Skip to content

พลิกปฐพี 745

ตอนที่ 745

ป่าในภูเขา อสูรในป่า

เช้าวันรุ่งขึ้นชูเนี่ยนเพิ่งเปิดประตูห้องก็เห็นมู่ชิงเกอยืนอยู่นอกประตูห้องตัวเอง

แววตานางผุดแววสงสัยแล้วถามว่า “ชิงเกอ เหตุใดจึงมาเช้านักเล่า”

“ข้าจะบอกเจ้าว่า ข้าเตรียมจะออกเดินทางไปยังป่าอสูรตอนนี้ เจ้าจะไปด้วยกันไหม” มู่ชิงเกอถาม

ชูเนี่ยนถามว่า “เหตุใดจึงรีบร้อนนัก”

“รีบร้อนอยู่บ้างจริงๆ นั่นแหละ” มู่ชิงเกอพยักหน้ายิ้ม

ชูเนี่ยนคิดแล้วก็บอกนางว่า “ก็ได้ พวกเราไปลาราชาเทวะเฟิ่งเทียนกันเถอะ”

พูดแล้วนางก็คิดจะไปยังวังราชาเทวะ

“ชูเนี่ยน” มู่ชิงเกอเรียกนางไว้

ชูเนี่ยนมองมู่ชิงเกออย่างงงๆ

“ไม่ต้องบอกลาแล้ว” มู่ชิงเกอว่า

ชูเนี่ยนพูดด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ”

“ข้าได้บอกลาเมื่อคืนนี้แล้ว อีกทั้งราชาเทวะเฟิ่งเทียนคงไม่อยากเห็นหน้าข้าแล้วด้วย อืม… อาจจะไม่ว่างพบเจ้าด้วย” มู่ชิงเกออธิบาย

ชูเนี่ยนงุนงงกับคำพูดมู่ชิงเกอมาก

แต่นางก็ยังเลือกที่จะเชื่อมู่ชิงเกอ ดังนั้นนางจึงพยักหน้าว่า “ได้ เช่นนั้นพวกเราไปเลย ดินแดนเฟิ่งเทียนห่างจากป่าอสูรเพียงระยะเดินทางไม่กี่วัน หาก

พวกเราเร่งความเร็ว ไม่ถึงสามวันก็น่าจะเข้าเขตป่าอสูรได้แล้ว”

ดี ไปเถอะ” มู่ชิงเกอพยักหน้าพูด

ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางมุ่งหน้าไปยังทางออกดินแดนเฟิ่งเทียน

ขณะที่พวกนางออกไปหลียวนยังหลับฝันอยู่ เมื่อคืนหลังจากมู่ชิงเกอออกไปแล้ว นางก็อัดอั้นตันใจอยู่นาน อารมณ์ที่บอกไม่ถูกนี้ทำให้นางไม่รู้สึกง่วงนอน

นางทั้งอยู่หน้ากระจกมองดูตัวเองที่ลบเครื่องประทินโฉมออก ดูอย่างไรก็ไม่ชินจึงต้องเรียกสาวใช้มาแต่งหน้าให้

จนในกระจกปรากฎใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ ชนิดหาที่ติไม่ได้แล้วนางจึงรู้สึกสบายใจขึ้น จากนั้นก็ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร

ในฝัน นางฝันสวยงามมาก ชายที่อยู่ในใจนางตลอดเวลาปรากฎตัวขึ้นในฝัน ทั้งยังยิ้มรักใคร่ให้นาง

นางไม่เคยเห็นเขายิ้มมาก่อน เพียงแต่วาดภาพในใจว่าเวลาเขายิ้มคงน่าดูยิ่งนัก

รอยยิ้มของเขาในฝันเป็นไปตามที่นางวาดภาพไว้ในใจจริงๆ

“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว ยอมมาอยู่ข้างกายข้า เจ้ารู้ไหมว่า ไม่ว่าเจ้าจะไร้นํ้าใจเท่าไร ในใจข้า เจ้ายังคงเป็นชายที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีเพียงเจ้าที่คู่ควรกับข้าเท่านั้น” หลียวนในฝัน พูดกับชายที่ปรากฎในฝันเช่นนี้

