ตอนที่ 727
หลียวนหญิงแพศยา
แผ่นดินเทพเหนือ มู่ชิงเกอเพิ่งเดินลงมาจากเรืออากาศก็รู้สึกถึงลมหนาวจัดที่พัดมา บนท้องฟ้าแผ่นดินนี้มีเมฆหมอกจางๆ ปกคลุมอยู่ตลอดเวลาไม่เคยจางหาย ภูมิอากาศเทียบกับแผ่นดินเทพอื่นๆ แล้วก็หนาวเย็นกว่าด้วย
ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเพื่อปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศแผ่นดินเทพเหนือ มู่ชิงเกอก็มองเห็นมั่วหยางที่มารับนาง
หนึ่งปีก่อนขณะกลับไปยังดินแดนฮ่วนเยวี่ย มู่ชิงเกอให้หยินเฉินนำหญิงสาวทั้งสี่จากไปก่อน โดยแยกไปตามแผ่นดินเทพที่ต่างกันไป ส่วนองครักษ์เขี้ยวมังกรกับองครักษ์ปีกมังกรต่างถูกปล่อยออกมาก่อนที่นางจะปิดประตูบำเพ็ญแล้วแยกย้ายกันฝังตัวอยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร
พวกเขาแยกเป็นสี่หน่วยนำโดยบุคคลที่แตกต่างกัน ร่วมมือกับสี่สาวที่แยกตัวออกไปก่อนสร้างที่มั่น ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรของมู่ชิงเกอขึ้น
คนที่ส่งไปแผ่นดินเทพเหนือนั้นก็คือเซวี่ยนหย่ากับมั่วหยาง
หลังออกจากการปิดประตูบำเพ็ญมู่ชิงเกอก็ออกจากดินแดนฮ่วนเยวี่ยตามลำพัง นางจะมาแผ่นดินเทพเหนือพบกับเหล่าตระกูลมู่เหลือเดน ทั้งยังต้องผ่านแผ่นดินเทพเหนือเพื่อเข้าสู่ป่าอสูรด้วย
“คุณชาย” ไม่พบกันหนึ่งปี ขณะที่มั่วหยางพบกับมู่ชิงเกอนั้นสายตาก็ผุดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
มู่ชิงเกอพยักหน้ายิ้มน้อยๆ บอกเขาว่า “หนึ่งปีที่ผ่านมานี้เป็นอย่างไรบ้าง เคยชินกับชีวิตในแผ่นดินเทพเหนือแล้วหรือยัง”
มั่วหยางผงกศีรษะ “เคยชินแล้วทุกอย่าง มีเรื่องเดียวที่ไม่ชินคือไม่สามารถรับคำสั่งนายท่าน ไม่สามารถปรนนิบัตินายท่านได้”
“ทำสิ่งที่ข้าสั่งไว้ให้ดีก็คือการปรนนิบัติที่ดีที่สุดแล้ว” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ
“คุณชาย ตามคำสั่งท่านให้พวกเราตั้งที่มั่นอยู่ในเมืองมนุษย์ธรรมดาที่ขึ้นกับดินแดนเฟิ่งเทียน เมืองนั้นชื่อเฉาลู่ มีความเจริญมาก เป็นเมืองมนุษย์ธรรมดาที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนเฟิ่งเทียน เป็นสถานที่ที่มนุษย์ธรรมดาและมนุษย์เทพต่างมารวมตัวแลกเปลี่ยนกัน” มั่วหยางแนะนำสภาพการณ์ให้มู่ชิงเกอรับรู้
เขาเข้าใจดีว่าการที่มู่ชิงเกอให้เขาอยู่ที่นี่ แสดงว่านางเห็นความสำคัญของที่นี่มาก เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าศัตรูของตระกูลมู่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ว่าอยู่ที่แผ่นดินเทพตะวันตกหรือ เหตุใดแผ่นดินเทพเหนือหรือควรพูดว่าดินแดนเฟิ่งเทียนในแผ่นดินเทพเหนือจึงเป็นที่สนใจของมู่ชิงเกอนัก
เพียงแต่ เขาติดตามข้างกายมู่ชิงเกอมานานปีย่อมรู้นิสัยนางดี
