ตอนที่ 720
ฟ้าดินแปรปรวนเป็นสองขั้ว
สองตาชายคนนั้นถลึงโตจนแทบจะถลนออกมา
ใบหน้าเขายังคงสภาพของการตายตาไม่หลับ ที่แผ่นหลังเขามีรอยยุบจากการกระทืบของมู่ชิงเกออยู่ ความอวดผยองก่อนนั้น ความยโสโอหังก่อนนั้น ทั้งเรื่องการแก้แค้นมู่ชิงเกอก่อนนั้นต่างมลายหายไปสิ้น
คนรอบบริเวณนั้นต่างตะลึงงัน
ต่างไม่มีใครนึกว่า มู่ชิงเกอจะสังหารชายคนนี้เช่นนี้จริงๆ
ขณะที่พวกเขานึกว่าการตายของชายคนนี้จะทำให้พญาเพลิงโกรธแค้น ทำให้ทุกคนในนี้ต้องตายไปทั้งหมดด้วยนั้น อุณหภูมิที่ร้อนจัดนั้นกลับลดลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายพญาเพลิงนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
‘หยวนหยวน!’ มู่ชิงเกอรู้สึกได้จึงรีบเรียกหยวนหยวน
‘จับได้แล้ว!’ หยวนหยวนตอบรับในสมอง แยกแยะได้ถึงการจากไปของพญาเพลิงแล้วรายงานมู่ชิงเกอ
ดวงตามู่ชิงเกอเปล่งประกายรีบตามไปด้านในทันที
ท่าทีของนางทำให้แต่ละคนทำอะไรไม่ถูก พวกถงเถิงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ แต่หยินเฉินตามมู่ชิงเกอไปติดๆ คงเหลือเพียงถงเถิงกับเซียนสุ่ยที่อยู่ที่เดิม
“ลูกพี่! รอข้าด้วย!” ถงเถิงรีบตะโกน
แต่ขณะที่เขาจะไล่ตามมู่ชิงเกอไปกลับถูกเซียนสุ่ยดึงเอาไว้
ถงเถิงหันมองเซียนสุ่ยอย่างไม่เข้าใจราวกับจะถามว่าขวางเขาไว้ทำไม เซียนสุ่ยส่ายหน้าช้าๆ อธิบายว่า “พวกเรารออยู่นี่ก่อน ระวังคนพวกนี้จะเล่นตุกติกอะไรอีก”
“แต่ลูกพี่เขา…” คำเตือนของเซียนสุ่ยนั้นเขาเข้าใจดี แต่เขาก็ยังเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกพี่อยู่ดี สายตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล
เซียนสุ่ยเอ่ยว่า “วางใจเถอะ มีหยินเฉินตามไปด้วย ลูกพี่เจ้าไม่เป็นไรหรอก”
ชุดสีแดงของมู่ชิงเกอกระโดดไปข้างหน้าไม่หยุดราวกับลูกไฟบินได้ หยินเฉินที่แปลงร่างเป็นแสงสีเงินเองก็ตามไปติดๆ ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่นิด
ทั้งคู่ยิ่งไปยิ่งไกลค่อยๆ ห่างจากพื้นที่ไร้ชื่อนั้นไปเรื่อยๆ
เมื่อทะลุผ่านป่าไม้เล็กๆ แห่งหนึ่งแล้ว มู่ชิงเกอก็หยุดลง
เบื้องหน้านางมีภาพที่แปลกประหลาดปรากฎอยู่
พอนางหยุด หยินเฉินก็หยุดลงด้วย
‘หยวนหยวน เจ้าแน่ใจนะว่าอยู่ที่นี่’ มู่ชิงเกอยืนอยู่กับที่ สายตากวาดมองรอบๆ แล้วถามในใจ
ทันใดนั้น แสงเงินทองก็พุ่งออกจากหว่างคิ้วนางตกลงเบื้องหน้าคนทั้งสอง
ทวนหลิงหลงแปลงเป็นหยวนหยวนปรากฎตัวขึ้นที่เบื้องหน้ามู่ชิงเกอกับหยินเฉิน
“ลูกพี่ เป็นที่นี่แหละ” พอหยวนหยวนปรากฎตัวก็พูดอย่างมั่นใจ
มู่ชิงเกอเม้มปาก ใช้สายตาค้นหาอีกครั้งหนึ่ง
