ตอนที่ 654
เจ้าไม่นับว่าถูกปรักปรำ
ตกเย็น ชูเนี่ยนมายังตำหนักข้างที่มู่ชิงเกอพักอยู่อีกครั้ง
มู่ชิงเกอกำลังนอนพักอยู่บนเก้าอี้ภายใต้แสงตะวันยามเย็น เมื่อเห็นนางเดินย้อนแสงเข้ามาก็อดที่ไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง จนนางเข้ามาใกล้จึงลุกขึ้นนั่ง
“รบกวนเจ้าพักผ่อนแล้ว” ชูเนี่ยนเดินมาข้างกายมู่ชิงเกอแล้วยิ้มอย่างเขินอาย
มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่รบกวน”
ชูเนี่ยนผงกศีรษะนิดๆ เดินมานั่งข้างๆ สายตาสอดส่ายไปมาเล็กน้อยแล้วจึงมองมาที่มู่ชิงเกอก่อนเอ่ยว่า “ข้าได้ทำตามที่เจ้าว่า จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้รอเพียงปลามากินเหยื่อเท่านั้น”
มู่ชิงเกอพยักหน้าถามอีกว่า “เจ้าไปหาคนผู้นั้นแล้วหรือยัง หาเจอหรือไม่”
แววตาชูเนี่ยนเคร่งเครียด เม้มปากและพยักหน้า“ในบรรดาคนที่มาอวยพรวันเกิดท่านพ่อมีเขาด้วยจริงๆ เพียงแต่เวลานี้คนกลุ่มนั้นยังไม่ฟื้น เป็นเช่นที่เจ้าว่า ข้าไม่มีหลักฐาน แต่ว่าข้าได้ส่งคนคอยตามดูพวกเขาแล้ว ให้คอยสังเกตพวกเขาทุกเวลา”
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ เอนหลังลงไปเช่นเดิม ไม่ได้ถามต่อ
อาการของมู่ชิงเกอกลับทำให้ชูเนี่ยนออกจะแปลกใจ นางอดไม่ได้จึงถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงไม่ถามเล่าว่าท่านพ่อมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง”
มู่ชิงเกอพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ ขอเพียงคืนความบริสุทธิ์ให้ข้าได้ในเร็ววันก็พอแล้ว”
ความไม่ใส่ใจ ความปล่อยวางของเขายิ่งทำให้ ชูเนี่ยนรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของมู่ชิงเกอ นางกล่าวกับมู่ชิงเกอด้วยแววตาที่แฝงความเสียใจว่า “อย่าถือสาเลยนะ บิดาข้าขี้ระแวงไปหน่อย แต่ไม่ใช่จ้องจะเอาเรื่องเจ้า ความจริงเขาให้ความสำคัญกับเจ้ามาก”
หยุดเล็กน้อย นางก็พูดอีกว่า “รอให้เรื่องชัดเจนแล้ว ข้าจะให้เขาเป็นคนคืนความบริสุทธิ์ให้เจ้า ออกปากรับรองว่าเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่เอง”
มู่ชิงเกอมองไปที่นาง
นัยน์ตาที่ใสกระจ่างของเขาจ้องมองมาจนจู่ๆ ชูเนี่ยนก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา ขณะที่ นางกำลังว้าวุ่นจนทำอะไรไม่ถูกนั้น มู่ชิงเกอกลับถามว่า “ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ตระกูลมู่ทำอะไรลงไปหรือ แซ่นี้เมื่ออยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรจึงราวกับเป็นความชั่วร้ายอย่างมาก”
