ตอนที่ 638
เขาวงกตเก้าคดเคี้ยวแห่งอู๋หวา
ออกจากวังราชาเทวะแล้ว ชูเนี่ยนก็บอกมู่ชิงเกอว่า “อีกสามวัน งานเลี้ยงวันเกิดของท่านพ่อจะจัดขึ้นในวังราชาเทวะ เมื่อเป็นเช่นนี้ ราชาเทวะน้อยก็พักที่ใกล้ๆ หน่อยเป็นอย่างไร”
การจัดการของชูเนี่ยนนั้นตรงตามความต้องการมู่ชิงเกอพอดี นางผงกศีรษะว่า “ทุกอย่างแล้วแต่องค์หญิงจัดการ องค์หญิงไม่ต้องเกรงใจข้านัก ในเส้นทางการบำเพ็ญองค์หญิงเป็นผู้มาก่อน องค์หญิงอย่าเรียกข้าว่าราชาเทวะน้อยเลย ให้เรียกชื่อตรงๆ ดีกว่า หากรู้สึกไม่สะดวกใจกับแซ่มู่ก็เรียกชิงเกออย่างเดียวก็ได้”
ความเป็นกันเองและนํ้าเสียงจริงใจทำให้ชูเนี่ยนยิ้มออกมา พยักหน้าว่า “ได้ ข้ายินดีทำตามนั้น”
“เช่นนี้ดีที่สุด” มู่ชิงเกอยิ้มตอบ
ชูเนี่ยนนำทั้งสี่คนไปยังตำหนักข้างของวังราชาเทวะแห่งหนึ่งแล้วแนะนำมู่ชิงเกอว่า “ในตำหนักมีทุกอย่างพร้อมสรรพ หากชิงเกอต้องการอะไรเพิ่มเติม
สามารถสั่งผู้รับใช้ที่ดูแลตำหนักได้โดยตรง”
“ได้” มู่ชิงเกอผงกศีรษะอีก
ความนิ่งสงบตลอดทาง กระทั่ง ‘ความว่าง่าย’ นี้กลับทำให้ชูเนี่ยนรู้สึกสนใจเขามากขึ้น
เดิมที นางเข้าใจว่าคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยเยาว์ กระทั่งใช้เวลาแสนสั้นก็ได้รับความสำเร็จปานนี้คงจะหยิ่งทะนงไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
ต่อให้รู้วิธีซ่อนเร้น บางครั้งก็ต้องพลั้งเผลอแสดงอาการอวดตัวเหิมเกริมออกมาบ้าง
แต่มู่ชิงเกอกลับไม่มีเลย ตั้งแต่พบหน้าครั้งแรกจนถึงเวลานี้ ไม่ว่าการพูดคุยระหว่างเขาทั้งสอง หรือการพูดคุยของมู่ชิงเกอกับบิดาตัวเองนางก็คอยแอบ สังเกตอยู่ แต่ไม่มีเลยแม้แต่นิดจริงๆ
เขานิ่งสงบราบเรียบเสียจนคล้ายกับว่าราชาเทวะน้อยที่มีผลงานน่าตกใจมากมายจากปากบิดานางนั้นไม่ใช่ตัวเขาก็ไม่ปาน
ชูเนี่ยนประหลาดใจมาก เหตุใดคนเบื้องหน้านางทั้งๆ ที่มีอายุเพียงน้อยนิด แต่สามารถหนักแน่นได้มากถึงเพียงนี้
มีผลงานที่น่าภาคภูมิใจเช่นนี้ แต่กลับไม่หยิ่งไม่ยโส ไม่ได้ออกอาการอวดตัวแม้แต่นิด
พอนึกถึงการอวดตัว นางก็อดนึกถึงคุณชายเทียนอินที่พบกันในเมืองอู๋หวาขึ้นมาไม่ได้ ชายที่มีความฉลาดเฉลียวเพียงเล็กน้อย หลังจากแสดงให้นางได้เห็นแล้วก็มีอาการอวดตัวทันที
