Skip to content

พลิกปฐพี 571

ตอนที่ 571

พวกเรามาร่วมสาบานเถอะ

“น้องชาย มีสหายมาจากแดนไกล จัดการเลยดีไหม” คำพูดถงเถิงนี้ค่อนข้างชัดเจนมากทีเดียว

เขายักคิ้วหลิ่วตาให้มู่ชิงเกอราวกับกำลังขอร้องให้เขาช่วยเหลือ

มู่ชิงเกอรู้สึกขำมองดูชายร่างยักษ์ที่รังสีอำมหิตอำมหิตพวยพุ่งคนนั้น เป็นมนุษย์เทพขั้นจิต วิญญาณชั้นสี่ ระดับขั้นจิตวิญญาณชั้นสี่ที่ปรากฎตัวในเทียนหยาจวีนั้นนับว่าหาได้ยากมาก

ดูแล้วคนคนนี้เองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ในเมื่ออยากตีกัน งั้นก็ตีแล้วกัน

มู่ชิงเกอถอนสายตากลับ เลียนแบบท่าทางของถงเถิง มือยันราวกั้นโดดลงมาจากที่นั่งพิเศษชั้นสอง เพียงแต่ท่าทางนั้นดูงามสง่ากว่าถงเถิงมากนัก ชั่วขณะก็ดึงดูดสายตารักใคร่จากเหล่าหญิงสาวในหอเซียนสวรรค์ได้มากมาย

มู่ชิงเกอเอาสองมือไพล่หลังลอยแผ่วพลิ้วลงมา มุมปากมีรอยยิ้มที่ดูไม่ชัดเจนนัก สาวเท้าไปยังพวกถงเถิง

ชายร่างยักษ์ที่แผ่รังสีอำมหิตผู้นั้นราวกับจะดูออกว่ามู่ชิงเกอไม่ใช่ผู้ที่จะต่อกรด้วยได้ง่ายๆ แววตาที่เหิมเกริมหยิ่งผยองเกิดความระแวดระวังขึ้นมา เขาจ้องมองมู่ชิงเกอเอ่ยข่มขู่ว่า “ทำไม ข้าเป็นลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ เจ้าอยากแส่หาเรื่องหรือ”

“ให้ตายเถอะ เป็นคนแดนจั๋วอวี่เองรึ สมกับคำที่ว่าศัตรูย่อมพบเจอกันจริงๆ” ถงเถิงได้ยินชายร่างยักษ์แจ้งที่มาก็เกิดอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นทันที

“น้องชาย ข้าบอกแล้ว คนของแดนจั๋วอวี่ล้วนไม่ใช่คนดี เจ้าอย่าไปกลัวนะ” ถงเถิงเอียงศีรษะพูดกับมู่ชิงเกอ

สายตาของเขาดูเป็นกังวลอย่างชัดเจน

เกรงว่ามู่ชิงเกอได้ยินชื่อแดนจั๋วอวี่แล้วจะตกใจจนไม่กล้าร่วมต่อสู้ด้วย

ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกอีกฝ่ายแต่อย่างใดแต่เพราะหลังจากที่ชายคนนี้แจ้งที่มาแล้ว เหล่าชายฉกรรจ์ที่เดิมถูกหญิงสาวหอเซียนสวรรค์ในอ้อมอกออดอ้อนจนคิดอยากออกหน้าด้วยนั้นต่างก็พากันหดหัวกลับไปจนหมด พยายามทำตัวเองให้เล็กลง

แผ่นดินเทพฝั่งตะวันออก สี่แดนเทพใหญ่ไม่ใช่คู่มือที่พวกเขาจะหาเรื่องด้วยได้

มู่ชิงเกอมองถงเถิงแวบหนึ่งจากนั้นสายตาก็หยุดลงที่ชายจากแดนจั๋วอวี่ ยิ้มพลางพูดว่า “แดนจั๋วอวี่หรือ ยังไม่ต้องบอกว่าตัวจริงหรือตัวปลอม หากเจ้าเป็นคนแดนจั๋วอวี่จริงๆ ระดับบำเพ็ญของเจ้ามีเพียงแค่นี้ ก็คงไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญอะไร อีกทั้งสี่แดนเทพใหญ่ถือเป็นเสาหลักของแผ่นดินเทพตะวันออก เป็นตัวอย่างของพวกเรามนุษย์เทพ ทำไมจึงมีอันธพาลต้มตุ๋นเช่นนี้ ช่างน่าขายหน้าแดนจั๋วอวี่ยี่งนัก”

“ดี! พูดได้ดี ถุ้ย! ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก” ถงเถิงคอยช่วยเสริมอยู่ข้างๆ

