็นอื่นแม้แต่น้อย

นางมองเปลือกถั่วที่กองบนโต๊ะก็เกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้น นางนึกออกแล้วว่าเคยเห็น มันที่ไหนมาก่อน เปลือกถั่วนี่เหมือนกับที่นางพบในถํ้าที่เสี่ยวเทียนอี้ไม่มีผิด

นางยิ้มน้อยๆ ถามว่า “ท่านก็เพิ่งมาจากเสี่ยวเทียนอี้หรือ”

ชายคนนั้นหันมามองนาง พูดอย่างไม่ปิดบังว่า “ก็ไม่เชิงหรอก ข้ามาจากเสี่ยวเทียนอี้ได้ปีกว่าแล้ว”

เป็นเขาจริงๆ ด้วย

เวลาถูกต้อง มู่ชิงเกอคาดเดาว่าชายคนนี้เป็นคนที่ใช้ถํ้าก่อนหน้านางที่เสี่ยวเทียนอี้

แต่สิ่งที่ทำให้นางตะลึงก็คือ คนคนนี้จากไปขณะที่นางเพิ่งไปถึงเสี่ยวเทียนอี้ เวลานี้ยังคงอยู่ที่เทียนหยาจวีอีก เขาออกไปแล้วกลับมาใหม่หรืออยู่ที่นี่ตลอดเวลากันแน่

ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เริ่มสงสัยว่าตัวเองถูก ‘นกยูง’ หลอกลวงหรือไม่

“ท่าน…” มู่ชิงเกอกำลังจะถามต่อ

แต่ชายคนนั้นกลับตัดบทบอกนางว่า “อย่าเอาแต่เรียกข้าว่าท่านท่าน ข้ามีชื่อว่าถงเถิง เจ้าอย่า เรียกข้าว่าคุณชายถงอะไรนั้นนะ ข้าฟังแล้วจั๊กจี้ ถ้าจะให้เกียรติก็เรียกข้าว่าถงเถิงแล้วกัน”

มู่ชิงเกอหัวเราะหึๆ ในใจ ผงกศีรษะว่า “ดี ถงเถิง ข้าก็ขอแนะนำตัวเองหน่อย ข้าชื่อมู่ชิงเกอหากให้เกียรติ ก็เรียกข้าว่ามู่ชิงเกอก็พอ”

ถงเถิงชะงักแล้วหัวเราะ “ฮ่าๆๆ เจ้าไม่เลว ถูกใจข้ามาก”

มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ สำหรับถงเถิงนางเองก็ไม่ได้รังเกียจ

หลังจากหัวเราะแล้ว มู่ชิงเกอก็ถามว่า “ถงเถิง ทำไมเจ้ายังอยู่ที่เทียนหยาจวีเล่า ในเมื่อเจ้าออกจากเสี่ยวเทียนอี้มาปีกว่าแล้ว ทำไมไม่ไปรายงานตัวที่แดนเทพภายในครึ่งปี”

“แดนเทพแห่งนั้น ข้าไม่อยากไป” ถงเถิงไม่ได้ปิดบัง บอกเหตุผลตรงๆ ให้มู่ชิงเกอได้รับรู้

มู่ชิงเกอกลับตะลึงไป เดิมนางเข้าใจว่าถงเถิงถูกหลอกลวงจึงยังอยู่ที่นี่

“แดนจั๋วอวี่อะไร ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่สถานที่ดีอะไร คนที่รับข้าดูไปแล้วก็ไม่ใช่คนดีอะไร ข้าขี้เกียจไปเข้าร่วมกับพวกเขา” ถงเถิงเบะมุมปากทำหน้ารังเกียจ

ตามด้วยเอาถั่วที่แกะเปลือกแล้วยื่นให้มู่ชิงเกอพลางพูดเชิญชวนว่า “กินไหม ลองชิมดูสิ ข้านำมาจากบ้านเกิด เพียงแต่กินไปเรื่อยๆ ก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ”

เขาพูดอย่างโศกเศร้าเช่นนี้ทำให้มู่ชิงเกอไม่กล้ายื่นมือไปรับ

ดังนั้นนางจึงสั่นศีรษะ ปฏิเสธด้วยมารยาท “อย่าเลย ข้าไม่ค่อยชอบถั่ว”