หยวนหยวนพูดด้วยความมั่นใจว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่พญาเพลิงแล้ว แต่ก็เคยเป็นมาก่อนกลิ่นของพญาเพลิงนั้น ข้าไม่มีวันลืมได้”
แน่นอนว่าการรับรู้ถึงพญาเพลิงของหยวนหยวนนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะความแตกต่างของฐานะที่ต่างออกไป ในจุดนี้ แม้แต่นางซึ่งมีรากวิญญาณไฟก็ยังสู้เขาไม่ได้
หยวนหยวนยืนอยู่ที่เดิม รับรู้การคงอยู่ของพญาเพลิงอย่างละเอียด
มู่ชิงเกอเองก็ไม่ได้อยู่เฉย นางใช้ปัญญาเทวะตรวจหาการกระเพื่อมของพญาเพลิงพลางดูภาพที่แปลกประหลาดเบื้องหน้า
เบื้องหน้านางนั้นเป็นทุ่งหญ้าใหญ่โตแห่งหนึ่ง
แต่ทุ่งหญ้าใหญ่โตนี้ครึ่งหนึ่งเขียวชอุ่ม อีกครึ่งหนึ่งกลับเหลืองแห้ง
นี่ไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นของจริงที่เห็น
ครึ่งที่เขียวชอุ่มนั้นดูมีชีวิตชีวา หญ้าพลิ้วเขียวสวยงาม ส่วนครึ่งที่เหลืองแห้งนั้น หญ้าทั้งซีดทั้งแห้งเหี่ยวเฉาเกาะติดกัน
มู่ชิงเกอนึกสงสัยอยู่ว่าเหตุใดพื้นที่เดียวกันกลับมีสภาพการณ์ที่ตรงข้ามกันเช่นนี้
อีกทั้งในใจนางรู้สึกว่าสภาพการณ์เช่นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพญาเพลิงแน่
“หยวนหยวน เจ้าเคยได้ยินว่ามีพญาเพลิงชนิดไหนทำให้เกิดสภาพการณ์เช่นนี้บ้างไหม” มู่ชิงเกอชี้ไปที่ทุ่งหญ้าประหลาดแล้วถามหยวนหยวน
หยวนหยวนมองทุ่งหญ้านั้นแล้ว คิ้วที่สวยงามก็ขมวดขึ้นมา
ดูอยู่พักหนึ่ง หยวนหยวนก็ส่ายหน้าว่า “ข้าไม่รู้”
คำตอบของหยวนหยวนทำให้มู่ชิงเกอผิดหวังเล็กน้อย แต่พอคิดดูอีกที หยวนหยวนอยู่ข้างกายนางตั้งแต่เกิด ที่ได้สัมผัสกับพญาเพลิงก็เพียงเพื่อกลืนกินมัน การที่จะไม่รู้ความสามารถของพญาเพลิงทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องให้อภัยได้
“ไม่เป็นไร ข้าอาจจะคิดมากไป” มู่ชิงเกอเห็นหยวนหยวนแสดงท่าทางหงุดหงิดจึงพูดปลอบ
นางเพิ่งพูดจบ ท้องฟ้าก็มืดลงทันที
การที่ฟ้ามืดลงอย่างกะทันหันทำให้ทั้งมู่ชิงเกอกับหยินเฉินและหยวนหยวนต่างแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า
“เมื่อครู่ยังสว่างจ้าอยู่เลย เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงมืด ลงได้” หยินเฉินขมวดคิ้วพูด เขาคอยระวังรอบๆ เพื่อป้องกันการลอบจู่โจมหรือกับดัก
ปรากฎการณ์ผิดปกติที่นี่ ไม่พียงทำให้พวกมู่ชิงเกอทั้งสามคนตกใจเท่านั้น พวกที่อยู่ที่ ‘อ่างรวมของวิเศษ’ ก็ตื่นตกใจจากการที่ท้องฟ้ามืดลงกะทันหันเช่นกัน
เซียนสุ่ยกับถงเถิงแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ส่วนคนอื่นๆ หลังจากฟ้ามืดลงแล้วก็ยิ่งแสดงท่าทีหวาดหวั่นต่างพากันวิ่งหนีออกไปข้างนอก
