บทที่ 1204 แล้วเมื่อไหร่จะทำได้?
“นึกไม่ถึงว่าข้าทำไม?” ตี้ฝูอียังคงกอดรัดนางไว้แน่นเช่นเคย ไม่ได้เคลื่อนไหวต่อไปอีกขั้น
แพขนตาของกู้ซีจิ่วหลุบลง “นึกไม่ถึงว่าท่านก็มีช่วงเวลาที่เหมือนมนุษย์ปุถุชนด้วย…”
“หือ?” ยากนักที่จะได้เห็นตี้ฝูอีไม่เข้าใจ
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะอธิบาย ความรู้สึกที่เธอมีต่อตี้ฝูอีอันที่จริงค่อนข้างประหลาดยิ่งนัก ถึงแม้ตี้ฝูอีจะเคยกอดจูบกับเธอหลายครั้งแล้ว แต่ในสายตาเธอท่านเทพใหญ่ผู้นี้ก็คือบุปผางามบนยอดดอยที่ล่องลอยอยู่ในมวลเมฆา เรื่องราวชายหญิงคาวโลกีย์เช่นนั้นเขาน่าจะทำไม่เป็นและไม่สนใจใคร่ทำสิ…
ถึงแม้เขาบอกว่าเขาจะแต่งกับเธอ แต่ในใจกู้ซีจิ่วรู้สึกว่าภายหน้าการอยู่ร่วมกันของทั้งสองน่าจะเป็นการจับจูงกันท่องเที่ยว เขาพาเธอตระเวนชมขุนเขาสายธาร เสมือนหยางกั้วและเสี่ยวหลงหนี่วในละครทีวีดั่งคู่รักเทพเซียนประเภทนั้น
จนกระทั่งบัดนี้ เขากุมมือของเธอไว้ทำให้เธอได้เผชิญหน้ากับทุกอย่างของเขาจริงๆ เธอถึงสัมผัสได้ว่าเขาเป็นบุรุษจริงๆ เป็นชายชาตรีขนานแท้…
นี่รู้สึกประหลาดยิ่งนัก ทำให้เธอรู้สึกว่าตนลบหลู่อีกฝ่าย ทว่าก็แอบเป็นสุขด้วย
ความเป็นสุขนี้เสมือนมีฟองสบู่ถาโถมเบ่งบานอยู่ในใจ ซํ้ายังผุดขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ
ปลายนิ้วตี้ฝูอีปัดผ่านมุมปากที่หยักน้อยๆ ของเธอ “นี่มีความสุขจนโง่งมไปแล้วหรือ?”
ยากนักที่จะได้เห็นกู้ซีจิ่วไม่ยอกย้อนกลับ เธอเป็นกังวลปัญหาอีกข้อหนึ่งอยู่ “ข้าไม่โดนแผลของท่านใช่ไหม?”
เมื่อครู่ต่อให้เธอตกอยู่ในสภาวะที่ดุเดือดเร่าร้อนเช่นนั้น ก็ยังคงหลีกเลี่ยงบาดแผลเขาอย่างระมัดระวัง เลี่ยงไม่ให้กระทบกระเทือนจนทำให้เขาเจ็บ
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่โดน”
แววตาเขายังคงซัดโหมดั่งคลื่นนํ้าวน กอดเธอไว้แน่นยังคิดจะทำต่อ
กู้ซีจิ่วรีบใช้นิ้วหนึ่งกดริมฝีปากเขาไว้ ดันเขาให้ถอยออกไปครึ่งหนึ่ง “ไม่เอาแล้ว!”
ตี้ฝูอียังคงกักตัวเธอไว้ แววตาคล้ายจะสุมด้วยม่านควันระอุ ถามออกมาตรงๆ “แล้วเมื่อไหร่จะทำได้?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
ตี้ฝูอีมองเธอ “เด็กน้อย เจ้าเคยบอกว่าเหตุที่ปฏิเสธข้า เป็นเพราะชอบข้าไม่มากพอ…”
ที่นี่เขากำลังรอเธอเรื่องนี้อยู่!
กู้ซีจิ่วนึกถึงสิ่งที่สนทนากับเขาตอนความทรงจำยังไม่กลับมา รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตัวเธอขายตัวเองเสียแล้ว…
สายตาของเขาประหนึ่งมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ยามที่จ้องมองเธอทำให้หัวใจเธอเต้นระส่ำ คล้ายจะหายใจไม่ออกด้วย
ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นหญิงสาวที่ซื่อตรงคนหนึ่ง ยามที่เธอประหม่า จะชอบเปลี่ยนจากผู้ถูกต้อนเป็นฝ่ายไล่ต้อนเอง ดังนั้นเธอจึงยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบคอเขาไว้ เป่าลมหายใจที่หอมกรุ่นปานดอกกล้วยไม้อยู่ริมหูเขาดั่งภูตสาวเจ้าเสน่ห์ตนหนึ่ง “ยามที่อาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้นแล้ว!”
เธอยังจูบลงบนใบหูของเขาทีหนึ่งด้วย “แต่ก่อนที่จะถึงยามนั้นตอนนี้ท่านต้องเป็นเด็กดีก่อนนะ”
เมื่อเห็นใบหูเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างพบเห็นได้ยาก เธอก็อดใจไม่อยู่งับหูเขาเบาๆ อีกทีหนึ่ง หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง ถึงได้ลุกขึ้นนั่ง
หลังจากลุกขึ้นนั่งแล้วถึงพบว่าอาภรณ์บนร่างตนยับยู่ยี่ยิ่งนัก…
เธอรีบจัดการทันที จัดแจงอาภรณ์บนร่างให้เรียบร้อย
เมื่อครู่กอดจูบกันดุเดือดเร่าร้อนเกินไป เกือบจะก้าวเข้าสู่กองเพลิงจริงๆ แล้ว…
ร่างเขายังมีแผลโชกเลือดอยู่นะ!
ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นหมาป่าหางโต คนที่ควรร้องให้หยุดย่อมเป็นเธอ อีกอย่างนี่ก็เป็นภายในรถม้า นอกรถม้ายังมีสี่ทูตอยู่…
ความเคลื่อนไหวภายในรถม้า ไม่รู้ว่าข้างนอกจะได้ยินหรือเปล่า?
เธอพยายามทำให้หัวใจที่เต้นระรัวสงบลง หันไปหมายจะพูดอะไรกับเขา “ท่าน…”
เพิ่งจะจั่วหัวออกมาก็ถูกตี้ฝูอีเอ่ยขัดแล้ว “ตอนนี้กล้ารักษาบาดแผลบนขาให้ข้าแล้วกระมัง?”
สายตาของกู้ซีจิ่วกวาดมองบนขาเขาแวบหนึ่ง เห็นส่วนนั่นที่ตั้งชูชันอยู่อย่างไม่อาจหลบเลี่ยงได้ จึงรีบละสายตาไปทันที ไม่กล้ามองไปทางนั้นอีก สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่งและกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าท่านรักษาด้วยตัวเองจะดีกว่า…ข้า…”