ต่อให้เป็นเพียงเล็กน้อย รวดเร็วเพียงพริบตา นางก็ยังจับสังเกตได้อยู่ดี
เพียงแค่ความเฉลียวฉลาดเล็กๆ ก็อวดตัวเสียปานนั้น นึกว่าตัวเองเก่งกาจหนักหนา เวลานี้เมื่อเทียบกับราชาเทวะน้อยมู่ผู้นี้แล้วก็ช่างห่างไกลจนสุดกู่เลยทีเดียว
ในใจชูเนี่ยนทำได้เพียงส่ายหน้า
ความรู้สึกดีที่มีต่อมู่เทียนอินอยู่บ้างนั้นล้วนกระจายหายไปจนหมดสิ้น ไม่เหลืออะไรแม้แต่นิดในจิตใจนาง
“ชิงเกอ” หลังจากชูเนี่ยนสลัดมู่เทียนอินทิ้งไปจนหมดแล้วก็พูดกับมู่ชิงเกอ
“หืม” มู่ชิงเกอมองนาง มองออกถึงความสงสัยในสายตานาง “องค์หญิงมีอะไรสอบถาม เชิญพูดได้เลย”
ชูเนี่ยนมีความรู้สึกที่ดีมากต่อมู่ชิงเกอ เม้มปาก ยิ้ม “เจ้าไม่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าราชาเทวะน้อย แล้วเจ้าเรียกข้าว่าองค์หญิงได้อย่างไร เรียกข้าว่าชูเนี่ยนเถอะ”
นัยน์ตามู่ชิงเกอเกิดประกายเล็กน้อย ผงกศีรษะยิ้ม “ได้”
“ชิงเกอ ข้าอยากถามว่า เจ้าขึ้นบันไดแสงแห่งวิถีได้ถึงชั้น 52 จริงหรือ” ดวงตาหงส์ของชูเนี่ยนเต็มไปด้วยความอยากรู้ ราวกับมีความสนใจยิ่งนักต่อการขึ้นถึงชั้น 52 ของมู่ชิงเกอว่าทำได้อย่างไร
ความจริง คำถามของนางไม่ถูกต้องนัก
หากมู่ชิงเกอไม่ได้ขึ้นบันไดแสงแห่งวิถีถึงชั้น 52 จริงๆ จะมีข่าวเช่นนี้ได้อย่างไร ตามด้วย โองการของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยที่กระจายไปทั่วแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรอีก
กระทั้ง ราชาเทวะจั๋วอวี่ที่จะเอาเรื่องเขาแต่แรกยังต้องเลิกแล้วกันไปเพราะเรื่องนี้
เนื่องจากเขาเข้าใจดี หากในมือเขามีคนที่พรสวรรค์สูงเช่นนี้อยู่ก็ต้องคุ้มครองเต็มที่ เพื่อคนตายคนหนึ่งไม่มีความจำเป็นต้องแตกหักกับดินแดนฮ่วนเยวี่ย
หากมู่ชิงเกอไม่ใช่ราชาเทวะน้อยก็ยังพอทำได้ แต่พอมีฐานะนี้แล้ว สิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำไว้ก็ต้องพิจารณาใหม่กันแล้ว
นี่คือเหตุผลที่ดินแดนจั๋วอวี่ไม่ได้มาเอาผิดมู่ชิงเกอเรื่องสังหารเยี่ยนเฉวียน และเป็นเรื่องที่มู่ชิงเกอไม่ได้คิดมากด้วย
แต่เวลานี้ที่ชูเนี่ยนถามออกมาเช่นนี้ก็เพียงเพราะนางตื่นตกใจมากจนเกินไปจนอดไม่ได้ต้องให้มู่ชิงเกอยืนยันด้วยตัวเอง
