ตอนที่ 607
ถกวิถีที่เมืองหิมะ
“เจ้าว่าอะไรนะ” ลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่โดนมู่ชิงเกอพูดเช่นนี้ นัยน์ตาก็เหี้ยมโหดขึ้นมาทันที เกิดเพลิงโทสะขึ้นในแววตา
มู่ชิงเกอเลิกคิวสูงขึ้นอีก “ฟังไม่ชัดหรือ ข้าว่า…”
มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชาและเยาะเย้ยพูดช้าๆ ทีละคำว่า “เจ้า-เป็น-ตัว-อะ-ไร”
ให้ตายเถอะ
พวกคนมุงดูต่างยกนิ้วหัวแม่โป้งให้มู่ชิงเกอในใจ
ลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่อยู่ในแผ่นดินเทพตะวันออกยโสโอหังจนชิน ธรรมดาเวลาพบเห็นหาก หลบได้พวกเขาก็มักหลบกันเพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่พอมู่ชิงเกอเข้ามาก็ยั่วจนอีกฝ่ายพูดไม่ออกได้ ความกล้านี้สุดยอดยิ่งนัก
จริงดังว่า คนดินแดนฮ่วนเยวี่ยแม้ไม่เย่อหยิ่ง แต่ก็รังแกไม่ได้
ลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่คนนั้นแววตาเครียดขึงจนดูอึมครึมไปทั้งใบหน้า เขามองไปที่มู่ชิงเกอ ในสายตาเวลานี้ไม่มีสาวงามแล้ว เขานึกอยากสังหารมู่ชิงเกอ สังหารคนที่กล้ามายั่วยุเขา
“ไอ้หน้าอ่อนบอกชื่อเจ้ามา ข้าไม่เคยฆ่าคนไร้ชื่อเสียง” คนจั๋วอวี่ร้อง
พลังเทพในตัวเขาพร้อมที่จะปะทุออกมาทุกขณะ
ความโอหังชนิดไม่หวั่นเกรงอะไรทำให้ซวนเฉียงขมวดคิ้วพูดว่า “ที่นี่เป็นดินแดนจงซานไม่ใช่ดินแดนจั๋วอวี่ของเจ้า เจ้าควรสำรวมสักนิด”
“ชิ ดินแดนจงซานแล้วจะทำไม พวกเราดินแดนจั๋วอวี่ทำเช่นนี้ประจำ แผ่นดินเทพตะวันออกไปถึงไหนไม่เคยหวั่น” คนจั๋วอวี่พูดเช่นนี้
ปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอกวาดไป ตรวจได้ถึงระดับบำเพ็ญของเขา
ขั้นถํ้าวิณณาณชั้นสี่ มีต้นทุนยโสโอหังมิน่าจึงได้กล้านัก’ มิชิงเกอคิดในใจ
รู้ถึงตบะบำเพ็ญของฝ่ายตรงข้ามนางกลับไม่ได้เกรงกลัว ยังคงพูดอย่างสบายอารมณ์ “อืม ข้าก็ไม่เคยฆ่าคนไร้ชื่อเสียงเหมือนกัน ตัวอะไรของดินแดนจั๋วอวี่รีบแจ้งชื่อเจ้ามา”
คนที่มุงดูต่างหัวเราะกับคำพูดของมู่ชิงเกอ
ตัวอะไรของดินแดนจั๋วอวี่หรือ
สงสัยลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่ที่ผาดโผนโลกภายนอกมาหลายปีดีดักจะยังไม่เคยพบใครกล้าเรียกพวกเขาเช่นนี้มาก่อน
“เจ้ารนหาที่ตาย”ใบหน้าอึมครึมของลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่เริ่มบิดเบี้ยว พลังเทพที่รวมตัวในมือ พร้อมจะเคลื่อนออก
เห็นเขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ดวงตาของมู่ชิงเกอก็หรี่ลง
“จี้หลุน เจ้าทำอะไร” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามา ทำลายความคิดสังหารที่ก่อตัวขึ้น
ลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่ตกตะลึง พลังเทพที่ขับเคลื่อนในมือกระจายไปอย่างรวดเร็ว ความโอหังก็ลดลงไปมาก เขาเปลี่ยนท่าทีเป็นเคารพนบนอบมองไปยังคนที่เดินมา
มู่ชิงเกอกับซวนเฉียงก็มองไปเช่นกัน เมื่อเห็นชัดเจนแล้วนางก็เลิกคิ้ว
หลีเฉาก็อยู่ในกลุ่มที่เดินมาด้วย