คำถามของมู่ชิงเกอทำให้ชูเนี่ยนขมวดคิ้วนิดๆ อธิบายเสียงเบาว่า “ตอนที่ข้าเกิด เรื่องเกี่ยวกับตระกูลมู่ ก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ที่ข้ารู้ก็มีเพียงตระกูลมู่สมคบเผ่ามาร ต้องการเป็นเจ้าครองแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร สุดท้ายแล้วแผนการก็ถูกเปิดโปง ถูกราชาเทวะหลายดินแดนเทพร่วมมือกันกำจัดจนล่มสลาย คนตระกูลมู่กลายเป็น คนบาปของแดนเทพ ไม่อาจอภัยได้”
มู่ชิงเกอ เลิกคิ้วขึ้น
นางเพิ่งเคยได้ยินมุมมองความคิดของคนในแผ่นดินเทพที่มีต่อตระกูลมู่เป็นครั้งแรก ‘สมคบเผ่ามารหรือ เทพแห่งสงครามเผ่าเทพที่สง่าผ่าเผยกลับโดนข้อหา สมคบศัตรูเพื่อครองความเป็นใหญ่เหนือแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร…เหอะ หากตระกูลมู่มีความคิดเช่นนั้นจริงๆ แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรยังจะเหลือดินแดนเทพต่างๆ อยู่อีกหรือ ไร้สาระ โป้ปดมดเท็จโดยแท้’
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง หากเป็นจริงเช่นนั้นก็ให้อภัยไม่ได้จริงๆ” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ
บรรพบุรุษตระกูลมู่เมื่อหมื่นปีก่อนอาจไม่ได้สมคบเผ่ามาร
แต่ตัวนางในหมื่นปีให้หลัง มู่ชิงเกอกำหนดไว้แล้วว่าต้องสมคบกับเผ่ามาร
มู่ชิงเกอแค่นยิ้ม หากมีวันหนึ่งเผ่าเทพพวกนี้ใช้ข้ออ้างจอมปลอมนี้เพื่อเข้าหํ้าหั่นตัวนางแล้ว นางควรทำอย่างไรดี
‘ทำอย่างไรน่ะรึ ฟ้าห้ามข้า ข้าก็ฝืนชะตาฟ้า ดินห้ามข้า ข้าก็จะทำลายดิน เทพห้ามข้า…อย่างนั้นข้าก็ทำได้เพียงทำลายล้างเผ่าเทพเท่านั้น’ สองตามู่ชิงเกอเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมา
เพียงแต่ ในพริบตาเดียวทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ
มู่ชิงเกอหยิบขวดสุราออกมาจากช่องว่างสองขวด ยกขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วบอกชูเนี่ยนว่า “ดื่มกับข้าไหม”
ชูเนี่ยนสั่นศีรษะปฏิเสธ “ข้ายังมีภารกิจดื่มสุราไม่ได้ เจ้าดื่มเถอะ”
พูดจบ นางคิดแล้วก็ยกมือโบกที่ตรงหน้าตัวเอง พิณโบราณหนึ่งคันก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้านาง
“พิณหวูถงนี้ใช้ไม้หวูถงโบราณหลายแสนปีทำขึ้นมา ได้ยินท่านพ่อว่าเป็นของสุดรักของท่านแม่ข้า” นิ้วของชูเนี่ยนค่อยๆ ดีดสายพิณ เสียงเพลงที่ไม่เป็นจังหวะดังขึ้นภายในห้อง
ดวงตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกายพลางคิดในใจว่า ‘โห่วเคยบอกว่า หวูถงมีอยู่เพียงในเผ่าเฟิ่งหวงแห่งป่าอสูรเท่านั้น หวูถงทุกต้นจะคู่กับเฟิ่งหวงหนึ่งตัวและ อยู่ด้วยกันไปตลอดชีพ ศพหญิงสาวในศาลาอีเยี่ยที่ราชาเทวะอู๋หวาให้ความสำคัญมากมายปานนั้นเป็นเผ่าอสูรทั้งยังมีหน้าตาเหมือนชูเนี่ยนราวกับแกะ…หรือว่า
มารดาของชูเนี่ยนเป็นเผ่าอสูร’
“ข้าดีดพิณให้เจ้าฟังดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องดื่มสุราหงอยเหงาอยู่คนเดียว” คำพูดชูเนี่ยนตัดความคิดมู่ชิงเกอลงดึงนางกลับมา
