ตอนที่ 728
นายน้อย แสงชัยแห่งตระกูลมู่
ที่นี่ทั้งหนึ่งปีสี่ฤดูไม่เคยว่างเว้นแขกที่มาเยี่ยมเยือน ไม่ว่าจะเป็นแขกที่มาลิ้มรสสุราหรือแขกที่ต้องการผ่อนคลายความเครียด
มู่ชิงเกอยืนอยู่นอกประตูยืมพูดว่า “มีเพียงสุราตู้คังที่สามารถคลายเครียด ที่นี่ไม่เพียงแต่มีสุราตู้คังที่คลายเครียดได้ ยังสามารถปลดเปลื้องความกังวลได้อย่างแท้จริง”
“ดังนั้นเฟิงหลินเยี่ยตู้จึงมีเงินทองไหลมาเทมา” มั่วหยางยิ้มพูด
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ เงินทองไหลมาเทมาไม่สำคัญ ที่สำคัญคือคนของนางและคมดาบของนางสามารถแทรกเข้ามาในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรได้อย่างเงียบเชียบแล้ว
ขณะที่ทั้งคู่คุยกันอยู่ สาวงามที่ร้อนแรงนางหนึ่งก็เดินนวยนาดออกมาปรากฎตัวอยู่หน้าประตูแล้วพูดว่า “นายน้อย ข้าคิดว่าจะออกมาต้อนรับแต่ไม่นึกว่าท่านจะมาถึงแล้ว”
พูดแล้วนางโน้มตัวทำความเคารพมู่ชิงเกอแล้วพูดว่า “ให้นายน้อยคอยนานเป็นความผิดของเซวี่ยนหย่า”
มู่ชิงเกอเย้าว่า “เป็นเถ้าแก่เนี้ยมาหนึ่งปี พูดจาคล่องแคล่วไหลลื่นกว่าแต่ก่อนมากนัก”
เซวี่ยนหย่ายิ้มพูดว่า “ข้าฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี นายน้อยเชิญข้างในเถอะ ห้องของท่าน เซวี่ยนหย่าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างล้วนจัดตามที่นายน้อยชื่นชอบ”
มู่ชิงเกอเองก็ไม่อยากยืนอยู่นอกประตูให้เป็นที่เพ่งเล็งของผู้คนเช่นกัน
ใบหน้านางนั้นไม่ว่าจะไปถึงไหนก็ล้วนเป็นเป้าสายตาของความชื่นชมทั้งนั้น
นางตามเซวี่ยนหย่าเดินเข้าไปในเฟิงหลินเยี่ยตู้ ในเมื่อที่นี่ถูกเรียกว่าวิหารจึงเป็นสถานที่ไม่ใช่ใครก็มาได้ ไม่ว่าดื่มสุราหรือมีความประสงค์อื่นล้วนแต่เป็นผู้ที่มีระดับทั้งสิ้น
ดังนั้นการตกแต่งภายในจึงงดงามประณีต เงียบสงบไม่เหมือนโรงสุราแห่งอื่นๆ ที่เข้าไปถึงก็มีแต่เสียงอึกทึกสร้างความรำคาญ
เซวี่ยนหย่าพามู่ชิงเกอตรงเข้าไปยังที่พักด้านหลัง
ส่วนนี้เป็นสถานที่พักอาศัย ใต้ที่พักด้านหลัง ยังมีบ้านถํ้าซ่อนเร้นอยู่ ที่นั่นจึงจะเป็นแกนกลางบริเวณลับเฉพาะของพวกเขา สิ่งปลูกสร้างด้านบนเพียงเพื่ออำพรางคนทั่วไปเท่านั้น
แต่ว่าเมื่อเทียบกับพวกตระกูลมู่เหลือเดนบนแผ่นดินเทพมารแล้ว พวกเขายังดีกว่ามากมายนัก ไม่ต้องหลบซ่อนอยู่ได้พื้นดินเพื่อหลบหนีการจับกุม พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยภายใต้แสงอาทิตย์ กระทั่งสามารถไปมาระหว่างเมืองต่างๆ ได้