มู่ชิงเกออมยิ้มผงกศีรษะ บอกนางว่า “บังเอิญโชคดีเท่านั้น”
ได้รับการยอมรับจากเขา ชูเนี่ยนจึงสั่นศีรษะสะท้อนใจ พูดเบาๆ ว่า “นี่ไม่ใช่แค่ว่าบังเอิญโชคดีก็สามารถขึ้นไปได้นะ ตั้งแต่โบราณมามีคนตั้งเท่าไรเคยปีนบันไดแสงแห่งวิถี แต่ไม่เคยมีใครปีนได้สูงเท่านั้นมาก่อน”
พูดไปนางก็มองที่มู่ชิงเกอด้วยสายตาจริงจังว่า “หลายพันปีนี้ ข้าเข้าไปในแสงแห่งวิถีถึงเจ็ดครั้ง แต่เจ็ดครั้งนี้ สิ่งที่ข้ารู้สึกคือยิ่งขึ้นสูงยิ่งยาก”
“เจ้าเข้าไปถึงเจ็ดครั้งเชียวหรือ” มู่ชิงเกอตกใจ
ชูเนี่ยนผงกศีรษะ เห็นอาการตกใจเล็กน้อยของมู่ชิงเกอ นางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เจ้าคงไม่คิดว่าโอกาสที่จะเข้าไปในแสงแห่งวิถีมีเพียงครั้งเดียวใช่ไหม”
“…” มู่ชิงเกอพูดไม่ออก
ทันใดนั้น นางก็นึกถึงที่จวงซานบอกนางว่า เขาเคยเข้าร่วมการถกวิถีสี่ดินแดนเทพมากกว่าหนึ่งครั้ง ทั้งมองดวงตาที่แฝงด้วยรอยยิ้มของชูเนี่ยนแล้ว นางก็
เข้าใจขึ้นมา
แต่ก่อนนั้นนางไม่ได้คิดมาก เวลานี้มาคิดดูอย่างละเอียด นางคงยังมีโอกาสปีนบันไดแสงแห่งวิถีอีก
99 ชั้น ครั้งก่อนนางขึ้นถึงชั้น 52 ชั้นบันไดที่เหลืออยู่ นางยังอยากขึ้นไปดูว่าเมื่อไป ถึงชั้นที่ 99 แล้วจะเกิดการรับรู้อะไรใหม่มากขึ้น
“อายุที่สามารถเข้าร่วมการถกวิถีได้ต้องอยู่ภายในหมื่นปี เจ้ายังอายุน้อยมีโอกาสอีกมาก เพียงแค่อายุไม่เกินการถกวิถีทุกครั้งเจ้าก็ไปเข้าร่วมด้วยได้” ชูเนี่ยนพูดอีก
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ
แต่ก่อนนี้ นางยังไม่ได้สังเกตถึงข้อจำกัดของอายุในการเข้าร่วมแข่งขัน
ทั้งคู่เดินไปคุยไป เข้ากันได้ดีทีเดียว
มู่ชิงเกอพูดคุยตามธรรมชาติ ไม่อวดไม่หยิ่ง ทำให้ชูเนี่ยนเต็มใจคุยด้วย หากเปลี่ยนเป็นคนหยิ่งยโสอวดตัวแล้ว ต่อให้บิดากำชับมานางก็ไม่ยินดีที่จะเอาใจ ใกล้ชิด
กับมู่ชิงเกอนางรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่คบหาด้วยได้ ไม่ถึงขั้นรักใคร่ชอบพอ ตอนนี้เพียงแค่ทำให้ชูเนี่ยนรู้สึกว่าสามารถพูดคุยด้วยได้เท่านั้น
สำหรับมู่ชิงเกอ ในเมื่อราชาเทวะอู๋หวาให้โอกาสนางได้ใกล้ชิดชูเนี่ยนเช่นนี้ นางย่อมต้องหาโอกาสสอบถามข่าวที่นางต้องการ
อย่างนั้นก้าวแรกก็ต้องได้รับความไว้วางใจ
