Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 140

บทที่ 140

เขาจะไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับนังเด็กอัปลักษณ์คนนั้น!

เหลิ่งเซียงอวี้ตะลึงงัน “เป็นไปไม่ได้กระมัง?! การยืมศพคืนวิญญาณมิใช่ว่าเป็นเรื่องยากมากหรอกหรือ? ต้องใช้วิญญาณต่างแดนที่มีชะตาสัมพันธ์กับร่างนี้เป็นอย่างยิ่ง ถึงจะเป็นไปได้อีกอย่างข้าได้ยินมาว่าต่อให้มีวิญญาณแข็งแกร่งยืดครองร่างได้สำเร็จ ก็ไม่สามารถควบคุมร่างได้ในระยะเวลาสั้นๆ จะเดินจะเหินก็ต้องเขย่งก้าวกระโดด เหมือนกับผีดิบ ทำให้คนแยกแยะได้ง่ายมาก แต่เจ้าดูนังเด็กอัปลักษณ์คนนั้นสิ เคลื่อนไหวได้ตามใจ การแสดงอารมณ์บนใบหน้าก็มากมายหลากหลายนัก ยืมศพคืนวิญญาณผลไม่น่าจะเป็นเช่นนี้”

กู้เทียนเฉาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ว่าตามเหตุผลก็เป็นเช่นนี้จริงๆ นี่ก็เป็นจุดที่ลูกสงสัย บางทีนางอาจเป็นคนอื่นที่ใช้วิชาแปลงกายอะไรทำนองนั้น? สวมรอยเป็นนังเด็กอัปลักษณ์?”

เหลิ่งเซียงอวี้ตะลึงกว่าเก่า “วิชาแปลงกาย? วิชานั้นมิใช่มีอยู่แค่ในตำนานหรอกหรือ? มีเพียงฝึกฝนพลังวิญญาณจนถึงระดับสูงสุดถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลง รูปลักษณ์ได้ตามใจ แม้แต่เจ้าสำนักหลักทั้งสามก็ยังไม่แน่ว่าจะทำได้ ถ้าหากกู้ซีจิ่วในปัจจุบันรู้วิชานี้ เช่นนั้นนางคงเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทาน ยอดฝีมือเช่นนี้จะมาซ่อนตัวอยู่ในจวนแม่ทัพของเราแล้วเปลี่ยนเป็นเด็กอัปลักษณ์คนหนึ่งไปทำไม? ”

กู้เทียนเฉาถอนหายใจ “ลูกก็แค่คาดเดา บางทีอาจเป็นปีศาจร้ายที่ไม่อยากเผยฐานะในโลกนี้อะไรทำนองนั้น เลยจงใจแปลงกายเป็นนังเด็กอัปลักษณ์ตํ่าต้อยคนนั้น…”

เหลิ่งเซียงอวี้ส่ายศีรษะ “แม่คิดว่าที่เจ้าคาดเดามาทั้งหมดนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่”

กู้เทียนเฉาเองก็คิดว่าไม่น่าเชื่อ ประกายแสงในดวงตาเขาวูบไหวเล็กน้อย ปลอบมารดาต่ออีกหลายประโยค แล้วจึงเดินออกมา

เขายืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิม ทั้งยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพรางกาย เหินกายขึ้น พุ่งทะยานไปทางเรือนของกู้ซีจิ่ว ประดุจแมวดาว…

เขาจะไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับนังเด็กอัปลักษณ์คนนั้น!

พลังวิญญาณของเขายอดเยี่ยม วรยุทธ์ยิ่งยอดเยี่ยมกว่า ร่างเลือนรางดั่งควันไฟ เฉียดผ่านสันหลังคา

ยามปกติเขาสัญจรไปมาในจวนแม่ทัพอย่างอิสระเสรีไม่มีใครพบเห็น

แต่ครั้งนี้…

ครั้งนี้มีอาเพศ! คืนนี้มีผู้คุ้มกันลาดตระเวนในจวนมากเป็นพิเศษ! มิหนำซํ้าทุกคนยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย!

กู้เทียนเฉายังทะยานไปไม่ถึงเรือนของกู้ซีจิ่ว ก็ถูกพวกเขาพบตัวแล้ว เสียงตะโกนดังขึ้น ”ผู้ใด?!’’

แล้วไล่ตามเขามาอย่างรวดเร็ว!

กู้เทียนเฉาจึงเลี้ยวกลับแล้วหนี!

เขาใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีหลบหนีเป็นพัลวัน วิชาหลบลี้ต่างๆ นานา ล้วนใช้ออกมาจนหมด หลังจากผ่านโผนทะยานรอบจวนแม่ทัพจนครบสามรอบ ในที่สุดก็สลัดทหารที่ไล่ตามพ้น แล้วกลับไปที่เรือนของตน…

เขารีบเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดนอนของตน เพิ่งจะจัดการเสร็จ กู้เซี่ยเทียนบิดาของเขาก็พรวดพราดมาถึง

หลังจากกู้เซี่ยเทียนเข้าประตูมาสองตาก็สำรวจเขา พลางถามว่าเห็นมือสังหารโผล่มาบ้างไหม? ทั้งยังกล่าว อีกว่าผู้คุ้มกันของเขาไล่ตามมือสังหารมาจนถึงที่นี่แล้วก็หายไป

ถึงแม้กู้เทียนเฉาจะตื่นตระหนก จนไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย ได้แต่ส่ายหัวระรัวกล่าวว่าไม่เห็น

กู้เซี่ยเทียนไม่ได้จี้ถามเขาอีก เพียงกล่าววาจามีนอกมีในอยู่หลายประโยค “หนนี้ลูกจิ่วแสดงความโดดเด่นออกมาไม่น้อย คาดว่าคนที่คิดร้ายต่อนางคงมีอยู่มาก ดังนั้น ข้าจึงส่งกองทหารกล้าไปตรวจตรารอบๆ เรือนของนาง ไม่ให้นางเกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้น! ข้าได้สั่งทหารลาดตระเวนเหล่านั้นไว้ว่า หากพบเห็นคนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยวนเวียนอยู่รอบเรือนของลูกจิ่ว สังหารได้หมดไม่ละเว้น เทียนเฉา พ่อจัดการเช่นนี้เจ้าต้องการจะเพิ่มเติมอะไรหรือไม่?”

กู้เทียนเฉารู้ว่าบิดาพูดเช่นนี้เพื่อตักเตือนเขา ไหนเลยจะกล้าพูดเป็นอื่น ได้แต่ฝืนยิ้มกล่าวว่า “เป็นท่านพ่อคิดได้รอบคอบ จิวเอ๋อร์ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษจริงๆ…”

กู้เซี่ยเทียนตบไหล่ของเขาเบาๆ ถอนหายใจพลางเอ่ย “เทียนเฉา พวกเจ้าล้วนเป็นลูกของข้า พ่อหวังว่าพวกเจ้าจะรักใคร่กลมเกลียว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และไม่คิดร้ายกันลับหลัง ทำให้พ่อต้องชํ้าใจ…”

…………………….

[1] บังลมคุ้มฝน หมายถึง ช่วยปกป้องและเป็นที่พึ่งพาได้

[2] ยืมศพคืนวิญญาณ หมายถึง วิญญาณสิงในร่างใหม่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!