ในความรู้สึกสะลึมสะลือนั้นทำให้นางแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริง

ชายคนนั้นเข้ามาใกล้นางเรื่อยๆ

ยิ่งเข้าใกล้นางก็ยิ่งได้กลิ่นหอมพิเศษในตัวเขาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

กลิ่นหอมพิเศษนั้นทำให้นางหลงใหลเคลิบเคลิ้มจนนางไม่อยากตื่นขึ้นมา นางสูดลมหายใจลึกแล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “ข้าชอบกลิ่นบนตัวเจ้าจริงๆ เลย”

“หากเจ้าชอบข้า เหตุใดเจ้ายังคิดสังหารข้า คิดทำร้ายข้า” ชายเบื้องหน้าเอ่ยปากแล้ว แต่พอเอ่ยปากกลับไม่ใช่คำหวานดังที่นางคาดหวังไว้กลับกลายเป็นคำคาดคั้นนาง

หลียวนเบิกตาโต มองชายที่หุบยิ้มแล้ว อธิบายเสียงหลงว่า “ไม่ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นนะ! หากเจ้าตกลงแต่งงานกับข้า ตกลงละทิ้งดินแดนมารมาอยู่ร่วมกับข้าที่ดินแดนเฟิ่งเทียน หรือให้ข้าไปยังดินแดนมารเป็นชายาเจ้า ข้าก็จะไม่โกรธไม่ใช้อารมณ์ไม่ทำร้ายเจ้า ไม่ให้เจ้าบาดเจ็บ”

ใบหน้างดงามไม่มีที่ติปรากฎความเย็นเฉียบที่นางคุ้นเคยขึ้น

ขณะที่นางตื่นตกใจ มือของชายคนนั้นพลันกำมีดพกคมกริบเข้าแทงที่หัวใจนางอย่างแรง “ข้ามาเพียงเพื่อสังหารเจ้าล้างแค้น!”

หลียวนก้มหน้ามองหน้าอกตัวเองที่มีเลือดไหลออกมาพลางร้องลั่นว่า “ไม่!”

“ไม่!” หลียวนดิ้นรนตื่นขึ้นมาจากความฝัน แล้วผุดลุกขึ้นมานั่ง

สายตานางยังคงสะท้อนห้องนอนของนาง แผ่นหลังนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ภาพที่คุ้นเคยทำให้นางค่อยๆ สงบลง แต่ในสมองนั้นยังมีความฝันนั้นค้างคาอยู่ ทำอย่างไรก็ไม่ยอมเลือนหายไป

บริเวณหัวใจ จุดที่ถูกมีดพกแทงเข้าไปในฝัน ราวกับยังคงรู้สึกเจ็บปวด

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ หากเขาจะฆ่าข้า ขณะที่คลายตราผนึกก็คงมาที่ดินแดนเฟิ่งเทียนแล้ว เขาไม่ได้มาก็แสดงว่าเขาไม่ได้โกรธแค้น อาจเพราะเขาเข้าใจดี ถึงจิตใจของข้าที่มีต่อเขา…” หลียวนนั่งอยู่บนเตียง และพึมพำ

แต่ทันใดนั้นนางก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่! หากเขาเข้าใจ แล้วเหตุใดจึงทำให้ข้าต้องรับแรงสะท้อน กลับด้วย…ไม่ ไม่ใช่…เขาไม่รู้ว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะถูกแรงสะท้อนกลับใช่ไหม เขาฆ่าข้าไม่ลง…ฆ่าไม่ลง… ในโลกนี้ หากไม่มีข้าแล้วยังจะมีหญิงใดคู่ควรกับเขาได้อีก เขาจะต้องรู้อยู่แก่ใจ”

หลียวนพูดคนเดียวตลอดเวลาเพื่อปลอบใจตัวเอง

จนนางตื่นขึ้นมาจากความฝันคิดจะเรียกสาวใช้มาชำระร่างกาย ขณะที่ยกมือขึ้นนางก็เห็นผิวหนังที่มือตัวเองหย่อนยานแห้งด้านราวกับเปลือกต้นไม้เฉาตาย

