Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 167

ตอนที่ 167

ในที่สุดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มาถึงแล้ว!

หลงซือเย่พาเธอไปอย่างรวดเร็วยิ่ง เพิ่งจะพ้นจากประตูตำหนักมา เขากลับชะงักฝีเท้าโดยพลัน แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง เงยหน้ามองด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ตกตะลึง!

กลางฟ้ามีแถบแพรสีฟ้าดุจคลื่นทะเลแผ่ขยายมา และบนแถบแพร มีเรือสีครามเหมือนท้องนภาลำหนึ่งกำลังแล่นมาอย่างช้าๆ!

ดูไม่ออกว่าตัวเรือเป็นวัสดุใด ถึงได้เป็นสีครามดุจสีท้องนภา โปร่งใสคล้ายแก้วผลึก บนตัวเรือมีภาพอยู่ชุดหนึ่ง มีสีครามเป็นพื้นหลัง เมฆขาวลอยล่อง กลางหมู่เมฆมีจันทราดวงหนึ่ง ดวงจันทร์สีทองนั้นมีสีสันสมจริง ถึงขั้นส่องสว่างได้ดั่งจันทรา ใต้ดวงจันทร์มีวิหคขาวร่ายรำวนเวียน เมื่อสายลมอ่อนพัดโชยมา ภาพวาดบนตัวเรือลื่นไหลดั่งระลอกคลื่นก็มิปาน มองผ่านๆ แล้วจันทรานั้น มวลเมฆนั้น วิหคนั้น ล้วนราวกับมีชีวีตจริงๆ

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเรือลำนี้แล่นอยู่กลางอากาศ แต่กลับทำให้คนรู้สึกคล้ายแล่นอยู่บนท้องทะเล แถบแพรสีฟ้าข้างใต้เรือคือคลื่นทะเลที่สะท้อนขึ้นลง ส่วนใบเรือคือเมฆขาวที่ลอยล่ะลอง…

ราวกับไม่ใช่สิ่งของในโลกมนุษย์ แต่เป็นพาหนะเดินทางของเทพสวรรค์เบื้องบน

มีคนแปดคนอยู่รอบๆ เรือลำนี้

เป็นชายสี่หญิงสี่ มีอายุราวสิบหกสิบเจิดปี สวมเสื้อคลุมสีเดียวกัน หล่อเหลางดงามกันอย่างยิ่ง

เด็กหนุ่มทั้งสี่กำลังพายเรือ เด็กสาวทั้งสี่แยกกันยืนโบกแถบแพรสีฟ้าครามอยู่ที่หัวเรือและท้ายเรือ…

เรือเปิดโล่ง บนเรือมีคนผู้หนึ่งเอนกายอยู่

คนผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีม่วง ร่างดั่งอยู่ท่ามกลางสายหมอกสีม่วง ราวกับภาพฝัน

จะว่าไปก็แปลก กู้ซีจิ่วเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเด็กสาวเหล่านั้นอย่างชัดเจน แต่คนที่อยู่บนเรือผู้นี้ไม่มีสิ่งใดปิดกั้นเลยชัดๆ

แม้กระทั่งสิ่งของประเภทหน้ากากก็ไม่ได้สวมไว้ แต่กู้ซีจิ่วเบิกตากว้างแค่ไหนก็ยังเห็นหน้าเขาไม่ชัด

เห็นเพียงเรือนผมยาวดกดำที่ปลิวไสวเหมือนเสื้อคลุมสีม่วง ดูเหมือนเขากำลังวาดภาพอยู่บนเรือ เบื้องหน้ามีกระดานวาดภาพอันหนึ่ง เขายกมือข้างหนึ่งน้อยๆ แขนเสื้อสีม่วงที่หลวมกว้างโบกสะบัด เผยให้เห็นมือกระจ่างขาวราวกระเบื้องเคลือบ บนนิ้วมือเรียว สวมแหวนคล้ายเพชรตาแมวไว้วงหนึ่ง ถือพู่กันวาดภาพด้ามหนึ่งไว้ในมือ กำลังวาดภาพบนกระดานวาดภาพอันนั้น พู่กันของเขา ขยับพลิ้วไหวดุจมังกร ดูเหมือนจะเป็นภาพวาดที่ทรงพลัง

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”

“ในที่สุดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มาถึงแล้ว!”

ด้านหลังมีคนตะโกนขึ้นมาเบาๆ กู้ซีจิ่วหันกลับไป เห็นจักรพรรดิซวนรีบนำขบวนข้าราชบริพารออกมา คนทั้งหมดล้วนแหงนหน้ามองฟ้า มองเรือประหลาดที่อยู่กลางอากาศลำนั้น…

ด้วยเสียงตะโกนเบาๆ นอกจากจักรพรรดิซวน กู้ซีจิ่ว และหลงซือเย่ คนอื่นๆ ต่างพากันคุกเข่าลงไปหั้งหมด “ยินดีต้อนรับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”

แม้แต่จักรพรรดิซวนก็ยังมีสีหน้าเบิกบานประสานมือคำนับไปทางด้านบน “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ในหี่สุดท่านก็มาแล้ว”

ที่แท้นี้ก็คือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!

ยิ่งใหญ่อลังการนัก เปิดตัวได้โดดเด่นมาก!

ทั้งเจิดจ้า ทั้งสะดุดตา แต่กลับชวนให้รู้สึกถึงความสงบเยือกเย็น

“ซีจิ่ว รีบใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาเร็ว ไป!” หลงซือเย่รีบร้อนกล่าวประโยคนี้ข้างหูกู้ซีจิ่ว จากนั้นคลายแขนปล่อยตัวเธอ

เขาเชื่อมั่นว่าด้วยนิสัยร้ายกาจของเธอ เวลานี้หากได้รับอิสระแล้ว สิ่งแรกที่เธอน่าจะทำคือหนีไป!

แต่กู้ซีจิ่วแค่เดินไปด้านข้างสองก้าว ไม่มีความคิดจะจากไปเลย!

หัวใจของหลงซือเย่จมดิ่ง หรือว่าตนจะจำคนผิดจริงๆ?

เขาหลุบตาลง ยื่นมือไปดึงกู้ซีจิ่วมาอยู่ข้างกายตน

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง

เจ้าสำนักหลงผู้นี้เคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไปแล้ว!

ฟ้าแลบก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับความเร็วของเขาได้ เธอเห็นอยู่ชัดๆ ว่ามือของเขาพุ่งมาแล้ว แต่กลับหลบไม่พ้น ถูกเขาดึงไปอีกครั้ง…

เธอดิ้นแล้วดิ้นอีก ก็ดิ้นไม่หลุด ราวกับมือของอีกฝ่ายงอกจากหลังมือเธอ สลัดอย่างไรก็สลัดไม่พ้น

‘เหตุใดจึงดื้อรั้นถึงเพียงนี้?’ เสียงของหลงซือเย่ดังขึ้นในหูเธอ เป็นการส่งเสียงลับให้เธอได้ยินเพียงคนเดียาเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!