Skip to content

พลิกปฐพี 849

ตอนที่ 849

จิตใจโหดเหี้ยมนัก

“เวลานี้ข้าไม่มีคุณสมบัติจะพูดกับราชาเทวะหรือ” มู่ชิงเกอพูดเยาะเย้ย

คำถามนี้กลับทำให้สีหน้าเส้าเทียนเครียดจนน่าเกลียดมากขึ้น

“ดี ดี ดี นึกไม่ถึงว่าหมื่นปีให้หลังตระกูลมู่จะมีคนรุ่นหลังเช่นนี้ อายุเพียงน้อยนิดก็สามารถเข้าถึงขั้น ศักดิ์สิทธิ์ชั้นเจ็ด นับว่ามีพรสวรรค์ฝืนชะตาฟ้าจริงๆ!” เส้าเทียนกัดฟันพูด

“ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเจ็ด!”

“นายน้อยตระกูลมู่คนนี้ ราชาเทวะเก้าชั้นฟ้า เวลานี้ถึงขนาดเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเจ็ด”

“เขาเพิ่งมีอายุเท่าไรกันนะ”

“สวรรค์! พรสวรรค์ระดับปีศาจ!”

“เรื่องราวเล่าลือของคนผู้นี้รู้กันไปทั่วแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร พรสวรรค์เหนือธรรมดาไม่มีใครเทียบได้จริงๆ!”

ทั้งคำพูดของเส้าเทียนทั้งพลังบารมีที่มู่ชิงเกอเปล่งออกมาทำให้ผู้ติดตามมาข้างหลังนับล้านคนฟื้นคืนสติ ความสนใจของพวกเขาแต่เดิมนั้นถูกดึงดูดโดยศีรษะบนธงเลือดที่มู่ชิงเกอถือ โดยลืมสนิทไปว่าตัวคนถือธงนั้นก็คือคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์เหล่านี้

เรื่องเล่าลือเกี่ยวกับมู่ชิงเกอในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรยังมีน้อยไปนักหรือ

เส้าเทียนไม่ได้ใส่ใจต่อความสั่นสะท้านด้านหลัง เขามองไปทางราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย หัวเราะเยาะเย้ยว่า “ฮ่วนเยวี่ย เจ้าลงทุนลงแรงขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะบ่มเพาะคู่ต่อสู้ของตัวเองหรือ ระดับเจ้ากับข้าในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรก็เป็นอันดับหนึ่งและสองอยู่แล้ว หากข้าไม่อยู่เจ้าก็เป็นอันดับหนึ่ง ดูคนข้างๆ เจ้าไว้ วันนี้เจ้าช่วยเหลือเขาเต็มที่ วันหลังอาศัยพรสวรรค์ของเขาจะสามารถอยู่เหนือกว่าเจ้า ถึงเวลานั้นเจ้าจะกลายเป็นตัวอะไร ทำได้แค่หมอบศิโรราบอยู่ใต้เท้าเขาอาศัยลมหายใจของเขาเพื่อความอยู่รอด เจ้านึกหรือว่าเขาจะสำนึกบุญคุณเจ้าในวันนี้ ปฏิบัติต่อเจ้าดังเช่นอาจารย์ อย่าโง่ไปหน่อยเลย!”

จนป่านนี้แล้ว ราชาเทวะเส้าเทียนยังคงคิดอยากยุแหย่สร้างความแตกแยกระหว่างมู่ชิงเกอกับราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ถึงแม้เขาจะรู้แล้วอยู่แล้วว่ามู่ชิงเกอเป็นยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเจ็ด แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา

เนื่องจาก ระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเก้าเช่นเขา ถึงแม้บาดเจ็บสาหัสไม่หายดีก็สามารถเอาชนะมู่ชิงเกอได้อย่างง่ายดาย

แต่หากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยลงมือด้วยเล่า

ระดับพวกเขาทั้งคู่แต่เดิมก็พอๆ กันอยู่แล้ว หากลงมือเต็มที่…

หลังจากราชาเทวะเส้าเทียนพูดแล้ว ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม ตาหงส์มักมีอาการเกียจคร้านที่เป็นมาแต่กำเนิด “เส้าเทียน ฝีมือยุแยงตะแคงรั่วของเจ้าความจริงก็ไม่สูงส่งเท่าไหร่นะ”

เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาที่มุ่งร้ายของเส้าเทียน

“เจ้าช่วยเขามากเช่นนี้จะได้รับผลประโยชน์อะไรกันแน่” เส้าเทียนอดไม่ได้ถามขึ้นมา

ผลประโยชน์หรือ

ขณะที่ราชาเทวะเส้าเทียนถามคำถามนี้ มู่ชิงเกอก็ยิ้มอย่างดูแคลนส่วนราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเงียบไป แม้แต่สามราชาเทวะที่ซ่อนในที่ลับ หลังจากสบตากันแล้วต่างก็รักษาความเงียบไว้

“ตระกูลมู่เหลือเดนอย่างเขาต่อให้มีพลังฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้าได้แล้วจะมีปัญญาให้อะไรเจ้าได้!” เส้าเทียน เห็นราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเงียบไปจึงเปิดปากอีกครั้ง

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหลังจากเงียบไปแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงบนิ่งในที่สุดว่า “สิ่งที่เขาให้นั้น เจ้าไม่มีวันให้ได้”

ใช่แล้ว มู่ชิงเกอสามารถแบ่งปันเคล็ดวิชาเทวะได้ เส้าเทียนจะมีปัญญาหรือ

สามราชาเทวะในที่ซ่อนต่างพยักหน้ายอมรับ ยังไม่ต้องพูดถึงครั้งที่เส้าเทียนวางแผนมากมายลอบจู่ โจมเก้าชั้นฟ้าฆ่าล้างตระกูลมู่จนหมดสิ้นก็ยังไม่ได้เคล็ดวิชาเทวะ ต่อให้ได้มาแล้วเขาจะยอมแบ่งให้คนอื่นได้ดูหรือ

“พวกเจ้าว่ามู่ชิงเกอคนนี้จะยอมทำตามที่รับปากไหม” ราชาเทวะซุยขิงถามสองคนข้างๆ กะทันหัน

ราชาเทวะจินกวงว่า “เขาเป็นฝ่ายเสนอเอง หากทำไม่ได้จะไม่กลัวพวกเราร่วมมือกันเล่นงานหรือ”

ราชาเทวะเฝินไห่พยักหน้าเห็นด้วย “ในเมื่อเขาพูดจริงจังแล้วคงไม่กลับคำ พวกเราคอยดูกันต่อก็แล้วกัน”

“อะไรที่ข้าไม่มีปัญญาให้ได้” เส้าเทียนคำรามด้วยความเหี้ยมโหด

เขาไม่เชื่อว่าภายในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรนี้ ยังจะมีอะไรที่เขาไม่มีปัญญาให้ได้

แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่ได้พูดอีก เพียงมองเขาด้วยสายตานิ่งสงบ

ทันใดนั้นสมองเส้าเทียนก็สว่างวาบเกิดคำตอบเด่นชัดลอยอยู่ในสมอง ‘เคล็ดวิชาเทวะ!’

ผู้สืบทอดตระกูลมู่ผู้นี้ถึงขนาดใช้เคล็ดวิชาเทวะเป็นเดิมพัน เชื้อเชิญราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยมาเล่นงาน เขา

“ฮ่วนเยวี่ย เจ้าเองก็มีอายุร่วมแสนปีแล้วยังไร้เดียงสาปานนี้อีก คำพูดเพ้อฝันเช่นนี้ก็ยังเชื่อหรือ!” ดวงตาเส้าเทียนหรี่ลงมีประกายแวววับพุ่งออกมา

“ข้าเชื่อ” แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดเพียงเท่านี้

“ไม่ต้องเสียเวลากับเขาอีก เขาเพียงคิดถ่วงเวลาเท่านั้น” มู่ชิงเกอหันมองราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย แล้วกล่าว

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพยักหน้านิดๆ

สายตามู่ชิงเกอย้ายไปมองเส้าเทียน พูดเสียงเย็นเฉียบ “วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะพูดจนฟ้าถล่มดินทลายสุดท้ายแล้วก็หนีความตายไม่พ้น”

“เจ้านึกว่าข้าจนปัญญากับค่ายกลนี้ของเจ้าหรือ” เส้าเทียนพูดเสียงโหดขึ้นมากะทันหัน

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว แววตาที่ใสแจ๋วเปลี่ยนแปลงไป