หากควรถามก็ถาม หากไม่ควรถามก็จะไม่ถามเด็ดขาด
“อืม หนึ่งปีนี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว” มู่ชิงเกอพยักหน้าพูด
วางตัวมั่วหยางไวัที่แผ่นดินเทพเหนือทั้งยังวางตัวโย่วเหอไว้ที่แผ่นดินเทพตะวันตกไม่ใช่เพราะนางทำตามใจชอบ แต่เพราะว่าในแผ่นดินเทพตะวันตกยังมีซ่งเทียนจี๋อีกคน
สมองเขาไม่เลว โย่วเหอสามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่นั่น ทั้งรวบรวมข่าวสารข้อมูลทั้งยังดูแลองครักษ์ปีกมังกร หากวางตัวมั่วหยางไว้ที่นั่นอีก นอกจากจะมากเกินไปแล้วยังอาจเกิดการแย่งอำนาจปกครองกันเองอีกด้วย
ส่วนเซวี่ยนหย่าถึงแม้นางจงรักภักดีแต่บางครั้งก็ฉลาดมากเกินไปจึงจำต้องมีคนคอยกดไว้ มั่วหยางเป็นคนที่มู่ชิงเกอวางใจที่สุดและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ที่นี่ห่างจากเฉาลู่อีกระยะหนึ่ง คุณชายเชิญขึ้นรถเถอะ” มั่วหยางนำมู่ชิงเกอมาที่ตู้รถโดยสารคันหนึ่ง
ตู้รถนี้คล้ายของมู่ชิงเกอขณะอยู่ที่หลินชวนมาก ไม่หรูหราโอ่อ่าและไม่เป็นจุดเด่นแต่ก็ทำให้คนมองข้ามไม่ได้ ที่ลากรถเป็นสัตว์เขาเดียวสองตัวรูปร่างคล้ายม้า บนหัวมีเขาแหลมยาว ขนขึ้นเงามันจนไม่มีสีอื่นแทรก
เพียงแต่สัตว์เขาเดียวสองตัวนี้ไม่ใช่สีขาวแต่ เป็นสีแดงคล้ายกับสีเสื้อของมู่ชิงเกอมากจนดูออกได้ว่าขณะที่มั่วหยางคัดเลือกนั้นได้ลงแรงไปไม่น้อย
มู่ชิงเกอเข้าไปในตู้รถ การตกแต่งภายในเหมือนคันที่หลินชวนทุกอย่าง มั่วหยางตามขึ้นมาแต่ไม่ได้เข้าในตู้รถแต่มาเพื่อขับรถใหมู่ชิงเกอด้วยตัวเอง
“เวลานี้หยินเฉินอยู่ที่ไหน” มู่ชิงเกอนอนสบายในตู้รถ นางหามุมสบายที่สุดแล้วหลับตาพักผ่อน
นางเคยชินกับการปรนนิบัติจากโย่วเหอและฮวาเยวี่ย สาวใช้คนอื่นยากที่จะเข้าใกล้ มั่วหยางรู้จักนิสัยนางดีจึงไม่ได้เตรียมคนปรนนิบัติในตู้รถไว้
มั่วหยางแกว่งไกวแส้ให้สัตว์เขาเดียวบินไปพลางตอบคำถามมู่ชิงเกอ “ครึ่งเดือนก่อนเขามาถึงเฉาลู่ เดิมทีเขาจะรอพบคุณชาย แต่เหมือนเขาจะรับรู้อะไรบางอย่างได้จึงฝากคำพูดไว้ว่าจะไปที่ป่าอสูรก่อน และจะรอคุณชายที่ป่าอสูร”
“อืม” มู่ชิงเกอรับคำเบาๆ ไม่ได้ซักต่อ
อีกครู่หนึ่งไม่ได้ยินเสียงมู่ชิงเกอ มั่วหยางหันไปดูจึงพบว่านางหลับไปแล้ว
เรื่องเช่นนี้น้อยครั้งนักที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากนางเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีเยี่ยม คนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดี น้อยครั้งที่จะปล่อยให้ร่างกายตัวเองผ่อนคลายเต็มที่จนนอนหลับต่อหน้าคนอื่น
ที่เป็นไปได้เช่นนี้นอกจากเพราะมั่วหยางเป็นคนที่นางไว้ใจเต็มที่แล้ว ยังมีอีกอย่างคือนางเพลียมากแล้ว