“นี่…!” ถงเถิงกำลังจะเรียกคนเหล่านั้น แต่พอเขาเปิดปากคนเหล่านั้นกลับวิ่งเร็วขึ้น
ถงเถิงมองดูคนเหล่านั้นอย่างงุนงงแล้วถามเซียนสุ่ยว่า “พวกเขาเป็นอะไรไป ก็แค่ฟ้ามืดลงกะทันหัน เหตุใดต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นด้วย ไม่ใช่ฟ้าจะถล่มสักหน่อย”
เซียนสุ่ยส่ายหน้า พูดด้วยแววตาหนักแน่นว่า “ผิดปกติแน่นอน พวกเขาอยู่ที่นี่ประจำ คุ้นเคยกับเหตุการณ์ที่นี่ หากมีเรื่องที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนหนีไปย่อมต้องอันตรายอย่างยิ่ง”
“เช่นนั้นพวกลูกพี่จะทำอย่างไร” สีหน้าถงเถิงเปลี่ยนไป
เซียนสุ่ยพูดเสียงเครียดว่า “ไป พวกเราไปหาพวกเขา”
เรื่องราวเปลี่ยนแปลงทำให้พวกเขาไม่มัวห่วงคนที่ถูกกักตัวไว้อีก รีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มู่ชิงเกอกับหยินเฉินจากไปทันที
อีกด้านหนึ่ง พวกมู่ชิงเกอสามคนที่ยืนอยู่ นอกทุ่งหญ้าประหลาดก็ถูกดึงดูดด้วยท้องฟ้าที่มืดลงเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ พวกเขากลับไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ เพียงรู้สึกว่าท้องฟ้ามืดลงอย่างน่าประหลาด แต่ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น
หยินเฉินเป็นเผ่าอสูร การรับรู้ว่องไวมาก โดยเฉพาะการรับรู้เรื่องอันตรายเป็นสัญชาตญาณโดยกำเนิดอย่างหนึ่ง
แต่หลังจากเขาระมัดระวังแล้วก็ยังไม่พบอะไร ดังนั้นจึงมั่นใจว่าไม่มีอันตรายอะไร
ครื้น!
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงฟ้าร้องขึ้นบนท้องฟ้า
มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง นางได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้อง แต่กลับไม่เห็นฟ้าแลบ
“ในนั้นราวกับมีอะไรอยู่!” หยินเฉินชี้ไปที่ท้องฟ้า
มู่ชิงเกอหรี่ตาทั้งสองข้างมองไปยังชั้นเมฆที่พลิกผันมืดดำราวกับเห็นอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในชั้นเมฆนั้น
ราวกับว่าสาเหตุที่เมฆเหล่านี้มืดดำก็เพราะการปรากฎตัวของมัน
“ข้ารับรู้ถึงกลิ่นอายพญาเพลิงได้อีกแล้ว” หยวนหยวนพูด
ความจริง เวลานี้ไม่ต้องให้หยวนหยวนเตือน มู่ชิงเกอก็รับรู้ถึงกลิ่นอายพญาเพลิงอันรุนแรงได้แล้ว อีกทั้งนางยังรับรู้ได้ถึงต้นทางที่มาของพญาเพลิงด้วย มันอยู่หลังก้อนเมฆดำบนท้องฟ้านั้นเอง
ครื้น!
มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีก แต่พอเสียงฟ้าร้องนี้หยุด ทุ่งหญ้าประหลาดเบื้องหน้าพวกเขาก็เกิดไฟลุกโหมขึ้นมาเอง แสงเปลวเพลิงสีขาวและดำลุกโชติช่วง
“หยินหยางสองขั้ว…” มู่ชิงเกอมองเปลวเพลิงและพึมพำออกมา