Skip to content

พลิกปฐพี 572

ตอนที่ 572

ล้วนเป็นหญิงสาว

หญิงสาวงามสง่าที่เดินเข้ามานี้ก็คือคนที่แต่งตัวจนเป็น ‘นกยูง’ แม่เล้าแก่หอเซียนสวรรค์ที่จะให้ตนเรียกนางว่า ‘พี่สาว’ ให้ได้คนนั้น

มู่ชิงเกอตกตะลึง ยากนักที่จะนำภาพของทั้งคู่มาเชื่อมโยงกันได้

หากไม่ใช่เพราะถงเถิง อีกทั้งเสียงของนางละก็…

มู่ชิงเกอฝืนยิ้มสั่นศีรษะ บอกนางว่า “เป็นสาวงามดีๆ อยู่แล้ว เหตุใดต้องแต่งจนตัวเองเป็นเช่นนั้นด้วย”

เมื่อก่อนนางยังนึกว่าถงเถิงมีรสนิยมแปลกประหลาดเสียอีก

ภายหลังจึงพบว่าระหว่างถงเถิงกับซูหมิงไม่ได้เป็นเช่นนั้น อีกทั้งซูหมิงก็ไม่ได้ขี้ริ้วแต่อย่างใด

ซูหมิงถอนหายใจ ไม่ได้ทำท่ากระบิดกระบวนใดๆ นางเดินเข้ามานั่งในห้องและพูดกับมู่ชิงเกอว่า “น้องชาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพี่สาวจึงต้องทำเช่นนี้ ภายในแผ่นดินเทพ การใช้ชีวิตของมนุษย์ธรรมดานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คืนนั้นเจ้าเองก็เห็นแล้ว หากมนุษย์เทพเข้ามาก่อเรื่องต่อให้ฆ่าพวกเราตายทั้งหมดก็ไม่มีใครว่าอะไรได้นี่เป็นข้อแตกต่างของมนุษย์เทพกับมนุษย์ธรรมดา หอเซียนสวรรค์ของข้านั้นมีขึ้นก็เพื่อดูแลหญิงสาวที่น่าสงสารเหล่านั้น พวกนางต่างสมัครใจ ข้าไม่เคยบังคับ ส่วนตัวข้านั้นที่แต่งตัวเช่นนั้นก็เพื่อหลบหลีกเรื่องยุ่งยาก เฮ้อ พูดไปแล้วเรื่องยาวนัก”

ทุกคนต่างมีความจำเป็นของแต่ละคน

ชีวิตของซูหมิง มู่ชิงเกอไม่อยากไปก้าวก่ายมากเกินไป

“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปหอสุดหล้าฟ้าเขียว” ซูหมิงยืนขึ้นมาบอกมู่ชิงเกอ

“ข้าก็จะไปด้วย” ถงเถิงรีบบอก

“เจ้าจะไปยุ่งอะไรด้วย” ซูหมิงจ้องหน้าเขา

ถงเถิงหัวเราะแหะๆ “เสี่ยวหมิงหมิง เจ้าไม่รู้ล่ะสิ ลูกพี่เพิ่งยอมรับข้า ลูกพี่ไปไหน ข้าย่อมต้องไปที่นั่น”

“เจ้าจะไปด้วยหรือ” ซูหมิงถามอย่างประหลาดใจ

ถงเถิงผงกศีรษะอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่นิด

แววตาซูหมิงเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมาทันที นางกัดริมฝีปาก หลุบตาลงด้วยแววตามืดหม่น “เอาเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ได้เป็นคนของที่นี่ ไม่ว่าช้าเร็วก็ต้องจากไปอยู่ดี”

“นี่ เสี่ยวหมิงหมิง เจ้าอาวรณ์ข้าใช่หรือไม่” ถงเถิงเข้าไปใกล้พลางเอ่ย

ซูหมิงเงยหน้าขึ้นทันใด สองมือผลักเขาออก เอ่ยอย่างดูถูกว่า “ไปไปไป จะไสหัวไปไกลเท่าไหนก็ไปเลย ข้ารำคาญเต็มทนแล้ว เสียดงเสียดายอะไร เก็บเจ้าไว้ที่นี่ก็เสียข้าวสุกเปล่าๆ”

“อย่าพูดให้น่าเกลียดนักเลย ช่วงหนึ่งปีกว่ามานี้ข้าก็ไม่ได้อยู่เปล่ากินเปล่าเลยนะ” ถงเถิงเถียงเสียงดัง

แต่เห็นได้ชัดว่าซูหมิงไม่อยากพูดกับเขาอีก นางหันไปทางมู่ชิงเกอ หันหลังให้ถงเถิง “เจ้ายังจะไปหอสุดหล้าฟ้าเขียวหรือไม่”