กระทั่งภายหลัง นางจึงได้รู้ว่าถั่วที่ถงเถิงนำขึ้นมานั้นมีมากมายนับเป็นตัน ในเวลานั้นนางจึงได้เข้าใจถึงความชื่นชอบถั่วของถงเถิงอย่างแท้จริง

มู่ชิงเกอส่งถั่วเบื้องหน้านางคืนกลับไป ถงเถิงเองก็ไม่แสร้งทำเป็นยัดเยียด เอาถั่วคืนไปแล้วโยนใส่ปาก

ขณะที่เขาเคี้ยวถั่วนั้น มู่ชิงเกอก็ตรึกตรองในใจ

ที่แท้ขณะที่ถงเถิงออกมาจากบ่อบิน คนที่ส่งเขาไปเสี่ยวเทียนอี้ก็คือคนแดนจั๋วอวี่ คนแดนจั๋วอวี่คงไม่ทำให้เขาประทับใจสักเท่าไหร่เขาจึงแกล้งถ่วงเวลา ไม่ได้ไปแดนจั๋วอวี่ภายในกำหนดเวลาครึ่งปี

เพียงแต่มีข้อสงสัยหนึ่ง

มู่ชิงเกอมีข้อสงสัยหนึ่งในใจที่คิดไม่ตก ขณะที่นางเตรียมถามให้เข้าใจ ถงเถิงกลับแย่งพูดก่อน “ข้าเห็นเจ้าดูไม่คุ้นหน้า วันนี้สาวงามทั้งหลายต่างคุยกันว่า หอเซียนสวรรค์มีเซียนสวรรค์ตัวจริงมาเยือน ดูแล้วคงเป็นเจ้านี่แหละ ทำไมหรือ เจ้าเพิ่งออกมาจากเสี่ยวเทียนอี้ก็ถูกเสี่ยวหมิงหมิงพามาหรือ”

แววตาเป็นประกายของมู่ชิงเกอสั่นไหว “ไม่ทราบว่าเสี่ยวหมิงหมิงคือใครหรือ”

“ก็คือคนที่อายุยังน้อยแต่ชอบพอกแป้งหนาบนใบหน้า ทำตัวเหมือนสาวแก่แต่งตัวเหมือนนกยูงนั่นไงเล่า” ถงเถิงบรรยายทั้งออกทำทางประกอบ

ส่วนมู่ชิงเกอก็เข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงใคร

ฟังจากนํ้าเสียงดูเขาจะคุ้นเคยกับ ‘พี่สาว’ มากทีเดียว

มู่ชิงเกอผงกศีรษะ ไม่ปิดบังเขา “นางว่า นางมีวิธีทำให้ข้าลงทะเบียนได้สำเร็จภายในสามวัน”

“นี่เป็นความจริง” ถงเถิงผงกศีรษะ “ฝีมือการหมักสุราของนาง ไม่มีใครเทียบได้ในเทียนหยาจวี ดังนั้นจึงส่งสุราให้หอสุดหล้าฟ้าเขียวเป็นประจำ”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” มู่ชิงเกอเข้าใจแล้วว่าทำไม ‘พี่สาว’ จึงมั่นอกมั่นใจนักว่าจะส่งตัวเองเข้าไปในหอสุดหล้าฟ้าเขียวได้

สงสัยมาครึ่งวันจึงได้รู้ว่านางมีฝีมือพิเศษเช่นนี้เลยสามารถเข้าใกล้มนุษย์เทพที่ดูแลหอสุดหล้าฟ้าเขียวได้

“ถงเถิง” มู่ชิงเกอวางมืออยู่บนโต๊ะ ปลายนิ้วเคาะโต๊ะไปมา ในสภาพแวดล้อมที่อึกทึกเช่นนั้นไม่น่าจะเป็นที่สังเกตได้ แต่ถงเถิงกลับถูกดึงดูดจากปลายนิ้วที่นางเคาะลงไปโดยไม่รู้ตัว

“หือ” ถงเถิงยัดถั่วที่แกะแล้วใส่ปาก สายตาอยู่ที่นิ้วมู่ชิงเกอ

“หลังจากเข้ามาเทียนหยาจวีแล้ว เจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่ตลอดเวลาเลยหรือ” มู่ชิงเกอถาม

