Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 201

ตอนที่ 201

หนึ่งการเคลื่อนไหวกำหนดใต้หล้า!

“ทำไมล่ะ ทำไม่ลงหรือ เพราะว่ายวนเอ๋อร์งั้นรึ” สายตาที่หยิ่งยโสขององค์หญิงใหญ่ มองมาที่ปลายดาบของลู่เสวียน ในนํ้าเสียงมีความเหยียดหยาม

แววตาของลู่เสวียนวูบลง ใบหน้าที่เคร่งเครียดเต็มไปด้วยความเย็นชา “เดิมข้าและโจว เอ๋อร์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”

“อย่างนั้นหรือ” องค์หญิงใหญ่ถามกลับด้วยความประชด ในแววตาเผยให้เห็นถึงความ เสียดาย “เสียดายที่ยวนเอ๋อร์ของข้าหลงรักเจ้า นางกลับไม่รู้ว่าคนของราชวงศ์กับคนของตระกูลลู่ถูกลิขิตมาให้เป็นได้เพียงแค่ศัตรูกันเท่านั้น!”

พูดจบ แววตาของนางก็ดุดันขึ้นมา ทันใดนั้นก็ลงมือกับลู่เสวียน

ลู่เสวียนตกใจ เปิดฉากต่อสู่กับนางในห้อง

องค์หญิงใหญ่มีเกียรติอย่างไรกัน

ถึงแม้จะเป็นหลิงซื่อ แต่น้อยมากที่นางจะลงมือกับคนอื่นจริงๆ ถึงนางจะอายุมากกว่าลู่ เสวียน แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ท่ามกลางการต่อสู้ ลู่เสวียนขมวดคิ้วและเม้มปากอยู่ตลอด ดาบที่แหลมคมในมือของเขา เฉียดร่างขององค์หญิงใหญ่อยู่ตลอดเวลา

ในตอนที่เขาอยากจะลงมือสังหาร ในหัวของเขาก็จะมีใบหน้าเล็กๆ ที่น่ารักของโจวยวน แวบเข้ามาตลอด

“อาเสวียน! อย่า!”

ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงตื่นตกใจดังขึ้น ลู่เสวียนหันไปมองโดยสัญชาตญาณ เห็นร่าง ที่สวยงามแวบๆ จากด้านนอกหน้าต่างวิ่งมาที่ประตูพอดี

เพียงแต่ว่าตอนที่เขามองไปด้านนอก กลับไม่ทันเห็นแววตาที่หัวเราะเยาะขององค์หญิง ใหญ่

ฉึก!

เสียงคมดาบแทงเข้าเนื้อ ทำให้ลู่เสวียนหันกลับมามองในทันที

และโจวยวนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง มวยผมยุ่งเหยิง สีหน้าตื่นตกใจ ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำ ให้นางยืนอึ้งอยู่กับที่ ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลง

“อ้า!” มองแม่ที่ล้มอยู่กลางกองเลือด มองดาบที่แหลมคมในมือลู่เสวียน โจวยวนส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา

“เสด็จแม่!”โจวยวนพุ่งไปล้มอยู่ตรงหน้าแม่ เสื้อผ้าเปื้อนเลือดเต็มไปหมด

ลู่เสวียนอึ้งไป

องค์หญิงใหญ่พุ่งเข้าใส่คมดาบของเขาเองชัดๆ นางต้องการจะทำอะไร

“เสด็จแม่…… เสด็จแม่….. ท่านอย่าทิ้งยวนเอ๋อร์ไปนะเพคะ!”โจวยวนร้องไห้จนใบหน้าที่

สะสวยของนางดูไม่ได้เลย นางไม่สนใจเลือด โอบองค์หญิงใหญ่ไว้ในอ้อมกอด

องค์หญิงใหญ่ที่ใกล้จะสิ้นลมหายใจ ในตอนนี้กลับค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยกมือที่เปื้อนเลือด ขึ้นมาลูบใบหนาของโจวยวน พูดด้วยนํ้าเสียงสั่นเครือว่า “ยวนเอ๋อร์ ดูหน้าศัตรูที่ฆ่าแม่ไว้ให้ดี”

!

ลู่เสวียนตะลึง มองไปที่โจวยวน สบตาแดงๆ คู่นั้นที่มองมาของนางพอดี

ความผิดหวัง ความตกใจ ความเจ็บปวดในดวงตาคู่นั้น ทำให้เขาปวดใจแปลบขึ้นมา

องค์หญิงใหญ่กำลังใส่ร้ายเขา!

นางอยากให้โจวยวนมองเขาเป็นศัตรู นับแต่นี้ตัดขาดความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด ไม่มี ทางรู้สึกอะไรกับเขาอีก

“อาเสวียน ทำไมเจ้าถึง…นางเป็นแม่ของข้านะ!” โจวยวนที่น่าสงสาร กลับยังคงมองลู่ เสวียนด้วยแววตาแห่งความสิ้นหวัง

ทำไมสวรรค์ถึงต้องให้นางเผชิญกับการเลือกที่เจ็บปวดเช่นนี้

ถ้าหากว่าอาเสวียนขอโทษ ถ้าหากว่าอาเสวียนบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ…โจวยวนโอบกอดแม่ไว้แน่น เพ้อคิดไปเองคนเดียว แววตาของนาง ทำให้ลู่เสวียนเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ในชั่วขณะนั้น เขาก็เข้าใจ จุดประสงค์ขององค์หญิงใหญ่ในทันที ถ้าหากไม่มีวิธีให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน เช่นนั้นก็ทำให้ขาดกันไปเลย!

“นางคือแม่ของเจ้า แต่ก็เป็นคนของราชวงศ์ ในตอนที่มู่เจิ้นเฟิงสังหารพ่อแม่ของข้า ก็ ก่อเป็นความแค้นระหว่างข้าและราชวงศ์ คงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้” ลู่เสวียนมองตาของ โจวยวน กล่าวคำตอบที่ทำให้นางใจสลาย

“เช่นนั้นข้าก็เป็นคนของราชวงศ์เหมือนกัน เจ้าก็ฆ่าข้าเถอะ!” โจวยวนตะโกนเสียงแหบ ฆ่าโจวยวน?

ในแววตาของลู่เสวียนมีความต่อสู้ดิ้นรน

ทันใดนั้น ด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้น

องครักษ์ในจวนองค์หญิงที่ถูกแก้มัดแล้ว ด้านนอกหน้าต่างก็มีเสียงผิวปากเตือนว่าให้ ถอยของทหารตระกูลลู่

ลู่เสวียนมองโจวยวน ถูกความเคียดแค้นในแววตาของนางทำให้รู้สึกเจ็บปวด ท้ายที่สุดก็ กัดฟันหันหลังแล้วจากไป ไม่ได้สังหารสาวน้อยที่เคยหลงรักเขา

ร่างของคนรักนั้น ก็จากไป เหมือนกับโจวยวนโดนสูบเรี่ยวแรงไปสิ้น ทำได้เพียงกอดแม่ ไว้แน่นแล้วร้องไห้ “เสด็จแม่…………………… ”

“ยวนเอ๋อร์ อย่าร้องไห้เลย แม่ได้เตรียมการไว้ทุกอย่างแล้ว วันนี้เจ้าต้องไป ตั้งใจฝึกฝน ภายภาคหน้าต้องแก้แค้นแทนแม่ เพื่อโฮ่วจิ้น!” องค์หญิงใหญ่พูดอย่างอ่อนแรง ในแวว ตามีความเคียดแค้นที่รุนแรง

“แก้แค้น!” โจวยวนหยุดร้อง มองแม่ด้วยความตะลึง

องค์หญิงใหญ่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าเวทนา “แม่เป็นองค์หญิงแห่งโฮ่วจิ้น ราชวงศ์ล่ม สลาย ครอบครัวพังพินาศ ตายก็ตายแล้ว แต่ว่าเจ้าเป็นทายาทของโฮ่วจิ้น มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อที่จะล้างแค้นให้กับโฮ่วจิ้น! ยวนเอ๋อร์ เจ้ารับปากกับแม่!”

องค์หญิงใหญ่จ้องมองโจวยวน จับมือของนางไว้แน่น

ภายใต้การบังคับของแม่ โจวยวนพยักหน้าอย่างงงๆ “ข้า…ข้ารับปากท่าน”

…………………………

ปรี๊ดด!