“ไปแน่นอน” มู่ชิงเกอผงกศีรษะ

“ตามข้ามา” ซูหมิงพูดจบก็หันเดินไปนำทาง

มู่ชิงเกอรีบตามขึ้นไป ถงเถิงก็ตามไปด้วย

พวกเขาสองคนออกจากประตูไปก็เห็นซูหมิง รับสุราสองไหจากหญิงสาวหอเซียนสวรรค์มาถือไว้ในมือ นางหันไปมองสองคนที่ตามมาด้านหลังแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “สุราที่เหลือพวกเจ้าถือนะ”

มู่ชิงเกอผงกศีรษะกำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ มือหนึ่งกลับเร็วกว่านางแย่งรับเอาสุราสี่ไหที่เหลือไว้

ถงเถิงยิ้มบอกมู่ชิงเกอว่า “เรื่องเล็กแค่นี้ ทำไมต้องรบกวนลูกพี่ด้วย”

ซูหมิงยิ้มเยาะอยู่ข้างหน้า “สุรานี้ก็คือป้ายผ่านทาง ใครมีสุราในมือ คนนั้นก็เข้าไปในหอสุดหล้าฟ้าเขียวได้”

พร้อมทั้งมองหน้าถงเถิงอย่างจิกกัด

มู่ชิงเกอรับสุราสองไหมาอย่างนึกขำ เดินตามอยู่ข้างหลังซูหมิงพลางบอกถงเถิงที่ยังยืนเฉยว่า “ยังงงอะไรอยู่อีก”

ถงเถิงรู้สึกตัวจึงรีบตามไป

ซูหมิงนำสองคนนี้เข้าทางประตูหลังหอสุดหล้าฟ้าเขียว ประตูนั้นราวกับตั้งใจเปิดไว้ให้ซูหมิงเข้าไป

“ตาแก่ขี้เมาไม่ชอบกลิ่นเครื่องประทินโฉม ดังนั้นทุกครั้งที่มาส่งสุราให้เขาจะต้องล้างเครื่องประทินโฉมออกให้หมด” ซูหมิงอธิบายให้มู่ชิงเกอฟัง

มู่ชิงเกอผงกศีรษะแสดงว่าเข้าใจ

พอเข้าไปในหอสุดหล้าฟ้าเขียว นางก็ได้กลิ่นที่ไม่ใช่กลิ่นที่ดีอะไรนัก

เป็นกลิ่นที่ประกอบทั้งกลิ่นเหงื่อ กลิ่นเน่าเหม็น กลิ่นสุราที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานาน

นางยังดีแต่ถงเถิงที่เดินตามหลังนางอดไม่ได้ที่จะใช้แขนเสื้อปิดจมูกตัวเอง ทั้งบ่นว่า “เหม็นจริงๆ”

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะช้าๆ สำหรับนางแล้ว เหม็นไม่เหม็นไม่สำคัญ สำคัญที่รีบลงทะเบียนให้นาง นางจะได้ออกจากที่นี่ได้

หอสุดหล้าฟ้าเขียวนั้นเป็นหอหอหนึ่งจริงๆ

แต่พอมู่ชิงเกอก้าวเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นสารพัดเหลือทนภายในนั้น

ภายในหอแสงสลัวมืด ซูหมิงดูคุ้นเคยมาก นางเดินไปยังริมหน้าต่าง ผลักหน้าต่างที่ปิดสนิทให้เปิดออก ให้แสงและอากาศถ่ายเทเข้ามาทำให้กลิ่นเหลือทนภายในเจือจางลง

“ตาแก่ขี้เมา เจ้าตื่นแล้วหรือยัง” ซูหมิงกลับเข้าไปในห้องเดินไปยังกองไหสุราที่ระเกะระกะ นั่งยองๆลงข้างๆ เงาดำร่างหนึ่ง

มู่ชิงเกอกับถงเถิงต่างยืนอยู่กับที่ ไม่ได้เข้าไปใกล้

“ครั้งนี้เมาหลายวันขนาดนี้เชียว” รออยู่สักพัก มู่ชิงเกอก็ได้ยินเสียงบ่นของซูหมิง

สักครู่หนึ่งพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าซูหมิง เดินกลับมาผายมือกล่าวอย่างจนใจว่า “นึกว่าเขาจะ ตื่น แต่ลองแล้ว ยังเมาหนักมากทีเดียว ดูแล้วเรื่องพวกเจ้าคงยังจัดการไม่ได้ชั่วคราว”

“แล้วต้องทำอย่างไร” ถงเถิงถาม

ความร้อนรนของเขาทำให้ซูหมิงไม่พอใจมาก นางพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จะทำอย่างไร ก็ได้แค่รอต่อไป”

รอ?

