Skip to content

พลิกปฐพี 938

ตอนที่ 938

สิ่งที่พวกข้าเห็น

ดวงตาหยวนหยวนเรียบนิ่ง พยักหน้าจากไปพร้อมกับพวกซวีซิว

ที่เผ่าฝู หยวนหยวนเคยสู้รบกับเผ่าฝูด้วยตัวเอง เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะฆ่าพวกเขาจนสิ้นซากได้

มู่ชิงเกอมองส่งคนทั้งสามจากไป จากนั้นก็เริ่มก้มหน้าก้มตา ลงในกองเอกสารหลายกอง

ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา นางเหลือบตาขึ้นมอง กลับมองเห็นซือมั่วที่ถือถาดหนึ่งใบในมือ ในถาดของว่างงามประณีต มู่ชิงเกอมองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของโย่วเหอ

“แม้จะรู้ว่าไม่หิว แต่ก็ทานอะไรหน่อยจะได้มีแรง” ซือมั่ววางถาดลงกล่าวกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ “ทำไมเจ้าไม่พักผ่อนต่ออีกหน่อย”

ซือมั่วกวาดสายตาผ่านโต๊ะที่ระเกะระกะเล็กน้อย กล่าวช้าๆ “ภรรยาของข้ากำลังยุ่ง ข้าจะหลับลงได้อย่างไร”

“ไม่เหมือนกัน ที่นี่คือเก้าชั้นฟ้า ตอนที่ข้าอยู่แดนมาร เจ้าไปทำธุระข้า ก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจเจ้า” มู่ชิงเกอ กล่าวอย่างหยอกล้อ

นางยื่นมือออกมาหยิบของว่างหนึ่งชิ้นในถาดเข้าปาก

ความรู้สึกตอนที่เข้าไปในปากต่างจากความรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อยมองของว่างในมืออย่างสงสัย แต่กลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าซือมั่วตื่นเต้นเล็กน้อย ทั้งยังมีแววตาน้อยๆ ที่ตั้งตารอ

“เป็นอะไร” ซือมั่วตีหน้านึ่งถาม

มู่ชิงเกอกล่าวตามความจริง “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าฝีมือของโย่วเหอ ถดถอยลงเล็กน้อย”

พูดจบ นางยังแสยะปาก หลังจากกินของว่างครึ่งชิ้นที่เหลือในมือแล้ว ก็บ่นพึมพำ “ดูท่าคงจะไม่ได้เข้าครัวนานแล้ว”

“อืม” ซือมั่วตอบเสียงเรียบหนึ่งครา สายตาหลุบลงเล็กน้อย

เห็นมู่ชิงเกอยื่นมือออกไปหยิบหนึ่งชิ้น ซือมั่วก็เหลือบตาขึ้นกล่าว “ในเมื่อไม่อร่อย แล้วไยต้องกินอีกเล่า”

มู่ชิงเกอละสายตามองเขาแล้วกล่าว “ข้าไม่ได้เรื่องมากเพียงนั้น อีกอย่างมันก็ไม่ได้รสชาติแย่มาก เพียงแค่ต่ำกว่ามาตรฐานนางเล็กน้อย”

ขณะที่พูด นางก็หยิบอีกหนึ่งชิ้น ส่งให้ซือมั่ว แตะตรงมุมปากเขา แล้วกล่าว “เจ้าก็กินบ้าง”

ในแววตาของซือมัวมองไม่เห็นวามผิดปกติใดๆ อ้าปากกินของว่างที่นางยื่นให้ ภายใต้การจ้องมองของมู่ชิงเกอ เพียงแต่ตอนที่ปิดปาก เขากลับตั้งใจดูดปลายนิ้วของมู่ชิงเกอเล็กน้อย

แก้มทั้งสองของมู่ชิงเกอร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว ในดวงตามีความโกรธเล็กน้อย

ทว่า ไม่รอให้นางซักถาม ซือมั่วกลับหมุนตัวลอยไปไกลแล้ว

โย่วเหอเดินเฉียดไหล่กับซือมั่วที่หน้าประตู มองเห็นแผ่นหลังที่จากไปของเขา นางก็มองประเมินอย่างสงสัยอยู่หลายครา เมื่อนางละสายตากลับมาก็ได้ยินมู่ชิงเกอพลางกินของว่างพลางกล่าวหยอกล้อ “โย่วเหอ ไม่ได้จะว่าเจ้าแต่อย่างใด แต่ทำไมฝีมือของเจ้าหลายปีมานี้จึงไม่พัฒนา แต่กลับถดถอยลงเล่า”