ยังดีที่นิสัยของชูเนี่ยนค่อนข้างเป็นมิตรตามคำเล่าลือ ดังนั้นการพูดคุยจึงไร้ซึ่งแผนการใดๆ มี ความจริงใจมากขึ้น
“นี่คือที่พักชั่วคราวของพวกเจ้า พออยู่ได้หรือไม่” ชูเนี่ยนพาพวกนางมาถึงตำหนักข้างแห่งหนึ่ง
มู่ชิงเกอมองดูตามคำพูดของนาง
ตำหนักข้างแห่งนี้ไม่ใหญ่โตนัก แต่รอบๆ สงบเงียบ ทิวทัศน์สวยงาม ดูออกว่าชูเนี่ยนตั้งใจจัดการเรื่องที่พักให้พวกนาง ไม่ใช่ชนิดขอไปที
เวลานี้ ในตำหนักมีชายหญิงวัยเยาว์ออกมาคู่หนึ่ง
พวกเขาต่างสวมชุดผู้ดูแล ท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว บนร่างมีกลิ่นอายของขั้นจิตวิญญาณขั้นสองอยู่
พวกเขาเดินอย่างรวดเร็วมาจนถึงเบื้องหน้าชูเนี่ยนแล้วทักทายด้วยความเคารพ “องค์หญิง”
ชูเนี่ยนพยักหน้านิดๆ บอกทั้งคู่ว่า “ท่านนี้เป็นราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยแห่งแผ่นดินเทพตะวันออก ระหว่างพักอยู่ที่นี่พวกเจ้าต้องคอยดูแลดีๆ หากขาดเหลืออะไรให้จัดการได้เต็มที่”
“ทราบแล้ว องค์หญิง”
ทั้งคู่พูดพร้อมกัน
พวกเขาโค้งกายทำความเคารพมู่ชิงเกอแล้วพูดพร้อมกันว่า “คารวะราชาเทวะน้อย”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะมองที่หยินเฉิน ฝ่ายหลังเข้าใจจึงหยิบมุกตะวันออกสองเม็ดเล็กออกมาแบ่งให้ทั้งคู่คนละเม็ด
“นี่คือมุกตะวันออกลั่วเฉา!” ชูเนี่ยนตกตะลึงไป
มู่ชิงเกอพยักหน้ายิ้ม “ชูเนี่ยนตาแหลมนัก วันก่อนผ่านลั่วเฉาบังเอิญได้มานิดหน่อย’’
“มุกตะวันออกลั่วเฉามีสรรพคุณรักษาผิวพรรณ คงความอ่อนเยาว์ ทั้งมีพลังในการขจัดความขุ่นหมอง พกติดตัวไว้จะช่วยในการบำเพ็ญทำให้พลังเทพบริสุทธิ์ได้ ข้าเคยได้ยินว่ามุกตะวันออกลั่วเฉาพันปีมีได้เพียงร้อยเม็ด หายากมาก” ชูเนี่ยนพูดแล้วสายตาก็เลื่อนไปยังสองผู้ดูแลที่กำลังตกใจ บอกมู่ชิงเกอว่า “ล้ำค่าเกินไปแล้ว”
มู่ชิงเกอฟังนางอธิบายจบก็นึกตกใจอยู่
สรรพคุณของมุกตะวันออกลั่วเฉานั้นนางรู้อยู่ แต่นางไม่รู้ว่าจะมีผลผลิตน้อยเช่นนี้ มุกตะวันออกลั่วเฉานี้ซือมั่วให้นางมาขณะอยู่ที่ลั่วเฉา
เขาให้นางไว้เต็มหีบ น่าจะมีสักพันเม็ดได้ มีทั้งหีบใหญ่หีบเล็ก นางจึงหยิบสองเม็ดที่เล็กที่สุดมาเป็นของขวัญการพบหน้า
