ตอนที่ 296
ไร้ยางอาย
“ขอสงบศึกอย่างนั้นหรือ”
เจียงหลียิ้มขึ้นมาอย่างหยอกเย้า นางเอาจดหมายเจรจาเพื่อสันติที่ซีเฉียนส่งมาดูอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น ก็โยนไว้บนโต๊ะ
เจียงเฮ่ายิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เล่ากันว่าหลังจากที่ข่าวการแพ้อย่างย่อยยับของทหารซีเฉียนแพร่ไป ถึงเมืองอู๋อิ๋น ฮ่องเต้ซีเฉียนโมโหมาก จนฆ่าข้าราชบริพารไปหลายคน เดิมที่วางไว้คือส่งทหารมาบุกอีก แต่ว่าถูกคนขององค์ชายรองห้ามไว้บอกว่าเพราะพวกเราอยู่ในชัยชนะ ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะ ขอสงบศึกก่อน ทำให้ความกล้าหาญฮึกเหิมของพวกเรากลับคืนมา รอให้เตรียมการอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นค่อยเปิดศึกอีกครั้ง”
ที่มาของข่าวคราว มาจากสายสืบของราชวงศ์จยาเซียนที่แทรกซึมอยู่ในแคว้นซีเฉียน
เจียงหลียิ้มอย่างสดใสมากขึ้น เพียงแต่สายตาที่มีความเยาะเย้ยและความหยอกเย้ากลับยิ่งชัดเจนมากขึ้น “เช่นนั้นก็ให้พวกมันมาเถอะ”
“จะตอบรับการเจรจาเพื่อสันติจริงๆ รึ” เจียงเฮ่าขมวดคิ้ว
เจียงหลียิ้มแล้วพูดว่า “มีเรื่องหนึ่งที่แคว้นซีเฉียนพูดถูก นั่นก็คือตอนนี้ไม่ใช่เวลาสู้รบที่ดีที่สุด”
แววตาที่ใสสะอาดของนาง เหมือนว่ามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ผู้บังคับบัญชาทหารซีฝางแห่งราชวงศ์จยาเซียนกลับมองนางด้วยความไม่เข้าใจ
เหมือนรับรู้ได้ว่าคนฝ่ายตนเองอยากรู้ เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย หุบยิ้มแล้วพูดว่า “การยก กำลังรับมือครั้งนี้ พวกเราก็ฉุกละหุก ไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้าจะเปิดศึกจริงๆ พวกเราและซีเฉียนก็ล้วนแต่ ไม่ได้เตรียมการอย่างรอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นในราชวงศ์ของข้า ยังมีคนที่อยากได้ราชบัลลังก์ของข้าอีกนะ”
“เช่นนั้นการเจรจาเพื่อสันติคงจำเป็นแล้วใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ” ผู้บังคับบัญชาทหารซีฝางถาม เจียงหลีพยักหน้า “การเจรจาเพื่อสันติก็คือการเจรจาเพื่อสันติ แต่ว่าก็ดูถูกพวกเขาไม่ได้”
ผู้บัญชาการทหารซีฝางและเจียงเฮ่าสบตากัน เข้าใจว่าฝ่าบาทได้มีแผนการในใจแล้ว
………………
ขบวนการเจรจาเพื่อสันติของซีเฉียนจะมาถึงนอกเมืองซู่หย่วนในวันที่สิบที่ส่งจดหมายเจรจาเพื่อสันติ มาถึง นอกจากขุนนางที่มาเจรจาแล้ว ห่างออกไปห้าสี้จากสถานที่เจรจาสงบศึก เป็นดินแดนของซีเฉียน มีกองกำลังทหารหนึ่งแสนคนอยู่
เจียงหลีรู้ว่านี่คือการกดดันนางของฮ่องเต้แห่งซีเฉียน
เหมือนว่า ถึงแม้ว่าซีเฉียนเป็นผู้ขอสงบศึกเอง แต่ก็ยังคงไม่ยอมก้มหัวที่สูงศักดิ์นั้นและคุกเข่าต่อหน้า ราชวงศ์จยาเซียน
สถานที่เจรจาสงบศึก เลือกเป็นศาลาอำลาที่หนึ่งนอกเมืองซู่หย่วน
ศาลานี้ต้องไปทางเหนือ แล้วเดินไปอีกหนึ่งลี้ ก็จะเป็นดินแดนของซีเฉียน พูดได้ว่าในหลายๆ ครั้ง ศาลามักถูกคนพื้นที่ เอามาเป็นสถานที่สุดท้ายของสุ่ยหัน เป็นสัญลักษณ์ว่าเข้าสู่ซีเฉียนแล้ว
เสียงลมหวีดหวิว ธงพลิ้วไสว
กองกำลังทหารของราชวงศ์จยาเซียน ตั้งขบวนอยู่ด้านนอกศาลาอำลาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยาว เหยียดไม่ขาดตอน
ในตอนที่ขุนนางที่จะมาเจรจาสงบศึกนำกองกำลังทหารหนึ่งพันคนมาถึง ทันใดนั้นหน้าก็ซีดขึ้นมา ขา สั่นไปหมด
เขาได้ยินมาว่ากองกำลังทหารที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ ไม่มีใครได้กลับไปสักคน!