โย่วเหอกะพริบตาปริบๆ ในดวงตาปรากฏความไร้เดียงสา “คุณชาย ท่านหมายความว่าอย่างไร”

มู่ชิงเกอชี้ถาดบนโต๊ะ “นี่ไม่ใช่ของว่างที่เจ้าทำหรือ รสชาติแย่ลงเล็กน้อย”

โย่วเหอตกใจ จู่ๆ ก็นึกถึงแผ่นหลังที่จากไปของซือมั่ว หลุดขำเล็กน้อย หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

เมื่อนางหัวเราะ มู่ชิงเกอก็รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก “เจ้าขำอะไร”

โย่วเหอหัวเราะเสร็จก็มองมู่ชิงเกอด้วยแววตาที่มีเลศนัยหลายส่วน “คุณชาย ผู้ที่มีสติปัญญาเหนือชั้นเช่นท่าน เหตุใดถึงคิดไม่ได้เช่นนี้เล่า”

มู่ชิงเกอเคี้ยวแก้มตุ่ย ทบทวนคำพูดของโย่วเหอ

ทันใดนั้น นางก็ตาลุกวาว มองของว่างที่เหลืออยู่ไม่มากในถาดอย่างตกใจ กล่าวถาม “เจ้าจะบอกว่าของว่างนี้…”

โย่วเหอเม้มปากยิ้ม พยักหน้า ท่ามกลางความตกใจของมู่ชิงเกอ นางกล่าว “หลังงานสมรสของคุณชาย ท่านมั่วก็มารํ่าเรียนวิธีการทำของว่างที่คุณชายชอบทานกับบ่าว ”

‘ของว่างเหล่านี้คาดไม่ถึงว่าซือมั่วเป็นคนทำ ราชามารผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขา คาดไม่ถึงว่าลงมือทำอาหารให้ข้า’ มู่ชิงเกอกลืนของว่างในปากลงไปอย่างเหลือเชื่อ!

นางโบกมือให้โย่วเหอ โย่วเหอถอยออกจากตำหนักอย่างมีไหวพริบ

มู่ชิงเกอหยิบของว่างเข้าปากลิ้มรสอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าของว่างชิ้นนี้อร่อยเป็นพิเศษ ทั้งยังถูกปากนางมากเป็นพิเศษ

ราชาเทวะแต่ละคนรวดเร็วอย่างยิ่ง ข่าวที่ว่ามู่ชิเกอกับซือมั่วค้นหาที่อยู่ของเผ่าฝู อินเจวี๋ยรายงานเข้ามาแล้ว ตอนนี้พวกเขากลับมาเรียกประชุมคนทั้งหมด แน่นอนว่าต้องได้รับข่าวสำคัญ

เพียงแต่ว่า พวกเขาคิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะกลับมาเร็วเพียงนี้

หลังจากที่เห็นนาง คนที่ประหลาดใจที่สุดคือราชาเฟิ่ง ราชามังกร รวมถึงอินเจวี๋ยที่มาพร้อมโห่ว

ประโยคแรกที่เขาถามเมื่อเห็นมู่ชิงเกอก็คือ “ไม่ใช่บอกอย่างเร็วก็หนึ่งเดือน อย่างช้าก็สามเดือนหรอกหรือ”

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ กล่าวกับเขา “เหตุการณ์ค่อนข้างราบรื่น จึงกลับมาก่อนกำหนด”

แววตาของราชาฮ่วนเยวี่ย กวาดผ่านร่างมู่ชิงเกอกับซือมั่ว จากนั้นก็หลุบตา นัยน์ตาหงส์เก็บงำความรู้สึก

“ราชาเทวะมู่” ท่านกับเจ้าแห่งมารหาที่อยู่ของเผ่าฝูพบแล้วหรือ” ราชาเทวะจงซานถามอย่างตรงไปตรงมา

คำถามนี้ เป็นคำถามที่ทุกคนรอคอย สายตาคนทั้งหมดต่างตกลงบนร่างของมู่ชิงเกอกับซือมั่ว