เวลานี้ได้มาฟังชูเนี่ยนพูดเช่นนี้ คุณชายมู่ที่รู้สึกว่าตัวเองเงินขาดมืออยู่ตลอดเวลานั้นก็ออกจะเสียดายเหมือนกัน
แต่ในเมื่อให้ไปแล้ว นางจะขอคืนได้อย่างไร จึงยิ้มอย่างใจกว้างว่า “ไม่มากเกินไป ข้ายังมีเม็ดใหญ่มอบให้เจ้าแล้วกัน”
พูดจบ นางก็พลิกนิ้วขึ้น ในมือปรากฎมุกตะวันออกลั่วเฉาที่ใหญ่กว่าสองเม็ดนั้นหลายเท่ายื่นให้ชูเนี่ยน
“ให้ข้าหรือ” ชูเนี่ยนประหลาดใจ
มองมุกตะวันออกลั่วเฉาที่เปล่งแสงแวววับในมือมู่ชิงเกอ นางก็รู้สึกประหลาดใจนัก
มู่ชิงเกอผงกศีรษะแล้วยัดมุกใส่มือชูเนี่ยนโดยตรง “แค่ของเล็กน้อย เก็บไว้เถอะ”
ชูเนี่ยนตะลึงนิดหนึ่งแล้วพยักหน้า “ได้ ในเมื่อเจ้าจริงใจอยากมอบให้ข้า ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
นางเก็บมุกตะวันออกไป แววตาที่มองมู่ชิงเกอก็ลดความแปลกหน้าลงไปอีกส่วนหนึ่ง
เนื่องจาก นางดูออกว่าขณะที่มู่ชิงเกอมอบมุกตะวันออกให้นางนั้นเป็นความคิดเพียงชั่วขณะ ไม่ได้แฝงความรู้สึกเอาอกเอาใจใดๆ ราวกับว่าเพียงเห็นว่านาง ตกใจเรื่องมุกตะวันออกลั่วเฉาก็เลยถือโอกาสให้นางเม็ดหนึ่ง ความหวังดีที่ไม่แฝงวัตถุประสงค์ใดๆ ย่อมยากที่จะปฏิเสธได้
มู่ชิงเกอให้หยินเฉินกับหุ่นเทพมารและสองผู้ดูแลเข้าไปในตำหนักข้างก่อน ส่วนตัวเองกับชูเนี่ยนยังคงอยู่ที่เดิม
“ชิงเกอมีเรื่องถามข้าหรือ’’ ชูเนี่ยนถามยิ้มๆ
มู่ชิงเกอพยักหน้า “ข้าอยากถามว่า ที่ข้าพักในวังอู๋หวานี้มีข้อห้ามอะไรที่จะต้องหลีกเลี่ยงบ้าง ข้าจะได้ไม่ทำผิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”
“ข้อห้ามหรือ” ชูเนี่ยนพึมพำ
มู่ชิงเกอพยักหน้า “อืม ข้าเป็นคนอยู่ไม่สุข ไปถึงที่ไหน ก็มักชอบออกไปเดินเล่น ไม่รู้ว่าวังอู๋หวามีสถานที่ใดที่คนนอกเข้าไปไม่ได้ หรือเข้าใกล้ไม่ได้หรือไม่”
ชูเนี่ยนไม่ได้สงสัย คิดอย่างละเอียดถึงคำถามมู่ชิงเกอแล้วบอกนางว่า “นอกจากวังราชาเทวะ ความจริงก็ไม่มีที่ไหนที่ไปไม่ได้ บริเวณส่วนตัวต่างมีอาคม เมื่อเข้า ใกล้แล้วก็จะมีการเตือน ส่วนสถานที่ห้ามนั้นก็คือศาลาอีเยี่ยซึ่งเป็นที่บำเพ็ญของบิดาข้า แม้แต่ข้าก็ยังเข้าใกล้ไม่ได้ แต่ว่าศาลาอีเยี่ยอยู่ในวังราชาเทวะบริเวณรอบๆ มีเขาวงกตเก้าคดเคี้ยวป้องกันเอาไว้ เจ้าคงไม่บุกไปถึงที่นั้นหรอก”