“กรี๊ด!” หลียวนร้องด้วยความตกใจ นางคลำดูใบหน้าตัวเอง พบว่าใบหน้าเองก็เปลี่ยนเป็นหย่อนคล้อย แม้กระทั่งผมที่ตกลงบนเตียงก็กลายเป็นสีดอกเลาที่แห้งเฉาอีกด้วย

เสียงร้องตกใจทำให้สาวใช้ที่รอปรนนิบัติอยู่นอกประตูวังกรูกันเข้ามา

แต่ไม่ทันที่พวกนางจะเข้าไปใกล้ก็ถูกหลียวนตวาดให้ถอยไป “ออกไป! ไสหัวออกไปให้หมด!”

เหล่าสาวใช้ไม่ทันรู้อะไร กำลังจะออกไปก็ถูกนางเรียกให้หยุด

“รอก่อน! เอากระจกมาให้ข้า กระถางกำยานด้วย!” หลียวนสั่งสาวใช้ผ่านม่านมุ้งบนเตียง

เหล่าสาวใช้ไม่กล้าชักช้า ค้อมตัวนำกระจกกับกระถางกำยานมาที่เบื้องหน้าหลียวนแล้วจึงรีบถอยออกไป หลียวนอยู่บนเตียงคนเดียวและหยิบกระจกมาส่องดูหน้าตัวเอง

เมื่อกระจกปรากฎใบหน้าที่แก่ชราหาใดเปรียบขึ้น ก็ทำให้นางรู้สึกว่าน่าเกลียดยิ่งนัก ถึงแม้นางจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ร้องกรี๊ดเสียงแหลมออกมาอยู่ดี

เที่ยงวันที่สี่หลังออกจากดินแดนเฟิ่งเทียน มู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนก็มาถึงชายแดนป่าอสูรกับดินแดนเฟิ่งเทียน

ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าหลักเขตโดยที่ยังไม่ได้เข้าไปในป่าอสูรในทันที

“ขึ้นไปข้างหน้าอีกก็เป็นป่าอสูรแล้ว”ชูเนี่ยนบอกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองไป ที่สะท้อนเข้ามาในสายตา ล้วนเป็นเทือกเขาติดต่อกันไม่จบสิ้น เมื่อยืนอยู่ที่นี่ไม่ สามารถเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของป่าอสูรได้

“ถึงแม้ข้าจะไม่เคยมาที่นี่ แต่จากหนังสือโบราณก็พอรู้ว่าป่าอสูรเป็นดินแดนเผ่าอสูร ต่างกับพวกเราเผ่าเทพ พลเมืองพวกเขามีทั้งเผ่าอสูรที่แปลงร่างแล้ว กับเผ่าอสูรที่ยังไม่ได้แปลงร่าง อีกทั้งที่นี่ไม่มีเมืองเช่นพวกเราเผ่าเทพ ล้วนใช้ภูเขาเป็นที่พักใช้ป่าเป็นตลาด เทียบกับเผ่าเทพแล้วเรียบง่ายกว่ามาก” ชูเนี่ยนพูดช้าๆ

“ข้าก็ไม่เคยมา แต่ได้ยินว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ดี” มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ

“ใช่แล้ว เพื่อนเจ้าจะรอเจ้าที่ไหนหรือ” ชูเนี่ยนถาม

มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ บอกนางว่า “พอข้าเข้าไปในป่าอสูรแล้ว เขาย่อมจะมาสมทบกับข้าเอง”

นางกับหยินเฉินมีพันธสัญญากัน หลังจากนางเข้าไปในป่าอสูรแล้วหยินเฉินก็จะรับรู้ถึงการมาของนางได้

ถึงเวลานั้นทั้งคู่ย่อมติดต่อกันได้เอง

“เช่นนั้นพวกเรา…” ชูเนี่ยนพูดอย่างลังเล

“พวกเราไปยังสถานที่ที่เจ้าอยากไปกันก่อน” มู่ชิงเกอยิ้มพูด

ชูเนี่ยนยิ้มจนสองตาหยีเหมือนจันทร์เสี้ยวแล้วพยักหน้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!