“ใช่” ถงเถิงยังไม่ละสายตา มองดูอย่างตั้งใจ พลางผงกศีรษะรับ

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว เช่นนั้นก็มีปัญหาแล้ว และนี่ก็เป็นข้อข้องใจของนางด้วย” ครั้งแรกที่คนของแดนจั๋วอวี่ส่งพวกเจ้าไปที่เสี่ยวเทียนอี้ ให้หยกเทพระดับต่ำพวกเจ้าไว้สามชิ้นใช่หรือไม่”

ใครจะรู้ว่าพอเอ่ยถึงเรื่องนี้ สายตาของถงเถิงก็ย้ายจากนิ้วมือนางมามองที่หน้านางทันที

มู่ชิงเกอตกใจเล็กน้อย เมื่อสักครู่ขณะที่นางเคาะโต๊ะนั้นได้ใช้วิชาสะกดวิญญาณเข้าไปด้วยเล็กน้อย เพราะนางต้องการฟังความจริง เวลานี้นางอยู่ในขั้นจิตวิญญาณขั้นเจ็ดแล้ว นางรับรู้ได้ว่าพลังของถงเถิงอยู่ที่ขั้นจิตวิญญาณขั้นสาม ตามหลักแล้วเขาไม่ควรแก้วิชาสะกดวิญญาณของนางได้

แต่เขากลับดิ้นหลุดได้ทั้งยังดิ้นหลุดได้โดยไม่รู้สึกตัวอีกด้วย กระทั่งเวลานี้เขายังไม่รู้ตัวเลยว่าถูกสะกดเมื่อครู่

“เจ้าไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ยังดี พอเอ่ยถึงแล้วข้าก็โมโหยิ่งนัก ไอ้พวกลูกเต่าแดนจั๋วอวี่หักส่วนหยกเทพที่จะให้พวกเราไป พอมาถึงมือพวกเราก็ได้เพียงคนละชิ้นเท่านั้น” ถงเถิงพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

มู่ชิงเกอคิดไม่ถึงว่า ถงเถิงจะพูดเรื่องความแค้นของเขากับแดนจั๋วอวี่ออกมา

“ในเมื่อเจ้ามีหยกเทพระดับต่ำเพียงชิ้นเดียว แล้วอยู่ที่นี่มานานเช่นนี้ได้อย่างไร เสี่ยวหมิงหมิงที่เจ้าพูดถึงคนนั้นบอกข้าว่าอยู่ที่นี่สามวันต้องจ่ายหยกเทพระดับต่ำหนึ่งชิ้น เด็กผู้ใหญ่เท่ากัน ราคาชัดเจนแน่นอน” มู่ชิงเกอถามไปตามตรง

ถงเถิงชะงักมองมู่ชิงเกอแล้วหัวเราะ

พอเขาหัวเราะ มู่ชิงเกอก็งุนงงไป นางทบทวนคำพูดตัวเองแล้วก็เห็นว่าไม่มีอะไรน่าหัวเราะ เลยสักนิด

“เสี่ยวหมิงหมิงจะมาเก็บหยกเทพจากข้าได้อย่างไร แค่อาศัยความสัมพันธ์ของข้ากับนาง นางจะต้องให้หยกเทพแก่ข้าด้วยซํ้า” หลังจากถงเถิงหัวเราะ แล้วก็ยักคิ้วหลิ่วตาพูด

มู่ชิงเกอเห็นท่าทางเขาแล้วก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ความสัมพันธ์ของเขากับ ‘นกยูง’ หรือ เมื่อนึกว่าที่นี่ทำการค้าอะไรแล้วมู่ชิงเกอก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมา

“เป็นอย่างไร อิจฉาข้าแล้วซิ ฮี่ๆ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ มีคนตั้งมากมายอิจฉาข้าทั้งนั้น” ถงเถิงออกอาการภูมิอกภูมิใจ ทำทางโอ้อวดเช่นนั้นช่างชวนโดนอัดจริงๆ

“อิจฉาหรือ เหอะๆ ข้าไม่ได้มีรสนิยมแปลกประหลาดเช่นเจ้านะ” มู่ชิงเกอหัวเราะเย้ยนิดหนึ่ง ไม่ได้เออออตามไปด้วย

นางนึกไม่ถึงจริงๆ เพราะถงเถิงเองก็นับว่าหล่อเหลาเอาการ ดูดีมีเสน่ห์ทำไมจึงได้ชอบ ‘นกยูง’ ที่แป้งหลุดร่อนเวลาคุยกันเข้าไปได้

แน่นอนว่าความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน นางไม่ได้ชื่นชมแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน

“รสนิยมแปลกอะไร ข้าจะแอบบอกเจ้าก็ได้มีครั้งหนึ่ง เสี่ยวหมิงหมิงกำลังอาบนํ้าแล้วข้าผ่านไปพอดี ข้าสาบานได้เลย พอได้ยินเสียงนํ้าในห้องข้าก็เลยเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น…'”

ปัง!