“ฮ่าๆๆ!” เจ้านึกว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถกักขังข้าได้ เจ้านึกว่าเชิญฮ่วนเยวี่ยมาแล้ว ข้าคงตายอย่างไม่ต้องสงสัยหรือ” เส้าเทียนแหงนหน้าหัวเราะลั่น

ทันใดนั้นเขาก็มองฮ่วนเยวี่ยด้วยสายตาเหี้ยมโหด กัดฟันพูดว่า “ฮ่วนเยวี่ย ข้าให้โอกาสเจ้าไปแล้ว เจ้ากลับไม่รู้จักคว้าไว้ เช่นนั้นก็ร่วมกันสังเวยดินแดนเส้าเทียนแล้วกัน!”

แย่แล้ว

ตาดำมู่ชิงเกอหดลงทันที ดึงราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยที่กำลังระวังตัวให้ถอยหลังออกไปทั้งออกคำสั่ง “ทุกคนรีบถอยหลังทันที!”

คำสั่งฉับพลัน

หลายปีดีดักที่มู่ชิงเกอเข้มงวดทางวินัยต่อลูกน้องทั้งหลาย ยามนี้จึงเห็นผลในทันที

คนหลายหมื่นยังไม่ทันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นร่างกายก็เคลื่อนไหวเร็วกว่าสมอง ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วตามคำสงมู่ชิงเกอ

ส่วนพวกที่ตามแห่มาอยู่ไกลๆ ร่วมล้านคน ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

พวกเขาได้ยินคำพูดมู่ชิงเกอแต่ไม่ได้ขยับตัว

ส่วนพวกลูกศิษย์ดินแดนเส้าเทียนสีหน้าเหมือนยังไม่รับรู้อะไรและไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ

ราชาเทวะเส้าเทียนหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม กระบี่ยาวในมือสลายไป ชูสองแขนขึ้นสูงแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างคลุ้มคลั่ง

เสียงหัวเราะของเขาทำให้เหล่าลูกศิษย์ดินแดนเส้าเทียนหวาดหวั่นขึ้นมา แต่ละคนมองไปที่ราชาเทวะของพวกเขาด้วยความหวาดกลัว

“ตาย! ตายกันให้หมด!” เส้าเทียนพูดอย่างบ้าคลั่ง

“เขาจะทำอะไร!” ราชาเทวะเฝินไห่พูดในที่ซ่อนตัว

นัยน์ตาราชาเทวะชุ่ยซิงนิ่งไป ร้องเสียงหลงว่า “แย่แล้ว เขาจะให้ลูกศิษย์ในดินแดนระเบิดตัวเอง เพื่อทำลายค่ายกลนี้แล้วหาโอกาสหลบหนีไป”

“เขาไม่กล้าสู้กับฮ่วนเยวี่ยขนาดนี้ แต่กลับคิดหาวิธีหนีที่บ้าระห่ำเช่นนี้!” ใบหน้าของราชาเทวะจินก วงไม่อยากจะเชื่อ

อ๊าก!”

ภายในสิ่งกีดขวาง ลูกศิษย์ดินแดนเส้าเทียนนับไม่ถ้วนเริ่มร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา

พลังเทพพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันโดยไม่สนใจร่างกายที่รองรับ ทะลักเข้าสู่ร่างกายสุดชีวิต อึดอัดจนร่างกายพวกเขาแทบจะระเบิด

“อ๊าก! ข้ายังไม่อยากตาย!”

“ราชาเทวะช่วยข้าด้วย!”

“ร่างกายข้า! ร่างกายข้า!”

ภายในดินแดนเส้าเทียน มู่ชิงเกอยังไม่ทันเริ่มเข่นฆ่าก็ตกอยู่ในความชุลมุนแล้ว

ราชาเทวะเส้าเทียนใช้พลังเทพที่ดึงออกมา อัดเข้าไปในร่างกายของเหล่าลูกศิษย์อย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายพวกเขาพองขึ้นมาจนคล้ายกับลูกบอลทั้งแสดงท่าทางทุกข์ทรมานแสนสาหัส

ปัง! ปัง! ปัง!

ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ต่างทนไม่ไหวร่างกายระเบิดอยู่กับที่ พลังที่รุนแรงพุ่งเข้าหาสิ่งกีดขวาง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!