‘ข้าไม่มีเวลามากเช่นนั้น’ มู่ชิงเกอคิดในใจ

แววตาของนางมีแสงลึกลับสายหนึ่งวาบผ่าน พลังเทพรวมตัวที่ปลายนิ้วจนกลายเป็นเข็ม พอ นางดีดนิ้วมันก็พุ่งตรงไปจุดหนึ่งบนร่างของเงาดำนั้น

ทันใดนั้น เบื้องหลังซูหมิงก็มีเสียงคนบิดขี้เกียจดังแว่วมา

“อ้าว ตื่นแล้ว” ซูหมิงได้ยินเสียงจากข้างหลังก็รีบหันหลังวิ่งไป

“ตาแก่ขี้เมา เจ้าตื่นแล้วหรือ วันนี้ข้าพาคนมาอีกสองคนให้เจ้าลงทะเบียน” ซูหมิงบอกเงาดำนั้น

“นำสุราที่ข้าต้องการมาหรือไม่” เงาดำนั้นเอ่ยเสียงแหบแห้ง ราวกับว่าเป็นผลจากฤทธิ์สุรา

“นำมาแล้ว เจ้าช่วยลงทะเบียนให้พวกเขาก่อนเถอะ” ซูหมิงพูดอีก

เงาดำจึงมองไปทางมู่ชิงเกอกับถงเถิงสองคน สองคนยืนอยู่ตรงที่ที่มีแสงสว่าง ทำให้มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนเงาดำนั้นยังคงอยู่ในความมืด ทำให้เห็นเพียงเงาร่างที่พร่าเลือน

“ป้ายผ่านทาง ป้ายคำสั่ง” เงามืดมองสองคนครู่หนึ่งแล้วจึงเปิดปากพูด

มู่ชิงเกอกับถงเถิงต่างหยิบป้ายผ่านทางที่ได้รับมาขณะที่เพิ่งเข้ามาที่เทียนหยาจวีออกมา นอกจากนี้ มู่ชิงเกอยังหยิบป้ายแดนฮ่วนเยวี่ยออกมาด้วย ส่วนของถงเถิงนั้นได้สลายไปเองตั้งแต่ครั้งที่เลยกำหนดเวลาไปแล้ว

พวกเขาเพิ่งถือไว้ในมือก็มีพลังเก็บทั้งป้ายผ่านทางกับป้ายคำสั่งไปทั้งหมด

พลังนั้นทำให้ดวงตาของมู่ชิงเกอหดลงทันที นางตะลึงไป พลังนั้นแข็งแกร่งกว่านางมากมายนัก อย่างน้อยต้องเป็นระดับมนุษย์เทพในขั้นถํ้าวิญญาณ มู่ชิงเกอยังรู้สึกเช่นนี้ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงถงเถิงเลยเพราะเขาแสดงอาการตกใจมากกว่าเสียอีก

“แดนฮ่วนเยวี่ยหนึ่งอัน แล้วอีกอันเล่า” เงาดำพูด

ถงเถิงรีบบอกว่า “ผู้อาวุโส ข้าไม่ไปแดนจั๋วอวี่ ข้าสละสิทธิ์การทดสอบของแดนจั๋วอวี่ไปแล้ว ข้ารู้ว่า หากพลาดการทดสอบครึ่งปีแล้ว ข้าสามารถเลือกแดนเทพอื่นได้อย่างอิสระ เพียงแต่ต้องรอเวลาอีกหนึ่งปี ข้าได้รอมาแล้วหนึ่งปี ข้าอยากไปแดนฮ่วนเยวี่ย”

พูดจบ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะยิ้มให้มู่ชิงเกออย่างเอาใจ

‘ที่แท้ยังมีกฎเช่นนี้ด้วย’ มู่ชิงเกอเพิ่งจะเข้าใจ เรื่องทั้งหมดว่าทำไมถงเถิงจึงอยู่ที่เทียนหยาจวีถึงปีครึ่งได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ที่แท้เขากำลังรอเวลานี่เอง

“แล้วแต่เจ้า” เงาดำไม่ได้ใส่ใจ

ถงเถิงได้ยินคำพูดเขาแล้วค่อยโล่งอก

แสงสีทองสองสายบินมายังพวกเขา มู่ชิงเกอกับถงเถิงต่างรับเอาไว้ในมือของมู่ชิงเกอนอกจากป้ายคำสั่งแดนเทพแล้ว ยังมีป้ายผ่านทางใหม่อีกอันอยู่ด้วย