มู่ชิงเกอมองซือมั่ว

ซือมั่วพยักหน้าให้นางเล็กน้อย

“พวกข้าหาเจอแล้วจริงๆ” มู่ชิงเกอเอ่ยปาก “กระทั้งพวกข้ายังเห็นร่างจริงของคนผู้นั้นที่แฝงตัวเข้ามาในแผ่นดินเทพมารสองครั้งแล้ว”

“แท้จริงแล้วเผ่าฝูเป็นมาอย่างไร” ราชาเทวะเฝินไห่ถามอย่างร้อนใจ

ซวีซิวกับราชครู รวมถึงคนทั้งหมดที่ใกล้ชิดกับมู่ชิงเกอต่างก็อยู่ในตำหนัก แต่ละคนต่างก็รอคอยคำอธิบายของมู่ชิงเกอด้วยความสงบนิ่งอย่างถึงที่สุด

“พูดได้ว่า เผ่าฝูเป็นเผ่าที่มีสัญญาณชีพแตกต่างจากพวกเรา” มู่ชิงเกอนิ่งเงียบครู่หนึ่ง เอ่ยปากกล่าว

“สัญญาณชีพหรือ”

“อะไรคือสัญญาณชีพ”

คำพูดของมู่ชิงเกอ ทำให้คนทั้งหมดสงสัย

มุมปากมู่ชิงเกอมีรอยยิ้มเจื่อนแวบผ่าน นางหาคำศัพท์ที่เหมาะสมมาอธิบายไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงใช้คำในชาติก่อนแทน

“แค่กๆ” นางไอสองครา ไม่ได้อธิบายคำศัพท์คำนี้ แต่กลับกล่าว “พูดง่ายๆ ว่า เผ่าฝูไม่เหมือนพวกเรา พวกเขามีหนึ่งร่างสองชีวิต”

“หนึ่งร่างสองชีวิตหรือ” ราชาเทวะจงซานมองมู่ชิงเกอด้วยสายตาประหลาดใจ

คนที่เหลือก็เผยสีหน้าตกใจออกมา

สายตาของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ก็มองมาที่มู่ชิงเกอด้วยเช่นกัน

มู่ชิงเกอพยักหน้า กวาดสายตาผ่านคนทั้งหมด กล่าวอธิบาย “พูดได้ว่า ตั้งแต่ที่พวกเขาเกิด เพศชายเพศหญิงก็หลอมรวมกัน และเผ่าฝูก็แบ่งชนชั้น ตามสีของอักขระบนหน้าผาก คนที่ไม่มีอักขระคือชนชั้นล่างสุด เหมือนกับทาสรับใช้ เหนือขึ้นไปก็เป็นอักขระสีแดง จากนั้นก็เป็นอักขระสีดำ ผู้ปกครองของ พวกเขาคือคนที่มีอักขระสีทอง

นอกจากนี้ในอักขระของพวกเขายังซ่อนพลังที่พิเศษอย่างถึงที่สุดไว้ชนิดหนึ่ง เป็นวิธีการโจมตีของพวกเขา พวกเขาแบ่งระดับชั้นชัดเจนเข้มงวดอย่างถึงที่สุด ไม่อาจข้ามชั้นได้เป็นอันขาด ตัวประหลาดเหล่า นั้นที่ปรากฎตัวในสนามรบที่แผ่นดินเทพมารก่อนหน้า เป็นเพียงแค่สิ่งจำพวกสัตว์อสูรวิญญาณของฝั่งนั้น ตัวที่แข็งแรงดั่งผาสูงเรี่ยวแรงไม่มีหมดชนิดนั้นเรียกว่า ยักษ์ ส่วนตัวที่ผอมตัวเขียว แตกตัวเป็นตัวประหลาดตัวเล็กได้ เรียกว่า โถวถัว”“ช้าก่อน…” ราชาเทวะจินกวงเรียกให้หยุดทันที “ราชาเทวะมู่ ท่านบอกว่าคนเหล่านี้เป็นเพศชายเพศหญิงหลอมรวมกัน รวมถึงพลังอักขระ ยักษ์ โถวถัวอะไรนั่น ท่านช่วยพูดให้ละเอียดกว่านี้ได้หรือไม่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!