มู่ชิงเกอเข้ามาอยู่ในแผ่นดินเทพมารนานถึงเพียงนี้แล้ว ทั้งยังเป็นราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ย การได้ป้ายรับรองมนุษย์เทพบ้างมนุษย์ธรรมดาบ้างจึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายดายมาก
“นายน้อยลองดูว่าชอบใจหรือไม่ หากไม่ชอบ เซวี่ยนหย่าจะตกแต่งใหม่ทันที” เซวี่ยนหย่านำมู่ชิงเกอไปยังห้องที่เตรียมไว้ให้นางแล้วบอกนางเช่นนี้
มั่วหยางก็ตามเข้ามาด้วยและยืนสงบนิ่งอยู่ในห้อง
มู่ชิงเกอพิจารณารอบๆ แล้วผงกศีรษะนิดๆ “อืม ไม่เลว”
นางเดินไปที่ตำแหน่งประธานในห้อง สะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งพิงพนักเก้าอี้ นางมองไปที่เซวี่ยนหย่า “ที่ข้าให้เจ้ารวบรวมข่าวสารราชาเทวะหลียวนแบบลับๆ เจ้ารวบรวมมาได้เท่าไหร่แล้ว”
เซวี่ยนหย่าค้อมกายตอบด้วยความเคารพว่า “ราชาเทวะเฟิ่งเทียนหลียวนรับตำแหน่งราชาเทวะเมื่อหมื่นปีก่อน ว่ากันว่า ครั้งนั้นราชาเทวะเฟิ่งเทียนเก่าสิ้นลงเพราะบรรพชนตระกูลมู่ ดินแดนเฟิ่งเทียนจึงยกหลียวนราชาเทวะน้อยขึ้นนั่งบัลลังก์ราชาเทวะ ตลอดเวลาที่ผ่านมานางไม่เคยทำอะไรบกพร่อง เป็นตัวอย่างที่ดีให้เหล่าสตรีดินแดนเฟิ่งเทียน ภาพลักษณ์ที่นางมีต่อผู้คน คือสูงส่ง ดีพร้อม สวยงาม บริสุทธิ์ เปี่ยมเมตตา”
“ฮึ” มู่ชิงเกอฮึออกมา สูงส่ง ดีพร้อม สวยงาม บริสุทธิ์ เปี่ยมเมตตา? แต่ละอย่างทั้งหมดนี้ หากเจ้าหลียวนมีสักนิดก็คงไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายของคนอื่น
สิ่งที่หลียวนกระทำต่อซือมั่ว ทำให้ในความรู้สึกของมู่ชิงเกอมองหลียวนด้อยค่ามาก
เสียงฮึของมู่ชิงเกอทำให้เซวี่ยนหย่าหยุดลง ไม่ได้พูดต่อ
จนมู่ชิงเกอมองมา นางจึงพูดต่อว่า “เพียงแต่ระยะนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางจึงรับลูกศิษย์ชายมากมาย ในดินแดนเฟิ่งเทียนถึงแม้มีทั้งลูกศิษย์ชายหญิง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกศิษย์หญิงมีมาก ลูกศิษย์ชายมีน้อย ได้ยินว่าลูกศิษย์ชายที่หน้าตาหล่อเหลาจึงจะสามารถเข้าไปบำเพ็ญในดินแดนเฟิ่งเทียนได้”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วแล้วถามตัวเองว่า ‘หลียวนผู้นี้จะทำอะไรอีก หรือว่าแย่งผู้ชายไม่สำเร็จจนเจ็บใจ เลยต้องอาศัยผู้ชายมาปลอบขวัญ?’