ขณะที่ถงเถิงกำลังทำหน้าทะเล้นบรรยายภาพร้อนแรงให้มู่ชิงเกอฟังนั้น ในหอเซียนสวรรค์ก็เกิดเสียงดังสนั่นตัดบทคำพูดของเขา การบรรเลงของนักดนตรีกับการร่ายรำของนางระบำบนเวทีก็หยุดลง

“อา” เสียงแหลมแสบแก้วพูของสาวๆ ในหอเซียนสวรรค์ทำให้สถานการณ์ชุลมุนมากขึ้น

มู่ชิงเกอเบนสายตาไปที่ลานโล่ง อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ในเวลานี้เอง นางก็เห็นว่าพี่สาว ‘นกยูง’ คนนั้นพับแขนเสื้อขึ้น เผยแขนขาวราวกับหยกออกมาทั้งสองข้าง นางเท้าสะเอวแล้วตะโกนดังลั่นว่า “ถงเถิงเจ้าไปตายอยู่ที่ไหน…ไม่เห็นหรือว่ามีคนมาก่อกวน…”

เสียงนี้ดังสนั่นจนได้ยินกันไปทั้งหอเซียนสวรรค์

มู่ชิงเกอมองถงเถิงอย่างนึกสนุก แต่เจ้านั่นกลับไม่ได้มองนาง เพียงยืนขึ้นมายืดอกเงยหน้ากล่าวว่า “มาแล้ว! มีท่านถงคุมที่นี่อยู่ ใครกล้าก่อเรื่อง”

พูดจบเขาก็ใช้มือยันราวกั้น กระโดดจากชั้นสองลงไป

ขณะที่ลงไปเขาก็ใช้พลังเทพประคองร่างเอาไว้เสื้อพลิ้วปลิวสะบัด เส้นผมปลิวไสวน้อยๆ ดูมีความสง่างามของมนุษย์เทพอยู่หลายส่วน

มู่ชิงเกอเอนพิงราวกั้นดูละครด้วยความสนุกสนาน

‘ที่แท้ที่ถงเถิงสามารถอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะเขายอมเป็นนักเลงคุมที่นี่นี่เอง’ มู่ชิงเกอรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

อย่างน้อย หลังจากที่นางได้เข้าสู่แผ่นดินเทพแล้ว พี่สาว ‘นกยูง’ กับถงเถิงก็ทำให้นางรู้สึกถึงการเป็นคนมีเลือดมีเนื้อ ไม่ใช่เทพตามความคิดของนาง

จริงอยู่ว่าพวกเขาทั้งสองยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเทพ แต่สำหรับคนเบื้องล่างแล้ว พวกเขาก็คือเทพแล้ว

“สารเลวจากไหนกล้ามาก่อกวนหอเซียนสวรรค์!” พอถงเถิงถึงพื้นก็ตะโกนอย่างห้าวหาญ

“ข้าเอง!” เสียงหนึ่งแทรกเข้ามา

คนคนนี้ห้าวหาญไม่น้อยเลย พอเอ่ยขึ้นก็สามารถสะกดคนทั้งหมดเอาไว้ได้ ทำให้หอเซียนสวรรค์เงียบลงยิ่งกว่าเดิม

พี่สาว ‘นกยูง’ กับถงเถิงมองไปพร้อมกันก็เห็นชายร่างสูงใหญ่ล่ำสันเดินย่างสามขุมเข้ามา ในมือของเขาหิ้วหญิงสาวหอเซียนสวรรค์ที่ศีรษะแตก สภาพร่อแร่มาด้วย

เมื่อเห็นภาพดังนี้พี่สาว ‘นกยูง’ ก็ร้องเสียงหลงอย่างตกใจว่า “เสี่ยวฉยง!”