“เจ้า! ฮึ! แล้วเจ้าเป็นคนของแดนเทพไหนแจ้งชื่อมา” ชายจากแดนจั๋วอวี่พูดกับมู่ชิงเกอ

เขาเชื่อมั่นว่าพลังของมู่ชิงเกอเหนือกว่าเขา จะต้องไม่ใช่คนใหม่ที่เพิ่งบินขึ้นมาแน่จะต้องมาจากแดนเทพไหนแน่นอนจึงได้ถามเช่นนี้

มู่ชิงเกอกะพริบตารู้สึกว่าชายเบื้องหน้าไม่ได้โง่นัก เขามีพลังเพียงขั้นจิตวิญญาณขั้นสี่ การที่ กล้าก่อเรื่องในเทียนหยาจวีเป็นเพราะเขารู้ว่าที่นี่ไม่มียอดฝีมือ แต่พอมู่ชิงเกอปรากฎตัว เขาจึงเริ่มระวังตัว อยากรู้เบื้องหลังของนางเพื่อจะได้หลบหลีกการปะทะกับขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ

ชายจากแดนจั๋วอวี่ไม่รู้ที่มาของมู่ชิงเกอ แต่ถงเถิงรู้

เขาเกรงว่ามู่ชิงเกอจะพาซื่อบอกที่มาของตัวเองทำให้เสียเปรียบจึงรีบตะโกนว่า” ไม่ต้องพูดมาก ออกมาเที่ยวหญิง ก็ต้องรู้กฎเกณฑ์เที่ยวหญิง ทั้งซ้อมผู้หญิง ทั้งวาจาสามหาว ตอนนี้อยากจะแข่งเรื่องภูมิหลังอีกหรือ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าเป็นแดนเทพไหน พี่น้องข้าเหนือกว่าเจ้าแน่นอน”

พูดจบ เขาไม่รอคำตอบชายจากแดนจั๋วอวี่ก็บอกมู่ชิงเกอว่า “น้องชาย ไม่ต้องสนใจว่าแดนจั๋วอวี่หรือไม่แดนจั๋วอวี่ ตีก่อนค่อยว่ากัน”

พูดจบ เขาก็คิดจะพุ่งเข้าไป ส่วนมู่ชิงเกอก็อมยิ้มมุมปากผงกศีรษะยินดีร่วมด้วย

แต่ในเวลานั้นเอง

“ช้าก่อน” ชายจากแดนจั๋วอวี่ยกมือขึ้นกะทันหันหยุดการกระทำของถงเถิง ใบหน้าดุดันกระตุกอย่างแรง คว้าหยกเทพระดับต่ำออกจากอกเสื้อหนึ่งชิ้นโยนให้พี่สาว ‘นกยูง’ ที่มองดูจนตกตะลึงอยู่ข้างๆ

หลังจากนั้นก็จ้องถงเถิงอย่างแค้นใจพลางคลายมือที่หิ้วตัวเสี่ยวฉยงออก ทั้งประสานสองมือมองไปทางมู่ชิงเกอ “คืนนี้ ถือว่าเห็นแก่หน้าท่าน ข้าขอตัวไปก่อน วันหลังพบกันที่แผ่นดินเทพ”

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากหอเซียนสวรรค์

เขาเดินไปอย่างรีบร้อน กระทั่งเกิดลมวูบขึ้นที่ใต้เท้า ถงเถิงยื่นคอมองดูเขาจากไป ปากก็ยังพูดว่า “น้องชาย เจ้านี่นี่หนีไวจริงๆ แฮะ”

เมื่อชายคนที่ออกจากประตูไปได้ยินคำพูดของเขาก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของทุกคน

“ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนรู้จักประเมินสถานการณ์” มู่ชิงเกอผงกศีรษะช้าๆ พูดคล้ายยิ้มคล้าย ไม่ยิ้ม

ถงเถิงหันหน้ามาพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฟังจากนํ้าเสียงเจ้าเหมือนชื่นชมหรือ”

เขาเกลียดชังคนแดนจั๋วอวี่มาก โดยเฉพาะเมื่อครู่นี้เจ้านั่นยังซ้อมผู้หญิงด้วย

มู่ชิงเกอแก้ว่า “ช้าชื่นชมการรู้จักประเมินสถานการณ์ของเขา แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำ อย่างอื่นของเขา”

ว่าแล้ว นางชี้ไปยังเสี่ยวฉยงที่นอนสลบอยู่บนพื้น การเตือนของนางทำให้พี่สาว ‘นกยูง’ นึกขึ้นได้รีบสั่งให้หญิงสาวคนอื่นแบกเสี่ยวฉยงกลับห้อง มู่ชิงเกอก็เดินตามอยู่ข้างหลัง ตามที่ถงเถิงชวน “พวกผู้หญิงบาดเจ็บ ผู้ชายอย่างเจ้าจะตามไปทำไม”