จักรพรรดินีพระองค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์นี้ไม่ควรมีเรื่องด้วย! เขาพูดในใจ ในขณะเดียวกัน ก็ด่าคนพวก นั้นที่ส่งเขามาเป็นคนที่รับงานนี้
“ใต้เท้าหลี่ ไม่ต้องกลัว” ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้เขา ใจสงบขึ้น
หลี่ชังมองไปคนที่พูดขึ้นมาอยู่ด้านหลังด้วยหางตา เผยรอยยิ้มที่สอพลอ แล้วก็พูดว่า “อีกเดี๋ยวก็ เจรจาสงบศึกแล้ว จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนต้องกลั่นแกล้งข้าเป็นแน่ ถึงเวลาคงต้องพึ่งท่านแล้ว”
พูดจบ เขาที่สีหน้าเคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากที่รู้ว่าจักรพรรดินีแห่งจยาเซียงเป็นหลิง ไซว่ ในกองกำลังครั้งนี้ ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนตั้งใจส่งหลิงไซว่ขั้นสูงจากในวังมาเพื่อเสริมกำลังให้เขา
“ก็แค่เด็กตัวเล็กๆ” หลิงไซว่คนนั้นพูดอย่างเหยียดหยามเป็นอย่างมาก เขาแค่รู้สึกว่าเจียงหลีอายุน้อย เกินไป แล้วก็เพิ่งถึงขั้นหลิงไซว่ ไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบกับเขาที่เป็นหลิงไซว่ขั้นสูงที่อยู่ขั้นหลิง ไซว่มานานแล้ว แต่กลับลืมไป เพราะว่าอายุน้อย แต่กลับมีพลังสูง นี่บ่งบอกถึงพรสวรรค์ที่น่ากลัวและ ความรวดเร็วในการฝึกฝน
หลี่ชังทำใจดีสู้เสือ หันกลับไปแล้วหุบยิ้ม เชิดหน้ายืดอก วางท่าที่ขุนนางของอาณาจักรควรมี
แต่ทว่า ก่อนที่เขาจะเดินถึงศาลาอำลา ท่าทางที่เขาเพิ่งวางมาดเมื่อครู่ ทันใดนั้นกลับหดหู่ เหมือนนํ้า ท่วมไหลทะลักออกมาอย่างไรอย่างนั้น สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คนที่มาพบกับขุนนางของซีเฉียนไม่ใช่เจียงหลี แล้วก็ไม่ใช่คนของราชวงศ์จยาเซียน แต่เป็นแม่ทัพ ใหญ่ที่ยกทัพไปแล้วถูกจับกุมคนนั้น
ตอนนี้ เสื้อผ้าของชายผู้นั้นยุ่งเหยิง ตกที่นั่งลำบากมาก ความน่าเกรงขามของแม่ทัพหายไปไหน หมดแล้วหรือ มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ คุกเข่าลงกับพื้น มองเขาด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
“แม่ทัพผิง!” หลี่ชังร้องเรียกออกมา
เขาคิดว่าแม่ทัพใหญ่ท่านนี้ได้ตายในการรบไปแล้ว ไม่คิดว่าจะถูกจับเป็นเชลย!
