Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1233

บทที่ 1233 แม่นางท่านนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอออกมาหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว เธอยังต้องกลับไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง มิอาจรั้งรอที่นี่ได้อีก เมื่อเห็นข้ารับใช้เก็บไข่มุกที่เกลื่อนเต็มเวทีได้ครึ่งหนึ่ง เพียงพอที่เธอจะใช้แล้ว เธอเคลื่อนย้ายไปตรงหน้าของข้ารับใช้ผู้นั้น “ขอบใจมาก เอาให้ข้าแค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือเหล่านั้นเป็นรางวัลของเจ้า”

เธอหยิบไข่มุกในมือเขามาเทลงในถุงเก็บของของตัวเองดังโครมคราม…

“แม่นาง ท่านไม่ร้องก็ได้ ข้าพอมีบุญวาสนาคบหาเจ้าเป็นเพื่อนได้หรือไม่?” หลานเฝ่ยไม่ยอมแพ้ เดินเข้ามาอีก

กู้ซีจิ่วเงยหน้า ยังไม่ทันได้พูดจาอันใด ห่างไปไม่ไกลมีเสียงพิณดัง ‘ตึง!’ สองที เสียงพิณประหนึ่งผ้าไหมฉีกขาด สั่นสะท้านความรู้สึกในจิตใจของทุกคน และยังมีเสียงก้องดังดุจนํ้าไหลตามมากับเสียงพิณ “ไม่ได้!”

ฝูงชนเงยหน้ามองตามเสียง มองเห็นเสาธงพลิ้วไหวที่ห่างไปไม่ไกลมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ อาภรณ์ขาวนวลสะบัดพลิ้วไปตามสายลม ในอ้อมกอดมีพิณคันหนึ่ง รูปร่างสูงสง่า สวมใส่หน้ากากบนใบหน้า คือตี้ฝูอีนั่นเอง

“คุณชายหวง!”

“โอ้ คุณชายหวง!”

“คุณชายหวงมาแล้ว!”

ฝูงชนแตกตื่นดังหม้อระเบิด ในพริบตาเดียวก็โหวกเหวกโวยวายกันขึ้น พรั่งพรูความปีติยินดีต่างๆ นานา ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่โค้งคำนับลงไป

เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีเป็นที่นิยมชมชอบของคนที่นี่ อีกทั้งดูจากการวางท่าแล้วเขาคงเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว อย่างน้อยที่สุดประชากรชาวเงือกมากมายขนาดนี้ต่างจำเขาได้ บูชาเขา หลานเฝ่ยก็ตกตะลึง ทักทายไปทางนั้น

กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีกปากเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน

ตี้ฝูอีเคลื่อนไหวร่างกาย ร่อนลงตรงหน้าของกู้ซีจิ่ว เอื้อมมือไปดึงนาง “อยากมางานชุมนุมบุปผาไยไม่รอข้า?”

กู้ซีจิ่วถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลีกหนีจากมือของเขาพูดอย่างเรียบเฉย “ท่านอยากมาจับข้ากลับไปขอโทษสหายของท่านอย่างเป็นทางการงั้นรึ? ความจริงแล้วท่านไม่จำเป็นต้องมา ข้าบอกแล้วว่าสองชั่วยามจะกลับไปก็คือสองชั่วยามกลับไป ไม่มีทางหลีกหนีอาญา”

นางถอยหลังไปอย่างเยือกเย็น มือของตี้ฝูอีคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เขาตกใจเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววรู้สึกผิด “ซีจิ่ว เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ แต่เป็นพวกเขาที่ติดค้างคำขอโทษเจ้า”

กู้ซีจิ่วยิ้มมิเชิงยิ้ม “ว่าอย่างไรนะ?”

“แม่นางกู้ เรื่องนี้ไม่โทษเจ้า จิ้งอี๋นางก่อเรื่องก่อน ข้ารับใช้ก็เสียมารยาท ข้าต้องขออภัยแม่นางด้วย” หลานเหยากวงปรากฏกายกลางอากาศ ในพริบตาก็ร่อนลงมาที่เวที ประสานมือโค้งคำนับมาทางนาง

“ประมุขเงือกเสด็จแล้ว!”

“ถวายบังคมประมุขเงือก!”

ประชาชนที่เพิ่งลุกขึ้นยืนก็ยินดีปรีดากันขึ้นมาอีกครั้ง ต่างทยอยคารวะประมุขเงือก

ทว่าทุกคนยังคงงุนงงไม่น้อย สายตานับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว ที่มาที่ไปของแม่นางผู้นี้ต้องไม่ธรรมดา คุณชายหวงอยากจับมือพูดจากับนาง ประมุขเงือกก็ขออภัยต่อนาง…

ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

แม่นางท่านนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?

หลานเหยากวงมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาจริงใจ “เพื่อแสดงความจริงใจ ข้าขอชดใช้ให้แม่นาง วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่นางซื้อในงานชุมนุมบุปผาให้ลงบัญชีข้าไว้ทั้งหมดได้เลย”

ใบหน้างดงามของกู้ซีจิ่วเผยให้เห็นลักยิ้มบางๆ “ไม่จำเป็นหรอก ฝ่าบาททำไปด้วยใจที่ต้องการปกป้องน้องสาว และไม่ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด ลงมือหยุดยั้งเพียงเล็กน้อยไม่นับว่าผิดอันใด ซีจิ่วไม่ใช่คนไร้เหตุผล ไม่ถือโทษโกรธฝ่าบาทอันใด ดังนั้นซีจิ่วไม่ต้องการการชดใช้ของฝ่าบาท”

หลานเหยากวงโล่งอกไปที แม่นางท่านนี้มีหลักการอันชอบธรรม เป็นแม่นางมีมารยาทท่านหนึ่ง!

เขาหัวเราะ “ฮ่าๆ ดีเหลือเกิน! แม่นางช่างใจกว้างอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด เพลงที่แม่นางร้องก็ไพเราะยิ่งนัก ข้าฟังแล้วยังหลงลืมตัวไป ผู้ที่โดดเด่นที่สุดในการแข่งขันร้องเพลงครั้งนี้ควรเป็นแม่นางกู้ ไข่มุกราตรีเม็ดนั้นของข้า เป็นของแม่นางแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!