“ใหญ่น้อย’’ จี้หลุนมองคนที่เดินคู่กับหลีเฉาแล้วเรียกออกมา
ท่าทางนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ถูกเขาเรียกว่าใหญ่น้อยราวกับเป็นคนดินแดนจั๋วอวี่ ฐานะเขาย่อมเป็นหัวหน้าสิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าดินแดนจั๋วอวี่
“เจ้าสามเจ้าเจ็ดเกิดอะไรขึ้นหรือ’’หลีเฉามองมู่ชิงเกอกับซวนเฉียงอย่างแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินมายืนอยู่ด้วยกันกับพวกนาง
ใบหน้าสวยงามเย็นเฉียบราวน้ำแข็งของซวนเฉียง ไม่ได้ตอบคำถามหลีเฉา
มู่ชิงเกอกลับมองคนที่เปลี่ยนเป็นใบหน้าประจบประแจงใหญ่น้อยดินแดนจั๋วอวี่อย่างขำขัน พูดช้าๆ ว่า “ข้าบังเอิญผ่านมา พอดีเห็นชายดินแดนจั๋วอวี่คนนี้กำลังยั่วเย้าเจ็ดน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยของพวกเรากลางถนน”
การอธิบายชนิดหมดเปลือกเช่นนี้ทำให้หลีเฉาหน้าเปลี่ยนสี มองฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
จี้หลุนที่เคยยโสโอหังก็รู้สึกชาที่หนังศีรษะ ราวกับแววตาที่แหลมคมดังปลายมีดกรีดเข้าตัวเอง
หลีเฉามองซวนเฉียงถามเสียงเครียดว่า “เป็นความจริงหรือ”
ใบหน้าเย็นเฉียบของซวนเฉียงผงกศีรษะนิดๆ
ได้รับการยืนยันจากซวนเฉียงแล้ว หลีเฉาจึงมองที่ทั้งสองฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้สนใจจี้หลุน แต่บอกคนที่มาด้วยกันว่า “พี่เยี่ยนเฉวียน เรื่องนี้ดินแดนจั๋วอวี่คงต้องให้คำอธิบายดินแดนฮ่วนเยวี่ยเราด้วย”
เยี่ยนเฉวียนนัยน์ตากระตุก สายตาเย็นเฉียบพูดว่า “พี่หลีเฉา แค่ความเข้าใจผิดระหว่างลูกศิษย์อย่าให้ถึงขั้นเป็นปัญหาระหว่างดินแดนเทพเลย”
หลีเฉายกมุมปากยิ้มเย็นชา “จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดระหว่างลูกศิษย์หรือการกระทบกระทั่งกันระหว่างดินแดนเทพก็ต้องดูการจัดการของพี่เยี่ยนเฉวียนแล้ว”
มู่ชิงเกอยืนข้างหลีเฉาดูเขาจัดการเรื่องนี้อดคิดไม่ได้ว่า ‘อย่างที่คิดเลย ในแผ่นดินนี้หากมีฐานะต่างกันคำพูดนั้นก็จะมีน้ำหนักต่างกันด้วย รับรองได้ว่าคำพูดเดียวกันหากให้นางพูดจะต้องไม่ได้รับผลลัพธ์อะไรแน่นอน
เยี่ยนเฉวียนแววตาเย็นเยียบ หากเป็นวันปกติ โดยนิสัยเขาแล้วย่อมไม่อ่อนข้อง่ายๆ แต่ว่าเวลานี้อยู่ระหว่างงานสี่ดินแดนเทพถกวิถี หากเป็นเรื่องขึ้นมามีแต่จะยุ่งยากขึ้นอีก
คิดอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็สะบัดมือ พลังเทพพุ่งออกมาซัดถูกข้อพับจี้หลุนทำให้เขาคุกเข่าลงทันที
“ยังไม่รีบขอโทษเจ็ดน้อยอีก” เยี่ยนเฉวียนตวาด
ขณะที่จี้หลนคุกเข่าก็รู้สึกอับอายขายหน้านัก แต่ว่าเขาไม่กล้าฝืนคำ ได้เพียงกัดฟันก้มหน้าขอโทษท่ามกลางสายตาธารกำนัล
“เจ็ดน้อย จี้หลุนมีตาหามีแววไม่ ที่กล่าววาจาล่วงเกินไปก่อนนี้ขอเจ็ดน้อยอย่าได้ใส่ใจ”
คำขอโทษนี้ของเขาไม่จริงใจแม้แต่นิด
มู่ชิงเกอฟังแล้วขมวดคิ้วนิดๆ
แต่หลีเฉาก็มองไปที่ซวนเฉียงแล้วส่งสายตาให้นาง ซวนเฉียงแม้ไม่พอใจก็ไม่ได้ทำเขาเสียหน้า เพียงแต่สะบัดแขนเสื้อหันตัวแยกไป
