Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 254

ตอนที่ 254

ข้าไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย

“ดูท่าทางเจ้าคงจะรู้ข่าวแล้วสินะ”

แน่นอนว่าเฟิงสิงอวิ๋นรู้สึกถึงเจตนาฆ่านั้น เขาหุบพัดในมือจากนั้นยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นกับเจียงหลี

เจียงหลีก็ไม่ได้ปิดบัง นางกระตุกคิ้วก่อนจะพูดกับเขา “มิฉะนั้นท่านอาจารย์เฟิงคิดว่ารัชทายาทซีเฉียน ผู้นี้จะเชิญข้ามาที่นี่ทำไมล่ะเจ้าคะ”

“อ่อ” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยนํ้าเสียงแฝงความหมาย

ทั้งสองเดินออกจากตำหนักริมทะเลสาบไปด้วยกัน

ในสถาบันไป๋หยวน เพราะลู่เสวียนและเจียงหลีกำลังสงสัยและกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเจียง หลีจากพระราชโองการนั้น ทั้งสองจึงเดินช้าๆ

ถึงอย่างไรระหว่างทางช่างน่าเบื่อแล้วเจียงหลียังดูเข้ากันได้ดีกับเฟิงสิงอวิ๋นอีก นางยังบอกเรื่องที่คุยกับเฉียนลี่ให้เฟิงสิงอวิ๋นแล้วอีกด้วย

หลังจากเฟิงสิงอวิ๋นฟังแล้วก็ไร้รอยยิ้มบนใบหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ไร้ยางอาย!”

“ไร้ยางอายจริงๆ” เจียงหลีพยักหน้า

ราชวงศ์ซีเฉียน ไม่ได้เป็นเพียงตระกูลของคนบ้าวิปลาสเท่านั้น ทั้งยังหน้าด้านไร้ยางอายอีกด้วย หลง ตัวเองจริงๆ!

มีสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าการแต่งงานกับนางจะมีบุญคุณกับนาง นางต้องซาบซึ้งบุญคุณนี้ด้วยรึ

“เพื่อครอบครองวิญญาณยุทธ์นั่น เฉียนจวิ้นยอมทำทุกวิถีทางจริงๆ ส่วนเฉียนลี่ก็วางแผนเพื่อชิงบัลลังก์” เฟิงสิงอวิ๋นพูดและยิ้มเยือกเย็น

“ข้าก็คิดไม่ถึง ข้าเป็นแขกต่างบ้านต่างเมือง หลังเข้าทดสอบประจำปีแล้วกลายเป็นบุคคลสำคัญขึ้นมา เฉยเลย” เจียงหลีทอดถอนหายใจ

เฟิงสิงอวิ๋นมองนางอย่างนึกขำ “พรสวรรค์ของเจ้า ถูกลิขิตไว้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก อย่างไร เสียเจ้ายังเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์จยาเซียน”

เจียงหลีมองเขาอย่างงุนงงด้วยความไม่เข้าใจ

เฟิงสิงอวิ๋นส่ายหน้ายิ้มขมขื่น “ดูท่าทางเจ้าคงทุ่มกายใจฝึกฝนจริงๆ ถึงได้ไม่สนใจโลกภายนอกเลย” เอ่อ…

เจียงหลีเผยอยิ้ม

“หนึ่งปีมานี้ ได้กลืนกินแคว้นเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง มีการขยายอาณาเขตในอัตราที่รวดเร็ว สงคราม และการขยายตัวดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราชวงศ์จยาเซียนเลย แต่ทำให้ความเป็นอยู่ของ ประชาชนดีขึ้น ข้าสงสัยจริงๆ แต่ก็ชื่นชมมาก นายน้อยดู่ทำได้อย่างไร” แววตาเฟิงสิงอวิ๋นชื่นชมอย่าง ไม่ปิดบังสักนิด

เจียงหลีได้ยินก็ตกตะลึง

ที่แท้หนึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาทำการใหญ่ไปตั้งหลายเรื่อง!

แน่นอนว่าลู่เจี้ยเก่งกาจ!