ไม่รอให้มู่ชิงเกอตอบรับหรือปฏิเสธ ชูเนี่ยนก็บรรเลงเพลงขึ้นมาแล้ว
ที่นางบรรเลงก็คือเพลงที่มู่ชิงเกอได้ยินในเซียนลู่ไจ เวลานี้ชูเนี่ยนกลับบรรเลงได้ดียิ่งกว่า เข้าถึงจิตใจคน ชำระล้างจิตวิญญาณให้สะอาดบริสุทธิ์
มู่ชิงเกอฟังอย่างตั้งใจ ดื่มสุราไปพลางชื่นชมไปพลาง
แต่เวลานั้นนางไม่รู้เลยว่าเพลงที่ชูเนี่ยนบรรเลงให้นางฟังนั้นมีความหมายว่าอย่างไรและไม่เข้าใจด้วยว่าภายในเผ่าเฟิ่งหวงนั้นการใช้พิณหวูถงบรรเลงเพลง ให้เพศตรงข้ามฟังนั้นหมายความถึงสิ่งใด
ดึกดื่นเงียบสงัด คนที่มาอวยพรวันเกิดราชาเทวะอู๋หวาที่วังอู๋หวาต่างถูกกักตัวอยู่ในตำหนัก
ความจริง บริเวณที่กักตัวตำหนักนั้นใหญ่โตมาก แต่คนที่เสียอิสรภาพไปจำนวนมากถูกกักตัวไว้ที่นี่ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะถูกปล่อยตัวออกไป อารมณ์ทุกคนจึงอึดอัด ไม่มีความบันเทิงใจแม้แต่นิด
ในมุมที่ไม่มีใครสนใจ มู่เทียนอินกับมู่หลินและมู่ซานอยู่ด้วยกัน
มู่ซานขมวดคิ้วว่า “นายน้อย เวลานี้ดินแดนอู๋หวาปิดภูเขา ทุกทางเข้าออกต่างถูกเฝ้าอย่างเข้มงวด สองคนที่ทิ้งไว้ด้านนอกคงไม่สามารถทำอะไรได้”
“ใช่แล้ว นายน้อย วันนี้ข้ายังสืบข่าวที่เป็นอันตรายต่อพวกเราอย่างมากมาได้ด้วย” มู่หลินพูดต่อ เขามองมู่ซานแล้วจึงบอกมู่เทียนอินว่า “ได้ยินว่า วันนี้องค์หญิงชูเนี่ยนนำคนไม่ได้สติหลายคนมาจากเมืองอู๋หวา”
ขณะที่เขาพูดคำนี้ออกมามู่ซานก็ตกใจ ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมา
มู่เทียนอินเองก็เงยใบหน้าที่เหี้ยมเกรียมขึ้นมามองไปที่มู่ซานแล้วถามด้วยเสียงเย็นเฉียบ “เจ้าปล่อยให้มีคนเหลือรอดหรือ”
มู่ซานตกใจรีบก้มหน้าลง
มู่หลินรีบบอกว่า “นายน้อย เวลานี้ไม่ใช่เวลามาไล่เรียงความผิดกัน ที่เร่งด่วนเฉพาะหน้าคือต้องช่วยกันคิด หากคนเหล่านั้นฟื้นขึ้นมาพวกเราจะถูกเปิดโปงกัน หมด”
นี่ต่างหากจึงจะเป็นจุดตาย
แววตามู่เทียนอินเหี้ยมโหดน่ากลัว แววพิฆาตจับจ้องที่มู่ซานอยากฟันเขาให้ขาดสองท่อนไปเสียเดี๋ยวนั้น
“พวกเราต้องจากไปในคืนนี้” มู่เทียนอินพูดเสียงเครียด มิฉะนั้นรอจนคนพวกนั้นฟื้นขึ้นมา ราชาเทวะอู๋หวารู้เรื่องทั้งหมดจากปากพวกเขาแล้ว พวกเขาคิดจะหนีก็ไม่ทันกาลแล้ว อาศัยความแข็งแกร่งของตนในเวลานี้ไปเผชิญหน้ากับราชาเทวะ…มู่เทียนอินยังไม่มีความกล้าที่จะต่อกรกับเขาจริงๆ
“แต่ว่าพวกเราจะไปอย่างไร”มู่หลินอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
มู่เทียนอินยิ้มเหี้ยม “ข้าย่อมมีวิธี”
ที่ตำหนักข้างที่พักของมู่ชิงเกอ ชูเนี่ยนจากไปแล้ว นางถือกระจกส่องเทพอยู่ ในกระจกปรากฎเงาร่างของพวกมู่เทียนอินทั้งสามคน มองดูคนในกระจกแล้ว นางก็ยิ้มน้อยๆ พูดเสียงเรียบว่า “มู่เทียนอิน เจ้าไม่ได้ถูกปรักปรำ”