พอนางจากไปเรื่องก็ถือว่าจบแล้ว
เยี่ยนเฉวียนมองยังหลีเฉา ยิ้มเพียงมุมปากว่า “พี่หลีเฉา พอใจหรือไม่”
หลีเฉาก็ยิ้มตอบบอกเขาว่า “สี่ดินแดนเทพถกวิถี ลูกศิษย์สี่ดินแดนเทพพบกัน ขอให้พี่เยี่ยนเฉวียนดูแลลูกศิษย์ในดินแดนให้เข้มงวด ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน”
“ขอบคุณพี่หลีเฉาที่ตักเตือน” เยี่ยนเฉวียนพูดจบแล้ว มองจี้หลุนอย่างเย็นชา ฝ่ายหลังรู้ตัวรีบลุกขึ้นตามเขาจากไป
พอพวกเขาแยกไปละครจบ คนที่มุงดูก็ต่างแยกย้ายกันไปจัดการเรื่องของตัวเองต่อไป
มู่ชิงเกอมองหลีเฉายิ้มพูดว่า “เห็นใหญ่น้อยกับเยี่ยนเฉวียนคนนั้นเดินมาด้วยกันยังนึกว่าเป็นเพื่อนกัน”
หลีเฉายิ้มว่า “ต่างเป็นเผ่าเทพด้วยกันทั้งเป็นลูกศิษย์ของดินแดน เคยพบหลายครั้งได้พูดคุยกันบ้าง แต่หากนับเป็นเพื่อนก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น”
พูดจบเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยบอกมู่ชิงเกอว่า “ครั้งนี้เจ้าออกหน้าแทนเจ้าเจ็ด น่ากลัวพวกเขาคงจะผูกใจเจ็บกับเจ้าด้วย”
แววตามู่ชิงเกอหรี่ลง แต่ไม่ได้พูด
หลีเฉาว่า “เยี่ยนเฉวียนเป็นคนทะนงตัวอย่างที่สุด ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ”
“คนเราถ้าสมบูรณ์แบบมากเกินไปก็จะดูเสแสร้ง” มู่ชิงเกอยิ้ม
หลีเฉาไม่รับหรือปฏิเสธเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ครั้งนี้เขานำกลุ่มดินแดนจั๋วอวี่ วันนี้ติดเรื่องหน้าตา ทั้งติดเรื่องที่เป็นช่วงสี่ดินแดนเทพถกวิถีเขาจึงไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่อยากให้ดินแดนจั๋วอวี่ถูกนินทาจึงพูดง่ายเช่นนี้ แต่วันนี้เมื่อเขาเสียหน้าแล้วเขาจะต้องเอาคืนแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะเอาคืนอย่างไร เจ้ากับเจ้าเจ็ดจึงต้องระวัง ยังมีอีกจี้หลุนที่ก่อเรื่องกับพวกเจ้าก็เป็นลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าของดินแดนจั๋วอวี่อันดับที่หก”
มู่ชิงเกอฟังคำเตือนของหลีเฉาแล้วผงกศีรษะ
“ไปเถอะกลับไปด้วยกัน เรื่องนี้จะบอกคนอื่นๆ ให้ทุกคนระวังการกลั่นแกล้งจากดินแดนจั๋วอวี่ไว้” หลีเฉาพูดแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังที่พักของดินแดนฮ่วนเยวี่ย พร้อมกับมู่ชิงเกอ
อีกด้านหนึ่งนั้นเยี่ยนเฉวียนกับจี้หลุนก็ไปไกลแล้ว จี้หลุนอดไม่ได้พูดว่า “ใหญ่น้อย ความอดสูวันนี้จะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ หรือ พวกเราลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่เคยโดนทำขายหน้าเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน”
“เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก” เชี่ยนเฉวียนมองจี้หลุนด้วยสายตาเย็นเฉียบ
จี้หลุนร่างสะท้านไม่กล้าพูดมาก