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้พวกเรายังไม่สามารถสืบได้ ขอนายน้อยโปรดให้อภัย” เซวี่ยนหย่าก้มศีรษะพูด
มู่ชิงเกอโบกมือว่า “ไม่เป็นไร เวลาสั้นๆ เพียงปีเดียวเจ้าต้องสร้างฐานะที่มั่นคงให้เฟิงหลินเยี่ยตู้ ทั้งยังต้องตรวจสอบหลียวน การมีข่าวสารออกมาได้ถือว่าทำได้ยากมากแล้ว ต่อไปเพียงคอยเฝ้าดูก็พอแล้ว”
“ได้ ข้าน้อยเตรียมการไว้ว่าผ่านไปอีกสักระยะหนึ่งจึงจะคัดเลือกองครักษ์เขี้ยวมังกรสักสองคนลอบเข้าไปในดินแดนเฟิ่งเทียนเพื่อสืบหาข่าว” เซวี่ยนหย่าพูด
มั่วหยางมองนางแล้วหลุบตาลงไม่ได้พูด
มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะภายใต้สายตารอคอยคำตอบของเซวี่ยนหย่า “ไม่ต้องหรอก เจ้าทำเรื่องที่เจ้าควรทำ ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
เซวี่ยนหย่าหลุบตารับคำ “เจ้าค่ะ”
“ตระกูลมู่ที่เหลือมาแล้วหรือยัง” มู่ชิงเกอถามอีก
เรื่องของหลียวนไม่ต้องรีบ ครั้งนี้นางมาเพราะเรื่องตระกูลมู่ที่เหลือ
เซวี่ยนหย่าตอบว่า “มาถึงแล้ว ข้าให้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในห้องลับรอให้นายน้อยมาถึง”
“มากันเท่าไร” มู่ชิงเกอถามอีก
“พวกเขาแยกกันมาทงหมดสิบกว่าชุด รวมแล้วร่วมพันคน” เซวียนหย่าพูดอีก
“มีเพียงร่วมพันคนหรือ?” มู่ชิงเกอพูดเบาๆ ครั้งนั้น ตระกูลมู่แข็งแกร่งตั้งเท่าไรแต่สุดท้ายแล้วก็โดนฆ่าล้างตระกูล ตระกูลที่เหลือในแผ่นดินเทพมารต้องหลบซ่อนตามที่ต่างๆ มาหมื่นปีถูกบั่นทอนกำลังลงไปตลอดเวลาจนเหลือแค่ร่วมพันคนเท่านั้น
แววตามู่ชิงเกอผุดแววมืดมน
นางไม่รู้ว่าในหมื่นปีนี้ผู้เฝ้ามองซวีซิวได้ใช้ความพยายามไปแล้วเท่าไรเพื่อรักษาประกายไฟอันน้อยนิดนี้ ที่นางรู้คืออำนาจบารมีของใครก็ตาม ไม่ใช่จะได้มาในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
ถึงแม้ซวีซิวยอมรับการละทิ้งอำนาจ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ตระกูลมู่เดนตายร่วมพันต้องยอมรับการละทิ้งอำนาจของเขาและยอมรับการนำของนางด้วย
มิฉะนั้นแล้วจะกลายเป็นทรายที่กระจัดกระจาย ตระกูลมู่ที่ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่าง ระแวงกันจะมาฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้า ฟื้นฟูความยิ่งใหญ่กลับคืนได้อย่างไร
“ดี นำข้าไปพบพวกเขา” มู่ชิงเกอลุกขึ้นจากเก้าอี้
เซวี่ยนหย่าพูดอย่างสงสัยว่า “นายน้อยไม่พักผ่อนก่อนหรือ”
“ไม่ต้องแล้ว” มู่ชิงเกอสั่นศีรษะ
เซวี่ยนหย่าผงกศีรษะ นำมู่ชิงเกอไปยังห้องลับใต้ดินอย่างเชื่อฟัง
ห้องลับใต้ดินถูกสร้างให้ดูวุ่นวายสับสนทั้งจัดวางอย่างแนบเนียน ซุกซ่อนมิดชิด หากไม่มีผู้นำทาง ก็จะหลงทางได้อย่างง่ายดาย
เซวี่ยนหย่านำทางข้างหน้า มู่ชิงเกอตามอยู่ข้างหลัง มั่วหยางพร้อมด้วยองครักษ์เขี้ยวมังกรอีกสิบคนต่างตามติดอยู่ด้านหลังนาง
พวกเขาเดินมาถึงวังใต้ดิน ตำหนักใหญ่ที่ถึงแม้จะอยู่ลึกใต้พื้นดินมีแสงมุกส่องสว่างราวกับเวลากลางวัน
ในตำหนักมีคนยืนอยู่ราวพันคน
นอกจากตระกูลมู่เหลือเดนที่แยกกันมาจากแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว ยังมีองครักษ์เขี้ยวมังกรซึ่งเป็นกองกำลังของมู่ชิงเกอเองด้วย
มีคนยืนอยู่ที่นี่ร่วมพันคนแต่กลับไม่รู้สึกว่าเบียดเสียดแต่อย่างใด
ขณะที่มู่ชิงเกอเดินเข้ามา สายตาทุกคนก็มองไปที่นางพร้อมกัน…