คำพูดของเฟิงสิงอวิ๋น ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจหลังจากตกใจ ผู้ชายที่นางเลือกช่างเก่งกาจยอดเยี่ยมที่สุด “เด็กน้อย เจ้ายิ้มอะไร” เฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่เจียงหลีที่ตื่นเต้นอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไร” เจียงหลีตอบกลบเกลื่อน

เฟิงสิงอวิ๋นมองนางอย่างสงสัยแล้วพูดต่อ “ช่วงเวลาหนึ่งปี ความแข็งแกร่งของราชวงศ์จยาเซียนนั้น น่าทึ่งมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้แคว้นใหญ่อื่นหวาดระแวงขึ้นมา หนึ่งในนั้นก็คือซีเฉียน ข้าว่า ฮ่องเต้ซีเฉียนตอบตกลงเรื่องนี้ เกรงว่าก็มีการหยั่งเชิง เขาอยากใช้ตำแหน่งองศ์หญิงแห่งราชวงศ์จยาเซียนของเจ้าเพื่อดูท่าทีความเคลื่อนไหวของฝ่ายนั้น”

เจียงหลีขมวดคิ้ว

การแย่งชิงอำนาจพวกนี้ทำให้นางไม่รู้สึกยินดีนัก

ตอนนางบริหารบ้านเมืองนั้นเรียบง่ายมาก การกดขี่สายเลือด ปฏิบัติตามประเพณี มีความสกปรกขนาด นั้นเชียวหรือ

“ดูเหมือนข้าต้องไปงานเลี้ยงในอีกสามวันข้างหน้า” เจียงหลีพึมพำ เดิมทีนางจะไม่ไปงานเลี้ยง แต่ หลงจากได้ยินสิ่งที่เฟิงสิงอวิ๋นพูด นางก็เปลี่ยนใจแล้ว นางไม่สามารถให้ฮ่องเต้ซีเฉียนหาข้ออ้าง หลอกใช้นางเพื่อหยั่งเชิงลู่เจี้ย

“ไปสิ ต้องไปอยู่แล้ว มิฉะนั้นฮ่องเต้เฉียนอาจใช้ความผิดที่ขัดราชโองการหรือใช้วิธีการอื่นเพื่อผูกมัดเจ้า นั่นจบไม่สวยแน่” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยขึ้น

เจียงหลีพยักหน้า

มันก็มีเหตุผลจริงๆ

สายตาของเฉียนลี่และเฉียนจวิ้นจดจ่อที่ชิงตำแหน่งรัชทายาท แต่บัลลังก์ฮ่องเต้ยังคงอีกยาวไกล จุดมุ่งหมายของเขาคือราชวงศ์จยาเซียนต่างหาก!

“ไปก็ไป ถือโอกาสดูว่าพวกเขาจะเล่นตุกติกอะไรพอดีเลย” เจียงหลีเหยียดยิ้มทันที

เฟิงสิงอวิ๋นพูดติดตลก “หากฮ่องเต้ซีเฉียนเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานจริง เจ้าจะทำเช่นไร”

“แน่นอนว่าข้าต้องปฏิเสธ ข้าไม่ได้ชอบเฉียนจวิ้นสักหน่อย ทำไมถึงต้องตกลงด้วยเล่า หรือว่าฮ่องเต้ซีเฉียนยังกล้าบังอาจบังคับให้องค์หญิงแห่งจยาเชียนอย่างข้าตกลงแต่งงานได้ด้วยหรือ” เจียงหลีเอ่ยขำขัน

ไม่ไป เพราะไม่อยากมีปัญหาแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่กล้า

“ถ้าหากฮ่องเต้ซีเฉียนส่งราชทูตไปสู่ขอแต่งงานถึงราชวงศ์จยาเซียนล่ะ” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยขึ้น

เจียงหลีหัวเราะเยาะ “ข้ารับประกัน ไม่ว่าเขาจะส่งทูตไปกี่คนไปแล้วไม่มีวันกลับแน่”

ทั้งยังเร่งระยะเวลาที่ซีเฉียนพังพินาศด้วย

“มั่นใจอะไรขนาดนั้น” เฟิงสิงอวิ๋นพูดอย่างขำๆ

เจียงหลีกระตุกคิ้วและเผยอยิ้มแต่กลับไม่ตอบไป แน่นอนว่านางมีความเชื่อมั่นในตัวลู่เจี้ยอยู่แล้ว “ที่จริงข้ามีวิธี สามารถช่วยเจ้าแก้สถานการณ์งานเลี้ยงสามวันข้างหน้า” จู่ๆ เฟิงสิงอวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “อะไร” เจียงหลีถามอย่างสนใจ