มู่ชิงเกอยืนอยู่นอกประตู อดไม่ได้ที่จะถามดู

ถงเถิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเราคนบำเพ็ญจะมากเรื่องขนาดนั้นได้อย่างไร อยู่ที่นี่จะได้คอยช่วยเหลือ”

“เจ้าดูกระตือรือร้นดีนะ” มู่ชิงเกอยิ้มพูด เวลานี้พี่สาว ‘นกยูง’ ก็วิ่งออกมา เรื่องวุ่นวายในคืนนี้

ทำให้หน้าตานางที่แต่งแต้มไว้เลอะเทอะหมดโดยไม่รู้ตัว นางมองถงเถิงอย่างร้อนรนพลางถามว่า “เจ้ามียาช่วยชีวิตอะไรรีบเอาออกมาเลย”

ถงเถิงชะงัก ผายมือสั่นศีรษะ “ข้าไม่มียา ยาเม็ดที่แดนจั๋วอวี่ให้ไว้สำหรับผู้บำเพ็ญที่บาดเจ็บภายในใช้ มนุษย์ธรรมดาอย่างนางกินแล้วร่างกายจะระเบิดจนถึงแก่ความตายได้”

“แล้วทำอย่างไรดี เวลานี้ไม่มีหมอที่ไหนยอมมาหรอก” นางพูดอย่างร้อนรนพร้อมทั้งโวยใส่ ถงเถิง “เจ้ายังเป็นมนุษย์เทพอีกหรือ แค่ยาสักเม็ดก็ยังไม่มี”

“ข้าไม่ใช่อาจารย์ปรุงยา ไม่มียาก็เป็นเรื่องธรรมดานี่” ถงเถิงครวญ

มู่ชิงเกอได้ยินทั้งคู่คุยกันก็หยิบขวดหยกออกมา โยนให้พี่สาว ‘นกยูง’ “ให้กินยาในนี้ พรุ่งนี้ก็หาย”

‘นกยูง’ รับยาไปแล้วก็มองมู่ชิงเกออย่างประหลาดใจ พลางทำตาปริบๆ ไม่ทันถามอะไรมาก นางก็ผงกศีรษะ มองมู่ชิงเกอด้วยความซาบซึ้ง แล้วหันกลับเข้าห้องไป

“ไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว” มู่ชิงเกอมองไปทางถงเถิง

ถงเถิงชะงักแล้วถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นอาจารย์ปรุงยาหรือ”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว “ทำไมถามเช่นนี้เล่า”

ถงเถิงให้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด “ไม่เช่นนั้นทำไมเจ้าจึงมียาเหลือเฟือเช่นนี้เล่า”

มู่ชิงเกออยากหัวเราะ จะต้องเป็นอาจารย์ปรุงยาในตัวจึงมียาเหลือเฟือหรือ นางสงสัยจริงๆ ว่า โลกเบื้องล่างของถงเถิงนั้นขาดแคลนยาถึงขนาดนั้นเชียวหรือ

แต่ว่า นางก็ไม่ได้คิดจะปิดบังฐานะอาจารย์ปรุงยาของตัวเอง ดังนั้นนางจึงผงกศีรษะ หันกายกลับเข้าห้องตัวเอง

เรื่องวุ่นของวันนี้ ทำให้นางไม่มีเวลาไปสืบข่าวแผ่นดินเทพตะวันออกให้มากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย ทั้งยังได้รู้จักคนที่น่าสนใจมากอีกด้วย

ยังมีเวลาอีกสองวันกว่า ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ สืบไป

สองวันที่เหลือ มู่ชิงเกอไม่ได้เจอพี่สาว ‘นกยูง’ อีก แต่กลับได้พบถงเถิงหลายหน ทั้งยังได้ยินจากแขกในหอเซียนสวรรค์ถึงข่าวคราวของแผ่นดินเทพตะวันออกด้วย

เจ้าถงเถิงนั้น ตั้งแต่รู้ว่านางเป็นอาจารย์ปรุงยาและเมื่อเห็นเสี่ยวฉยงปรากฎตัวต่อหน้าผู้คนอย่างมีชีวิตชีวาในวันรุ่งขึ้นก็ยิ่งเอาอกเอาใจนางมากเป็นพิเศษ

“น้องมู่ ในเมื่อพวกเราต่างก็ถูกชะตากัน อีกทั้งต่างบินขึ้นมาจากข้างล่าง เพื่อที่จะได้ลูแลกันภายหลังได้สะดวก ไม่สู้พวกเราสาบานเป็นพี่น้องกันดีไหม” ถงเถิงยิ้มร่า ตามอยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอ พยายามเอาใจเขาสุดชีวิต