ป้ายผ่านทางนี้ไม่ใช่ป้ายผ่านทางที่ชายหน้าตาพิกลที่ทางเข้าเทียนหยาจวีให้มา แต่เป็นป้ายผ่านทางรูปวงรีที่คล้ายหยกหรือทอง

ราวกับว่า ป้ายก่อนนั้นเป็นเพียงของชั่วคราว ตอนนี้เป็นชนิดถาวรแล้ว

“นี่เป็นป้ายผ่านทางของพวกเจ้า เท่ากับพวกเจ้าเป็นมนุษย์เทพของแผ่นดินเทพตะวันออก อาศัยป้ายนี้ พวกเจ้าจึงสามารถไปมาหาสู่แผ่นดินเทพอื่นได้” เงาดำอธิบาย

มู่ชิงเกอกำป้ายผ่านทางในมือไว้แน่น จากนี้ไปนางเป็นชาวแผ่นดินเทพตะวันออกอย่างถูกต้องแล้ว

“ขอบคุณผู้อาวุโส” มู่ชิงเกอกล่าว

เงาดำพูดอย่างรำคาญว่า “ไปเลยไป เรื่องจบแล้วก็รีบไปอย่ามารบกวนการนอนของข้า”

ซูหมิงนำมู่ชิงเกอกับถงเถิงออกจากหอสุดหล้าฟ้าเขียว ขณะที่กลับหอเซียนสวรรค์ซูหมิงตั้งใจนำมู่ชิงเกอไปดูที่ประตูหน้าหอสุดหล้าฟ้าเขียว

แถวที่อยู่นอกประตูยังคงยาวเหยียดเหมือนสามวันก่อน เพียงแต่คนที่รอเหล่านั้นเริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดเต็มทน

นางทำเช่นนี้ราวกับจะบอกมู่ชิงเกอว่า นางไม่ได้หลอกเขา หยกเทพระดับต่ำอันนั้นคุ้มค่าจริงๆ

ป้ายผ่านทางถึงมือแล้ว มู่ชิงเกอย่อมไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่เทียนหยาจวีต่อ วันรุ่งขึ้น นางก็ออก จากเทียนหยาจวีพร้อมกับถงเถิง เดินทางไปในทิศทางแดนฮ่วนเยวี่ย

สี่แดนเทพของแผ่นดินเทพตะวันออก แบ่งเป็นสี่ทิศ แดนฮ่วนเยวี่ยอยู่ทิศตะวันออก ว่ากันว่าทิศตะวันออกศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในแผ่นดินเทพตะวันออกเพราะเป็นบริเวณที่มีพลังเทพอุดมสมบูรณ์ที่สุด คงมีแค่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยซึ่งเป็นผู้นำของสี่แดนเทพเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ครอบครอง

สถานที่ที่มีผลประโยชน์ย่อมต้องมีการแย่งชิง

อาศัยเพียงจุดนี้ มู่ชิงเกอก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว แผ่นดินเทพตะวันออกคงห่างไกลจากความสามัคคีสันติกับสี่แผ่นดินเทพดังเช่นที่เห็นเปลือกนอก

ระดับการบำเพ็ญของถงเถิงยังไม่สามารถเหาะเหินได้ ยังดีที่เขามีวิชายุทธ์ลึกลับ ถึงแม้จะเดินบนพื้นดินก็ยังไปได้ไวมาก ไม่ทำให้มู่ชิงเกอเดินทางในอากาศช้าลงแต่อย่างใด

สองคนเดินทางราวหนึ่งเดือนในที่สุดก็เข้าใกล้แดนฮ่วนเยวี่ยขึ้นบ้างแล้ว

แต่วันนี้ พวกเขาบุกเข้าไปในแดนที่แผนที่กำหนดให้เดินอ้อมโดยไม่ตั้งใจ หลังจากเข้าไปแล้วมู่ชิงเกอก็งุนงง ถงเถิงเองก็งุนงง

“ลูกพี่… ทำไมที่นี่ล้วนเป็น…” ถงเถิงรู้สึกว่า ตัวเองถูกจับจ้องจากสายตาที่จ้องมองมาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ได้ซ่อนเร้น ไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้หวั่นเกรง ทั้งมีแต่ความรู้สึกที่เร่าร้อนจากรอบด้านจนกระทั่งขนลุกขนพองไปหมด

‘เมืองหญิงสาวหรือ’ มู่ชิงเกอตะลึงคิดในใจ
ความจริงพวกเขาไม่ควรเข้ามา แต่ขณะที่ผ่านทางมีหมอกลงจัด จึงหลงเข้ามาโดยไม่รู้ตัว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!