เสียงแตรสัญญาณดังมาจากนอกเมืองซั่งตู

กองกำลังทหารกบฏมาถึงประตูเมืองแล้ว เผชิญหน้ากับทหารที่เฝ้าประตูเมือง

ลู่เจี้ยกลับล้อมเอาไว้ไม่โจมตี ในตอนที่กองทัพใหญ่ดึงดูดสายตาของทุกคน นำกองทัพ ที่ฝีมือดีไปเองอย่างเงียบๆ แล้วเข้าสู่ซั่งตูอย่างเงียบๆ

เจียงหลีและเจียงเฮ่าก็อยู่ในนั้น แล้วก็มีผู้อาวุโสของตระกูลลู่สองสามคน ลู่วั่งชวน ลู่จ้าน และคนอื่นๆ

การเดินหมากครั้งนี้ จะสังหารศัตรูและต้องได้รับชัยชนะ!

ในตอนที่ลู่เจี้ยนำทัพร้อยกว่าคนมาถึงในพระราชวัง

แต่ทหารองครักษ์ ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นของราชวงศ์ที่มาเพราะถูกปิดล้อม ก็ก่อ กบฏย้ายข้าง ทำให้พระราชวังตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย ศึกครั้งนี้ ลู่เจี้ยก็ชนะเช่นกัน

ในจวนหรงที่เงียบผิดปรกติ หรงจิ่งกำลังวางหมาก ฟังรายงานของอาเฉวียน

“…ไม่มีใครคาดคิด ทหารรักษาพระองค์ที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ที่สุด กลับมีคนคิดก่อ กบฏ นี่เป็นกำแพงป้องกันด่านสุดท้ายของฮ่องเต้ ผ่านไปได้ง่ายๆ แบบนั้นเลยขอรับ” อา เฉวียนโค้งคำนับ ยืนอยู่นอกประตู น้ำเสียงที่เล่ายากที่จะปิดบังความตกใจเอาไว้ได้

นิ้วมือที่เรียวยาวของหรงจิ่งหนีบตัวหมาก ไม่ได้วางลง ฟังที่อาเฉวียนเล่าจบ เขาถึงยิ้ม เล็กน้อยแล้วพูดว่า “นี่คงเป็นหมากที่ลู่เจี้ยซ่อนไว้อย่างลับที่สุดแล้ว”

พูดจบ เขาก็วางตัวหมากในมือลง สถานการณ์ในกระดานหมากรุกก็ปรากฏชัยชนะที่แน่นอนของอีกฝ่ายทันที สถานการณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เหมือนกับเป็นสิ่งที่ ยืนยันซั่งตูและราชวงศ์โฮ่วจิ้นในตอนนี้

“ลู่เจี้ย…คงจะขึ้นครองตำแหน่งนั้น” ตอนที่เก็บมือ หรงจิ่งพูดพึมพำกับตัวเอง

…………………….

ในพระราชวัง ข่าวการแปรพักตร์ของทหารรักษาพระองค์บางส่วนไปถึงหูมู่เจิ้นเฟิง ขณะนี้ เหล่าผู้อาวุโสของราชวงศ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ในนั้นมีสามคนที่มีพลังหลิงไซว่ขั้นสูง

ยังมีอีกสองคนที่พลังลมปราณแข็งแกร่งกว่าหลิงไซว่อีก เหมือนว่าถึงขั้นหลิงจงแล้ว!

“ตระกูลลู่… ลู่เจี้ย! พวกเจ้าวางแผนกันมาอย่างดี! วางแผนกันมานาน!”มู่เจิ้นเฟิงกัดฟัน

พูดด้วยแววตาดุดัน

เสียงเข่นฆ่าจากด้านนอก ค่อยๆ ใกล้เข้ามา

มู่เจิ้นเฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในฐานะที่เป็นตัวเองประมุขของแคว้น วันหนึ่งจะไม่มี ใครให้เรียกใช้งาน

แม้กระทั่ง ตระกูลลู่เอาคนของเขาไปเป็นพวกตอนไหน เขาก็ไม่รู้!

ตอนนี้ เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ที่ตระกูลลู่เงียบมา9ลอด ไม่เพียงแต่รอจังหวะโอกาสที่ดี เท่านั้น แต่ที่น่าแค้นใจที่สุดก็คือ โอกาสนี้ เขาเป็นคนมอบให้ตระกูลลู่เองกับมือ! มู่เจิ้นเฟิงสีหน้าซีดเซียว แทบอยากจะฆ่าตัวตาย

ฮ่องเต้อย่างเขา คงจะถูกคนทั้งใต้หล้าหัวเราะเยาะ!

คิดได้เช่นนี้ มู่เจิ้นเฟิงที่แววตาสับสนปนเป หันตัวไปมองผู้อาวุโสของราชวงศ์เหล่านั้น…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!