นางจะพุ่งตัวเข้าไป แต่ถูกถงเถิงดึงเอาไว้ พลางพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “อย่าเข้าไป คนคนนี้ อันตรายมาก ข้าสู้เขาไม่ได้”

เขาอธิบายให้หญิงข้างกายฟังถึงข้อจำกัดของตัวเอง

คำพูดของเขาทำให้พี่สาว ‘นกยูง’ ชะงักไป พร้อมตกใจจนอ้าปากค้าง ในใจนาง ถงเถิงอยู่ในขั้นจิตวิญญาณขั้นสาม อยู่ที่เทียนหยาจวีนับว่าหาใครเทียบเทียมได้ยากแล้ว ทำไมคืนนี้จึงได้เจอคู่ปรับแข็งแกร่งเข้าได้เล่า

บนที่นั่งพิเศษชั้นสอง มู่ชิงเกอนั่งพิงราวกั้น ขณะที่เห็นชายร่างยักษ์หิ้วหญิงสาวหอเซียนสวรรค์ที่สลบไสลเข้ามานั้น นางก็ขมวดคิ้วน้อยๆ ความเย็นเยียบปรากฎในสายตา

นางเป็นผู้หญิงย่อมไม่ชอบให้ผู้หญิงถูกรังแก โดยเฉพาะเหล่าหญิงสาวในหอเซียนสวรรค์เหล่านี้ ถึงแม้จะโชคร้ายต้องมาเป็นนางโลม แต่ตนก็รู้สึกดีกับพวกนางไม่น้อย ตนไม่ได้นึกดูถูกพวกนางจึงย่อมไม่มีความรู้สึกอคติ

“หากเจ้ายังสู้ไม่ได้แล้วเสี่ยวฉยงจะทำอย่างไรเล่า” พี่สาว ‘นกยูง’ กระซิบบอกถงเถิง “ข้าไม่สน หากเจ้าไม่สามารถจัดการเรื่องในคืนนี้ได้ไม่ช่วยเสี่ยวฉยงออกมา เจ้าก็นำเงินค่าอยู่กินปีกว่านี้มาคืนข้าทั้งหมด”

“ผู้หญิงเห็นแก่เงิน!” ถงเถิงกัดฟันพูด ถึงแม้จะเถียงกันอยู่แต่นัยน์ตาเขาก็กลอกไปมาเพื่อคิดหาวิธีแก้ไข

ชายร่างยักษ์เห็นรอบด้านเงียบกันไปหมดก็พูดอย่างดูแคลนว่า “ข้ามาแล้ว พวกเจ้าจะทำไม ให้ผู้ดูแลออกมาคุยเดี๋ยวนี้”

“แขกท่านนี้ การมาที่นี่ก็เพื่อหาความสุข หากต้อนรับไม่ถูกใจก็เปลี่ยนแม่นางคนใหม่เป็นอย่างไร ทำไมต้องรังแกคนหอเซียนสวรรค์ของข้าด้วย” พี่สาว ‘นกยูง’ ไม่ยอมเสียหน้ารวบรวมความกล้าก้าวออกมา แต่หลังจากได้ยินถงเถิงบอกว่าสู้ไม่ได้แล้วนางก็ใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงในการพูดคุย

“ฮึ ก็แค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น อย่าว่าแต่นางเลย ต่อให้ข้าสังหารผู้หญิงหอเซียนสวรรค์ของพวกเจ้าทั้งหมดแล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้ คืนนี้ข้าจะให้ผู้หญิงหอเซียนสวรรค์ทั้งหมดมาปรนนิบัติข้า” พูดจบก็หัวเราะลั่นด้วยความเหิมเกริม

ท่าทางเช่นนี้ทำให้หญิงสาวในหอเซียนสวรรค์ทั้งหมดโกรธแค้น

ส่วนถงเถิงในขณะนี้ก็หันไปหามู่ชิงเกอ พลางตะโกนว่า “น้องชาย มีสหายมาจากแดนไกล จัดการเลยดีไหม”

แผนการของเขานี้ไม่เลวเลย ลากมู่ชิงเกอลงนํ้าด้วย สองต่อหนึ่งก็สามารถเพิ่มโอกาสชนะได้มากขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!