เมื่อเห็นท่านอนของมู่ชิงเกอแล้ว ใบหน้าที่เย็นชานิ่งเฉยของมั่วหยางก็เผยความนุ่มนวล แววตาที่สงบนิ่งก็ผุดความอ่อนละมุนออกมา
เพียงแต่หลังจากความอ่อนโยนที่ซุกช่อนอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจปรากฎออกมาแล้วก็ถูกมั่วหยางสะกดคืนกลับไป เก็บซ่อนไว้อย่างหมดจด
สองตาของเขากลับคืนสู่ความสงบนิ่ง ละสายตากลับและตั้งใจขับรถต่อไป
เพียงแต่เขาขับรถให้ช้าลงโดยพยายามให้ตัวรถนิ่งมากที่สุดเพื่อจะได้ไม่รบกวนการพักผ่อนของมู่ชิงเกอ
พอมู่ชิงเกอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตู้รถเริ่มร่อนลงตํ่า มองเงาหลังของมั่วหยางแวบหนึ่งนางก็ลุกขึ้นเอามือแหวกม่านหน้าต่างออก เห็นเมืองใหญ่โตที่ซ่อนอยู่ใต้เมฆหมอกข้างล่าง
เมืองนี้ใหญ่โตมากจริงๆ แม้อยู่บนฟ้าก็ยังมองไม่เห็นว่าชายแดนอยู่ที่ไหน
มู่ชิงเกอประเมินดูคร่าวๆ แล้วเมืองนี้น่าจะใหญ่โตระดับแคว้น ทั้งยังเป็นเพียงเมืองมนุษย์ธรรมดา แค่นี้ก็พอจะคาดได้ถึงความกว้างขวางของแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรได้แล้ว
สัตว์เขาเดียวค่อยๆ ร่อนลง มู่ชิงเกอปล่อยม่านหน้าต่างลงแล้วเอนตัวต่อ
นอกตู้รถเริ่มได้ยินเสียงอึกทึกของฝูงชนแต่นางไม่ได้ออกไปดู นางคิดในใจ ‘หลียวน ข้าได้มาอยู่ข้างกายเจ้าในที่สุด สิ่งที่เจ้าทำไว้กับข้า ข้าจะเรียกมันคืนจากเจ้าเป็นทวีคูณ’
หลังจากได้เป็นราชาเทวะน้อยแล้ว นางย่อมสืบหาข่าวคราวของราชาเทวะหลียวนได้โดยง่ายดาย ดินแดนเฟิ่งเทียนเป็นหนึ่งในสี่ดินแดนเทพของแผ่นดินเทพเหนือ เป็นดินแดนเทพเดียวในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรที่มีราชาเทวะเป็นสตรี
ไม่ใช่เพราะหลียวนร้ายกาจมาก แต่เนื่องจากตามตำนานดินแดนเฟิ่งเทียนเป็นสายเลือดเผ่าเฟิ่งหวง ดินแดนเทพนี้จึงต้องให้สตรีสืบทอดตำแหน่งราชาเทวะ
ความจริงนั้นเป็นเช่นไรมู่ชิงเกอไม่ได้ใส่ใจ
ที่นางสนใจคือ ชีวิตของหลียวนจะต้องให้นางมารับเอาไป!
“คุณชาย พวกเราถึงแล้ว” เสียงมั่วหยางดังมาจากภายนอก
มู่ชิงเกอเก็บงำความคิดเดินออกจากตู้รถ นางไม่ได้สนใจตลาดรอบๆ ที่เจริญรุ่งเรืองครึกครื้น ยิ่งสายตาที่มองมาด้วยตื่นตะลึงในความงามนั้น นางก็ยิ่งไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
นางเพียงแค่แหงนหน้ามองไปที่ป้ายชื่อสีทองดำมืดนั้น
เฟิงหลินเยี่ยตู้—วิหารเขี้ยวมังกร!
ดูเพียงป้ายชื่อคงไม่มีใครรู้ว่าที่นี่ทำมาค้าขายอะไร ต้องเป็นคนที่เดินเข้าไปแล้วจึงรู้ว่าที่นี่ขายสุรา
อีกทั้งแขกประจำของที่นี่และพวกนักดื่มสุราจึงจะรู้ว่าที่นี่ยังสามารถค้าขายบางอย่างที่เปิดเผยไม่ได้
ที่นี่เป็นร้านที่เพิ่งเปิดเมื่อปีที่แล้ว แต่เวลานี้คนที่พอมีฐานะในเมืองเฉาลู่ต่างก็รู้ถึงความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน