Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 247

ตอนที่ 247

เสี่ยวเกอเอ๋อร์ต้องไปแล้ว

พอถึงเวลานั้น เจ้าของร่างตัวจริงจะมีความรู้สึกต่อเจียงหลีหรือไม่ ใครก็มิอาจรู้ใด้

ถึงจะไม่กลับคืนร่างเดิม วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้คงไปเกิดใหม่ต่อไป เกิดใหม่แล้วก็จำเจียงหลี ไม่ได้เช่นกัน

ถ้าเช่นนั่น เจียงหลียังจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่คำถามนี้ทำให้มู่ชิงเกอหนักใจ

“ชิงเกอ เขายังมีเวลาอีกเท่าไหร่” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยถาม

มู่ชิงเกอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้อง เขาขอร้องข้าอยู่เรื่องหนึ่ง”

เจียงหลียิ้มขมขื่น

คนฉลาดเช่นนางทำไมถึงจะเดาไม่ออกว่ามู่ชิงเกอต้องการสื่อถึงสิ่งใด นางเอ่ยอย่างประนีประนอม “ช่างเถอะ ในเมื่อเขาไม่อยากให้เจ้าบอกข้า ข้าก็จะไม่ถามก็แล้วกัน”

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องวิญญาณหลักของเขา เจ้าได้บอกเขาหรือไม่” เจียงหลีถามต่อ

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “เรื่องที่เขากลับชาติมาเกิด เขาจะรู้หรือไม่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็เลยไม่ จาเป็นต้องบอก”

เจียงหลีพยักหน้า “ก็จริง ทุกวันนี้เขามีเรื่องกังวลใจมากพอแล้ว ไม่อยากเพิ่มภาระให้เขาอีก”

มู่ชิงเกอหันไปมองนางรอยยิ้มพลันหายไป “คิดไม่ถึงราชินีเจียงผู้บ้าดีเดือดจะคลั่งรักเพียงนี้”

เจียงหลีกลอกตาขาวมองนาง “ขนาดคนไร้อารมณ์อย่างเจ้ายังเป็นแม่คน แล้วทำไมข้าจะคลั่งรักบ้าง ไม่ได้เล่า”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้มู่ชิงเกอก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แต่ทว่า พอคิดถึงเรื่องของเจียงหลี นางยังคงกังวลใจอยู่มากโข “เจียงหลี ก่อนที่ข้าจะไป เจ้ายัง สามารถพิจารณาให้จริงจังอีกที จะไปพร้อมกับข้าหรือไม่”

เรื่องเก่าถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งทำเอาเจียงหลีถึงกับนิ่งอึ้ง

แต่ไหนแต่ไรมู่ชิงเกอไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก ในเมื่อก่อนหน้านี้เคยถามนางแล้วและนางก็ปฏิเสธไป นางก็จะ ไม่ถามอีก

แต่เรื่องราวกลับตาลปัตร!

“ชิงเกอ เจ้ามีเรื่องที่กำลังปิดข้าอยู่ใช่ไหม” เจียงหลีตื๊อถาม

มู่ชิงเกอคลี่ยิ้ม “เปล่า ข้าแค่ไม่อยากทิ้งเจ้าไว้คนเดียวที่นี่”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย” เจียงหลีเชิดจมูกรั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

มู่ชิงเกอขบคิดครู่หนึ่งแล้วลองโยนหินถามทาง “ในเมื่อชะตาชีวิตของเขาไม่อาจแก้ไขได้ เจ้ายังอยาก อยู่ที่นี่อีกไหม”

“ข้าบอกแล้วไง หากเขากลับชาติมาเกิดใหม่ ข้าก็จะรอเขากลับมาเกิด ต่อให้เขาลืมข้าจนหมดสิ้น ข้าก็ จะทำให้เขากลับมารักข้าใหม่อีกครั้ง” เจียงหลีตอบอย่างมั่นใจในตนเอง

“หากเขากลับชาติมาเกิด เกรงว่ามันยากที่จะรอดพ้นจากความตายก่อนวัยอันควรเหมือนกัน” มู่ชิงเกอ เอ่ยเตือนสติ

“เช่นนั้นข้าก็จะติดตามเขาไปทุกภพทุกชาติและข้าก็จะทำให้ทุกภพทุกชาติของเขามีข้าเป็นสตรีหนึ่ง เดียวเท่านั้น” เจียงหลีประกาศิตลั่น

“…” มู่ชิงเกอถึงกับพูดไม่ออก

นางรู้ว่าเจียงหลีมีหัวใจเด็ดขาด อย่างอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง

จู่ๆ นางก็ระเบิดเสียงหัวเราะนึกตำหนิในใจ เราสองคนช่างเหมือนกันจริงๆ หากปักใจรักใครแล้วต่อให้ แผ้วพานอุปสรรคก็ต้องเดินไปเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา

โชคดีตอนที่นางได้พบกับซือมั่ว ด้วยความแข็งแกร่งของเขาจึงหนีพ้นการแยกจากความเป็นความตาย มาได้จนวันนี้ แต่ทว่า สิ่งที่น่าเสียใจเช่นกันก็คือนางไม่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขยามที่ซือมั่วต้องการคนเคียง ข้างมากที่สุดในชีวิต เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวนับหมื่นปี มิฉะนั้นเขาจะผ่านการนองเลือดและขวากหนาม มาได้อย่างไร ซึ่งนางไม่มีวันเข้าอกเข้าใจแทนเขาได้

มู่ชิงเกอมองเจียงหลีด้วยความนึกอิจฉาเล็กน้อย เจียงหลีซื่อตรงต่อความรู้สึกซึ่งเป็นสิ่งที่นางขาด พอ คิดถึงเรื่องในอดีต นางรู้ใจตัวเองช้าไปหากซือมั่วไม่อดทนรอล่ะก็ เกรงว่า…

มู่ชิงเกอเก็บอารมณ์ความคิดไปแล้วเอ่ยกับเจียงหลี “เจียงหลี เจ้าเอาจูเสียออกมาสิ”

“หืม?” เจียงหลีมองนางอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยังถอดกำไลออกจากมือแล้วโยนให้นาง

มู่ชิงเกอยื่นมือรับ กำไลในมือนางก็กลายร่างเป็นยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะ

นางจดจ้องจูเสียก่อนจะเอ่ยขึ้น “จูเสียถูกสร้างขึ้นตามกฎของโลกใบนั้น หากนำมาใช้ในโลกนี้ไม่ เท่าไหร่ก็อาจไม่คล่องมือได้ เจ็ดวันนี้อยู่เป็นเพื่อนเจ้าร่วมการทดสอบ ข้าก็เลยพอจะเข้าใจกฎของ โลกใบนี้มากขึ้น ซึ่งใช้กับจูเสียนี่พอดี”

“เจ้าจะแปลงร่างจูเสียหรือ” เจียงหลีถามด้วยความตกตะลึง

มู่ชิงเกอพยักหน้า “เจ้ารอที่นี่ครู่หนึ่ง” เมื่อกล่าวจบก็หันหลังหายตัวไปจากที่เดิมเข้าไปยังโลกใบเล็กของ ตัวเอง เดิมทีนางสามารถพาเจียงหลีเข้ามาในโลกของนางได้ แต่การหลอมยุทธภัณฑ์หากเจียงหลีรอข้างในก็ลำบากอีก ไม่สู้อยู่ข้างนอกรอเสียยังดีกว่า ภายใต้สถานการณ์หมุนเวียนเวลาที่ไม่สอดคล้องกัน เจียงหลีก็จะได้ไม่ต้องรอนานเกินไป

ในขณะที่เจียงหลีร่ำสุรายังไม่หมดไห มู่ชิงเกอก็ออกมาปรากฏตัวหน้านางอีกครั้ง มีลำแสงลอยออกมา จากมือของนางพุ่งมาทางเจียงหลี

เจียงหลีรับเอาไว้ กำไลที่สวยงามกว่าเดิมจึงมาอยู่ในมือของนาง “หยดเลือด” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