แต่มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจ แววตากระจ่างใสมองผ่านใบหน้าที่ ‘จริงจัง’ นั้น พลางพูดเรียบๆ ว่า “ข้าไม่ได้ขาดพี่น้อง”

“ไม่ขาดพี่น้องงั้นไม่เป็นไร ขาดลูกน้องไหม ไม่ต้องคิดคำตอบนั้นแน่นอน เช่นนั้นก็รับข้าเป็นลูกน้องเถอะ ข้าจะคอยปรนนิบัติลูกพี่เป็นอย่างดีเลย” ถงเถิงยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดเพื่อกอดขามู่ชิงเกอไว้ให้มั่น

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก กลุ่ม ‘ลูกน้อง’ ในช่องว่างของนางนั้น นางไม่ขาดแคลนจริงๆ

“ลูกพี่ ขอร้องละ อย่าได้ปฏิเสธเลย ท่านตรวจสอบข้าได้ ความจงรักภักดี ความสามารถ ปฏิภาณไหวพริบ พรสวรรค์หากไม่อยู่ในสายตาท่าน ท่านค่อยเตะข้าออกไป” ถงเถิงมองมู่ชิงเกออย่างน่าสงสาร

มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างนึกสนุก ถามว่า “ทำไมเจ้าจะต้องตื๊อข้าให้ได้ด้วยเล่า”

“เพราะว่าลูกพี่เป็นอาจารย์ปรุงยาอย่างไรเล่า” เกี่ยวกับจุดนี้ถงเถิงก็ไม่ได้ปิดบัง

ความตรงไปตรงมาของเขากลับทำให้มู่ชิงเกอชื่นชม นางพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงแม้ถงเถิงจะคิดเล็กคิดน้อยไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีจุดดี เช่น เกลียดชังหรือชมชอบเขาล้วนแบ่งแยกชัดเจน พรสวรรค์ไม่เลว นํ้าใจกว้างขวาง รู้กาลเทศะ ไม่โอหังสร้างความเดือดร้อน

ที่สำคัญที่สุดคือ นางเพิ่งมาถึงแผ่นดินเทพ ขณะที่นางยังไปไม่ถึงขั้นถํ้าวิญญาณ ไม่สามารถ ประทับตราทาสให้เหล่าลูกน้องที่ยังอยู่ในช่องว่างได้ นางมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องมีคนจัดการบางเรื่องให้ อีกทั้ง ถึงแม้ประทับตราทาสจนพวกเขาสามารถฝึกฝนบำเพ็ญได้แล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาเพิ่มขีดความสามารถ ไม่เช่นนั้นหากปล่อยออกมาแล้วก็มีแต่ทางตายเท่านั้น

เมื่อพิจารณาแล้ว มู่ชิงเกอจึงผงกศีรษะภาย ใต้สายตาที่เฝ้ารอของถงเถิง “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ายืนยันเช่นนี้ ข้าก็ขอรับลูกน้องคนนี้ไว้แล้วกัน”

“จริงนะ ขอบคุณลูกพี่” ถงเถิงพูดอย่างตื่นเต้น

เวลานี้ กำหนดสามวันมาถึงแล้ว มู่ชิงเกอกำลังคิดจะปรึกษาถงเถิงเรื่องที่จะทำต่อไปก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

นางจึงเก็บเรื่องที่จะพูดไว้ก่อนพลางมองที่ประตู “เชิญ”

ประตูถูกผลักออก เงาร่างงดงามร่างหนึ่งเดินเข้ามา ผู้มาสวมกระโปรงสีอ่อนไม่มีลวดลายอะไรมากนัก เพียงมีดอกไม้เล็กๆ สีฟ้าอ่อนประดับอยู่ที่ชายกระโปรง ผมยาวม้วนเป็นมวย ใช้ปิ่นหยกแข็งแรงยึดไว้หน้าตาดูสะอาดสดใสราวกับดอกบัวหลังฝน ไม่ได้งดงามหยาดเยิ้ม แต่งามตรึงใจ

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว หญิงสาวคนนี้สามวันนี้นางยังไม่เคยพบมาก่อน

“เสี่ยวหมิงหมิง เจ้ามาแล้วหรือ” ถงเถิงเอ่ยขึ้น

เสี่ยวหมิงหมิงหรือ

สายตามู่ชิงเกอตกตะลึงไป

หญิงสาวนั้นถลึงตามองถงเถิงแล้วหันไปมองมู่ชิงเกอ แววตาวูบไหวนั้นมู่ชิงเกอรู้สึกคุ้นเคยอยู่มาก หญิงสาวเอ่ยว่า “น้องชาย จำพี่สาวซูหมิงของเจ้าไม่ได้แล้วหรือ สามวันแล้ว ข้าจะมาทำตามสัญญา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!