เยี่ยนเฉวียนพูดเสียงเย็นว่า “เจ้าจะเกี้ยวพาหญิงสาวก็ต้องดูฝ่ายตรงข้ามด้วย เจ็ดน้อยฮ่วนเยวี่ยบำเพ็ญวิถีลืมรัก เย็นเฉียบขนาดนั้นเจ้ายังไปยุ่งด้วยทำไม ก่อเรื่องแล้วจบไม่ได้ สุดท้ายแล้วทำข้าเสียหน้า ต้องตามล้างตามเช็ดให้เจ้าอีก”
จี้หลุนโดนอบรมจนไม่กล้าส่งเสียงทำได้แค่ยอมรับเงียบๆ
กระทั่งเยี่ยนเฉวียนระบายอารมณ์ออกมาจนหมดแล้ว จี้หลุนจึงได้พูดอย่างระมัดระวังว่า “ใหญ่น้อยพูดถูก แต่พวกเราลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่จะขายหน้าไม่ได้ เรื่องซวนเฉียงนั้นถึงแม้จี้หลุนจะผิด แต่เจ้าหน้าอ่อนนั่นนับว่าเป็นตัวอะไรกัน กล้ามาทำโอหังกับพวกเราดินแดนจั๋วอวี่”
“พอแล้ว” เยี่ยนเฉวียนตัดบท
สายตาเขาเย็นเฉียบแววตาสาดความเหน็บหนาวออกมา “หลีเฉาเรียกเขาว่าเจ้าสาม ท่าทางเป็นสามน้อยฮ่วนเยวี่ยที่เพิ่งเอาชนะเซียนสุ่ยของดินแดนฮ่วนเยวี่ยได้ ได้ยินว่าเพิ่งทำความชอบยิ่งใหญ่ให้ดินแดนฮ่วนเยวี่ย มาดินแดนจงซานคราวนี้จะต้องมาร่วมงานสี่ดินแดน เทพถกวิถีแน่นอน”
เยี่ยนเฉวียนหรี่ตามุมปากมีรอยยิ้มเยาะ เขาบอกจี้หลุนว่า “ในเมื่อมาร่วมสี่ดินแดนเทพถกวิถีก็ง่ายแล้ว วันนี้เจ้าเสียหน้าในน้ำมือเขา เมื่อเริ่มสี่ดินแดนเทพถกวิถี เจ้าก็เอาคืนให้คนดินแดนฮ่วนเยวี่ยได้เห็นว่า นอกจากราชาเทวะพวกเขาแล้ว เหล่าลูกศิษย์ทั้งหมดไม่ สามารถเทียบได้กับพวกเราคนดินแดนจั๋วอวี่”
“ได้ ใหญ่น้อย” แววตาจี้หลนเปล่งประกายมีแต่รัศมีแห่งความยินดีในแววตา
เขาเข้าใจความหมายของเยี่ยนเฉวียนแล้ว
แต๊ง—–
เสียงระฆังแว่วมาจากเมืองหิมะในดินแดนจงซาน ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ดินแดนจงซาน
ในเมืองใบไม้ผลิ ไม่ว่าใครที่ได้ยินเสียงระฆังต่างหยุดเดินแหงนหน้า มองไปทางฟันเฟืองยักษ์ที่เอียงลอยอยู่ระหว่างฟ้าและดิน แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่ขาวโพลนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความฝันใฝ่
หลีเฉานำทั้งเก้าคนยืนอยู่หน้าประตู มองเมืองหิมะที่ล่องลอยภายใต้เสียงระฆัง “การถกวิถีใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”
‘จะเริ่มแล้วหรือ’ มู่ชิงเกอมองไปทางเมืองหิมะแล้วพึมพำในใจ
ลูกศิษย์ดินแดนเทพต่างมาถึงครบแล้ว การถกวิถีจะเริ่มขึ้นทันที
ผู้บำเพ็ญนั้นไม่มีพิธีรีตองมากมาย ลูกศิษย์สามดินแดนเทพที่พักอยู่ในเมืองใบไม้ผลิต่างตามลูกศิษย์ดินแดนจงซานที่มานำทางขี่เมฆผ่านหมอกเข้าไปในเมืองหิมะ เข้าไปถึงเมืองหิมะแล้ว เบื้องหน้ามู่ชิงเกอก็ปรากฎโลกที่มีแต่หิมะบริสุทธิ์ทั้งน้ำแข็งสลักเสลาสวยงาม
ซ้ายขวาของนางยังมีลูกศิษย์ดินแดนเหว่ยอี้กับจั๋วอวี่ มู่ชิงเกอสามารถเห็นใบหน้าที่ซือมั่วปลอมแปลงในกลุ่มคนแดนเหว่ยอี้ได้อย่างง่ายดาย
เวลานี้ใบหน้านั้นก็กำลังมองมาอย่างไร้พิรุธ
สายตาทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศแล้วผละออกทันที ไม่ทำให้ใครสังเกตเห็น
“สี่ดินแดนเทพถกวิถีเริ่มแล้ว ให้ลูกศิษย์ทุกแดนเทพไปยังแท่นวิถี” บนฟ้าเมืองหิมะ มีเสียงทรงอำนาจดังขึ้น