เจียงหลีกะพริบตาปริบๆ

“ร่างกายก่อนหน้าของเจ้าถูกทำลายและสายเลือดก็ไม่อยู่ จูเสียยังสามารถติดตามเจ้าได้โดยอาศัย การดึงสติ นอกจากนี้ยังเป็นเพราะไม่มีเลือดใหม่มาติด ดังนั้นจูเสียจะตกอยู่ในสภาพการหลับใหล ยาวนาน” มู่ชิงเกออธิบายให้เข้าใจ

ทันใดนั้นเจียงหลีก็ตระหนักได้ทันทีจึงเฉือนปลายนิ้วของนางหยดเลือดลงในกำไล

โลหิตถูกกำไลดูดกลืนกลายเป็นแสงแล้วปรากฏเป็นกระบี่อยู่ในมือของนาง พริบตาเดียวกระบี่ยาวก็ กลายเป็นแส้อ่อนนุ่ม พริบตาอีกครั้งจากแส้อ่อนนุ่มก็กลายเป็นหอกยาว หอกยาวนี้เหมือนกับจูเสียอันเดิมมาก ความแตกต่างที่มากที่สุดก็คือด้ามจับที่ยาวขึ้น

“นี่มัน” เจียงหลีตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

“ต่อไปจูเสียจะติดตามเจ้ายามต้องการ มันจะกลายร่างสามแบบไม่ซ้ำกัน แต่ข้าปิดผนึกพลังของมัน เอาไว้ส่วนหนึ่ง ต้องให้เจ้าแข็งแกร่งกว่านี้ถึงจะเปิดผนึกได้” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้น

เจียงหลีกระตุกมุมปาก “เจ้าหลอกข้าหรือเปล่า”

“มันช่วยประหยัดแรงเจ้าตอนเจ้าขี้เกียจฝึกฝน” มู่ชิงเกอให้คำอธิบายที่นางไม่สามารถเถียงได้

“ข้าไม่เกรงใจล่ะนะ” เจียงหลียิ้มร่า จูเสียกลายร่างเป็นกำไลสวมใส่ข้อมือของนางและซ่อนไว้ไม่ให้เห็น

มู่ชิงเกอครุ่นคิดก่อนเอ่ยถาม “เจ้าอยากได้โอสถยืดอายุไหม”

เจียงหลีส่ายหน้าปฏิเสธ “ในเมื่อกฎของแต่ละโลกต่างกัน ข้ามีจูเสียก็ดีอยู่แล้ว อย่างอื่นคงไม่ต้องหรอก เพื่อที่จะฝ่าโลกนี้ออกไป สิ่งที่ข้าต้องเข้าใจก็คือกฎของโลกนี้”

คำตอบของนางทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกโล่งใจ “ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้ากลับไป คนอยู่ที่นี่แต่ใจกลับไม่อยู่กับ เนื้อกับตัว”

“พาข้าไปหาลู่เจี้ย” เจียงหลีบอกตรงๆ

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ทั้งสองออกจากบนเขาแล้วมาปรากฏตัวอีกครั้งในจวนของลู่เจี้ย

และชายรูปงามคนนี้กำลังยืนอยู่ใต้ชายคาในชุดขนสัตว์ เมื่อเห็นเจียงหลีดวงตาของเขาที่เคยปกคลุม ไปด้วยนํ้าแข็งหิมะก็เริ่มละลาย

“ลู่เจี้ย! อากาศหนาวขนาดนี้เจ้าออกมาได้อย่างไร” เจียงหลีวิ่งเข้าหาอย่างปวดใจ

ยังไม่ทันที่ลู่เจี้ยได้เอ่ยตอบ ผู้อารักขาคนหนึ่งก็ตอบเสียงเบาเสียก่อนว่า “องค์หญิง ตั้งแต่ที่พระองค์ออกไป นายน้อยก็มายืนเฝ้ารออยู่ตรงนี้ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง”

ทันใดนั้นแรงกดดันอันทรงพลังก็เข้ามาทำให้ผู้คนในจวนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า กระแสแสงตกลงมา จากท้องฟ้าและตกลงมาที่กลางลาน

ร่างยังไม่ทันปรากฏ นํ้าเสียงไพเราะกังวานก็ดังขึ้น “เสี่ยวเกอเอ๋อร์พวกเราต้องไปกันแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!