เฟิงสิงอวิ๋นกล่าว “ขอแค่หลังจากที่เจ้ากลับไปรีบเก็บตัวฝึกฝน พอถึงเวลานั้น ข้าจะให้ข้ออ้างนี้ทำให้ ฮ่องเต้ซีเฉียนยกเลิก อย่างน้อยก่อนที่เจ้าจะออกไปก็ไม่ได้ทำลายความตั้งใจของเจ้า”

หลังจากที่เจียงหลีได้ยินก็พยักหน้ายิ้มๆ “วิธีนี้ไม่เลว แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรข้าเจียงหลีไม่เคยหนีปัญหา”

เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มแล้วไม่พูดสิ่งใดอีก

เพียงแต่ส่วนลึกของดวงตาที่หรี่ลงของเขามีร่องรอยของความลำบากใจที่ยากจะค้นพบ ดูเหมือนเหตุผลที่เขาต้องการให้เจียงหลีถอยกลับไม่ใช่เพราะเหตุนี้

เจียงหลีตัดสินใจไปงานเลี้ยงแล้ว เฟิงสิงอวิ๋นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แต่ตอนกำลังจะแยกกันที่สถาบัน กลับเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “อีกสามวันข้าจะไปงานเลี้ยงกับเจ้า”

เมื่อเฟิงสิงอวิ๋นกดดันเช่นนี้ แน่นอนว่าเจียงหลีปฏิเสธไม่ได้

แต่นางกลับไม่รู้ว่าหลังจากที่แยกกับเฟิงสิงอวิ๋นแล้ว เขาไม่ได้กลับไปยังที่พำนักของตนเอง แต่เดิน ออกจากสถาบัน แอบมายังตำหนักเล็กๆ ที่นางพึ่งจะจากไปไม่นาน

“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเด็กคนนั้นต้องการจัดการปัญหาคนเดียว ดังนั้นข้าเลยจะอ้างวิธีนี้เพื่อให้นาง เก็บตัว แต่ในระยะนี้ยังไม่สามารถทำการใดได้” เฟิงสิงอวิ๋นนั่งในห้องโถง มีถ้วยนํ้าชาวางอยู่ตรงหน้า บุคคลที่เขาสนทนาด้วยก็คือลู่เจี้ยที่อยู่หลังม่าน

ด้านหลังม่านเสียงเรียบนิ่งของลู่เจี้ยดังมาอย่างช้าๆ “ข้าไม่ได้อยากให้คนซีเฉียนล่วงรู้ว่าข้าอยู่เมืองอู๋อิ๋น แต่ในเมื่อพวกเขามาสนใจหลีเอ๋อร์ ข้าก็ทำได้เพียงเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูเท่านั้น”

“นายน้อยลู่จะไปร่วมงานเลี้ยงหรือ” เฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่ม่านด้วยความประหลาดใจ

ผ่านไปสักพัก คนหลังม่านจึงเอ่ยตอบ “หลีเอ๋อร์ไปคนเดียว ข้าไม่วางใจ”

เฟิงสิงอวิ๋นขมวดคิ้ว ทำไมถึงรู้สึกว่านายน้อยลู่เป็นห่วงเจียงหลียาโถว มิเกินไปหน่อยหรือ

แม้กระทั่งเพื่อป้องกันไม่ให้นางย้อนกลับไปยังราชวงศ์จยาเซียนและแอบช่วยเงียบๆ โดยใช้ เหตุผลเก็บตัวฝึกฝนขังนางให้อยู่แต่ในสถาบันไป๋หยวนซีเฉียน

ท่าทีป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้และไม่ให้เห็นนางถูกรังแก สรุปแล้วนี่คืออะไรกัน

“นายน้อยลู่ สถานะท่านตอนนี้ไม่ธรรมดา หากไปพระราชวังซีเฉียนมันอันตรายเกินไป” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ย เตือน

“ไม่ใช่ปัญหา” เสียงเรียบนิ่งดังออกมาจากข้างหลังม่าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!