น่าเสียดาย การเรียกของเขา ไม่ได้ทำให้คนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นมีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไร ท่าทางที่เซ่อๆ ซ่าๆ นั้นของเขา ทำให้หลี่ชังที่ใจเป็นกังวลอยู่แล้วกระสับกระส่ายไม่เป็นสุขขึ้นมา
“ขุนนางซีเฉียนเห็นฮ่องเต้ของข้าทำไมถึงยังไม่คุกเข่า! “ทันใดนั้น เสียงตะโกนที่ดุดันก็ดังขึ้นมา ทำ ให้หลี่ชังตกใจจนขาอ่อน คุกเข่าลงไปกับพื้น
แต่ทว่า ในตอนที่หัวเข่าของเขาเพิ่งจะสัมผัสกับพื้น หลิงไซว่คนนั้นที่อยู่ข้างหลังเขากลับใช้พลัง วิญญาณดึงเขาขึ้นมา พูดด้วยท่าทางอวดดีว่า “ข้าคือขุนนางแห่งซีเฉียน ทำไมต้องคุกเข่าให้กับ จักรพรรดินีที่เด็กอย่างเจ้าด้วยล่ะ”
“หาญกล้า!” ผู้บังคับบัญชาทหารซีฝางตะโกนเสียงดัง
ตอนนี้ หลี่ชังถึงเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปยังสาวน้อยที่สวมใส่ชุดลายมังกรที่นั่งอยู่ในศาลาอำลา นางเอนกายพิงเก้าอี้ตัวเดียวที่อยู่ในศาลาอย่างเกียจคร้าน มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนอกศาลา อย่างเย็นชา
นางงดงามมาก ถึงแม้ว่าจะอายุไม่เยอะ แต่ก็เริ่มเผยความงดงาม เหมือนว่าอากัปกิริยาที่แสดงออกมา สามารถทำให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลได้
แต่ว่า ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความงามของนาง แต่ท่าทางแบบนั้นของนางยังดูเป็นจักรพรรดิ มากกว่าฮ่องเต้แห่งซีเฉียนเสียอีก
อายุยังน้อย แต่กลับเป็นจักรพรรดิได้อย่างนั้นคง เล่ากันว่ายังเป็นผู้รักษาสถิติของสถาบันไป๋หยวนทั้ง หนานฮวง พรสวรรค์แบบนี้ ดูถูกไม่ได้..ดูถูกไม่ได้ หลี่ชังพูดในใจ แล้วก็ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
เจียงหลีโบกมือ เหมือนว่าไม่ได้สนใจท่าทีของหลิงไซว่แห่งซีเฉียน หรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย เหมือนว่ากำลังอยู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น ท่าทางที่ไม่สนใจของนาง กลับทำให้หลิงไซว่แห่งซีเฉียนคน นั้นสีหน้าดูไม่ได้เลย
นางเมินหลิงไซว่แห่งซีเฉียนคนนั้น แล้งพูดกับหลี่ชังว่า “บอกเงื่อนไขการสงบคึกของซีเฉียนมา”
หลี่ชังตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ พยายามรักษาท่าทางของขุนนางไว้ เอาจดหมายสงบศึกฉบับร่างออก มาแล้วอ่าน “ราชวงศ์จยาเซียนยอมให้หนึ่งในสามหัวเมืองที่ติดกับซีเฉียนของแคว้นสุ่ยหันให้ซีเฉียน แล้วแคว้นของเราจะลงนามในสนธิสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามเป็นเวลายี่สิบปี”
พูดจบ ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซีดเซียว ด่าในใจ เรื่องพรรค์นี้มันกับดักชัดๆ!
แต่ทว่า ในตอนที่เขาพูดจบ ในแววตาของหลิงไซว่ข้างๆ เขากลับมีความทะนงขึ้นมา มองไปทาง ราชวงศ์จยาเซียนด้วยความเหยียดหยามอย่างยิ่ง
เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย กะพริบตาช้าๆ เผยความเยือกเย็นออกมา นางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เดินไปจากศาลาอำลาอย่างช้าๆ เดินไป พูดไป “ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนของพวกเจ้าสมองมีแต่ขี้เลื่อยหรือ อย่างไร”
แคว้นที่แพ้ศึก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าให้แคว้นที่ชนะศึกยกดินแดนให้อย่างนั้นรึ
เหอะๆ ไร้ยางอาย!
เห็นว่านางยังเด็ก เลยน่ารังแก!
“หืม ไม่เจียมตัว!”
หลื่ชังยังไม่ท้นเปิดปากพูด หลิงไซว่คนนั้นก็จ้องมองด้วยความโกรธ พลังในตัวของเขาจู่โจมไปยัง เจียงหลี…