บทที่ 172
หมู่นี้กู้ซีจิ่วกระทำเรื่องโดดเด่นไม่น้อย
ตี้ฝูอีมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เจ้าลองพูดมาสิ”
กู้ซีจิ่วก็มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายจะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ผ่านไปสักพักก็พลันถอนหายใจ “แล้วไปเถอะเจ้าค่ะ อย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย”
ฝูงชนสับสนงุนงง เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ไม่มีใครทราบว่าทั้งสองคนเล่นทายปริศนาอะไรกันอยู่
รู้สึกเพียงว่าวาจาของนางมีความนัยแอบแฝงอยู่ ราวกับนางเคยล่วงเกินท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จริงๆ แต่ด้วยอำนาจของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในยามนี้ จึงไม่สามารถกล่าวเรื่องนี้ออกมาได้ ทำได้แค่ยอมรับชะตากรรม
เดิมทีเรื่องการตรวจสอบสานุศิษย์สวรรค์ จะมีทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเพียงผู้เดียวเป็นผู้ตรวจสอบ แต่หากเขามีความแค้นส่วนตัวกับกู้ซีจิ่ว เช่นนั้นก็เป็นไปได้ยากที่จะตรวจด้วยความยุติธรรม
ถึงแม้จะไม่เคยได้ยินความผิดพลาดของท่านทูตสวรรค์ผู้นี้ในแง่นี้ แต่ไม่เคยได้ยินไม่ได้แปลว่าไม่มี ถึงอย่างไรเขาก็แข็งแกร่งมาก จึงไม่มีใครกล้าสงสัยผลการตรวจสอบของเขา ถึงขั้นไม่มีใครกล้าเอ่ย อะไรแม้แต่ครึ่งคำ
การตรวจสอบคนของเขาบางครั้งเปิดเผยต่อสาธารณชน บางครั้งก็ตรวจสอบตามลำพัง บางครั้งยังนำตัวคนไปทดสอบที่แท่นเบิกสวรรค์ด้านนอกวังคํ้านภาด้วย
ส่วนใหญ่แล้วผู้ตรวจสอบหลักจะมีแต่ตัวเขา ฝูงชนทำได้เพียงรอผลอยู่นอกวังเท่านั้น
ยามนี้ผู้คนเกิดข้อสงสัยดังกล่าวนี้ขึ้นในใจ บางคนจึงไม่สบายใจขึ้นมา
โดยเฉพาะกู้เซี่ยเทียน ตั้งแต่ตอนที่กู้ซีจิ่วเอ่ยคำว่า ‘สวรรค์ประทานความสามารถให้’ ออกมา ใจเขาก็กระสับกระส่ายขึ้นมา เป็นกังวลอย่างยิ่ง
ยามนี้พอได้ฟังวาจาเช่นนี้ของกู้ซีจิ่ว เขาจึงรีบกล่าวทีนที “ฝ่าบาท การตรวจสอบสานุศิษย์สวรรค์ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กระหม่อมรู้สึกว่าควรจะตรวจสอบอย่างเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะชน และหาผู้ช่วย ตรวจสอบอีกสองท่านมาช่วยตรวจด้วย แบบนี้ถึงจะทำให้คนมั่นใจในผลตรวจที่ออกมาพะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิซวนก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญ จะต้องรอบคอบแล้วรอบคอบอีก เขามองไปทางตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านคิดว่าอย่างไร?”
หลงซือเย่ก็กล่าวขึ้นมา “ข้ายินดีเป็นผู้ช่วยของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย”
“ข้าก็เป็นผู้ช่วยให้ได้” นํ้าเสียงเยือกเย็นเฉยชาเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอกตำหนัก บุรุษชุดดำผู้หนึ่งก้าวเข้ามา
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเทียนจี้เยวี่ย!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาจริงๆ
ทูตสวรรค์ซ้ายขวารวมตัวกันในตำหนักเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่านเจ้าสำนักหลงที่ยากจะได้พบอยู่ด้วย?
ข้าราชบริพารที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกว่า เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามยืนอยู่ในตำหนักแห่งนี้ ทำให้ตำหนักที่เดิมทีเก่าแก่โบราณเปลี่ยนเป็นเปี่ยมไอมงคล สาดแสงทองผ่องอำไพในชั่วพริบตา!
ช่วงชีวิตที่เหลือของพวกเขาสามารถพบเห็นสามบุคคลนี้ปรากฏตัวได้ รู้สึกว่าต่อให้ต้องตายตอนนี้ก็คุ้มค่าแล้ว!
ยิ่งกว่านั้นคือครั้งนี้สามผู้ยิ่งใหญ่ยังร่วมมือกันตรวจสอบสาวน้อยคนหนึ่งว่าเป็นผู้ได้รับความสามารถจากสวรรค์หรือไม่
หมู่นี้กู้ซีจิ่วกระทำเรื่องโดดเด่นไม่น้อย หนนี้ยิ่งใหญ่โตเป็นพิเศษ!
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องอยู่ที่ร่างนาง แววตาเปล่งประกายวาววับ
กู้ซีจิ่วยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเยือกเย็นเหมือนเก่า ท่าทางคล้ายกับมีแผนอยู่แล้ว ทว่าภายในใจกลับหนักใจอยู่บ้าง
เมื่อครู่เธอกล่าวไปเช่นนั้นเพราะจะมอบทางรอดให้ตัวเอง หากถูกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่เปี่ยมเสน่ห์ผู้นี้ตรวจพบว่าเป็นผู้ได้รับความสามารถจากสวรรค์ตัวปลอม เธอก็สามารถหลบเลี่ยงได้โดยอ้างเหตุผลว่าเขาทำเพื่อแก้แค้น ไหนเลยจะทราบว่ามีการตรวจสอบต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้อยู่?!
ทั้งยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามลงมือร่วมกันด้วย!
หลงซือเย่ ยังพอว่า ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์ใดก็ตาม ครั้งนี้เขาล้วนคิดจะช่วยเหลือเธอ แต่ทูตสวรรค์ทั้งสองท่านนี้ก็ยากจะพูด!
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายร้ายกาจคาดเดายาก ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเที่ยงตรงไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น หากอยู่ภายใต้การตรวจสอบของสามคนนี้ ย่อมมองออกว่าเธอเป็นของปลอม เกรงว่าโทษทัณฑ์นั้นต้องมาถึงแน่ และผ่อนปรนไม่ได้แม้แต่น้อย…
มีแต่เสียกับเสีย
เธอนวดคลึงหว่างคิ้วด้วยปวดหัวยิ่งนัก ขั้นต่อไปเธอควรทำอย่างไรดี?
ถ้าวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของเธอยังอยู่คงดีกว่าตอนนี้เยอะ!
เธอจะสามารถสะบัดก้นจากไปได้เลย…
…………………….
[1] เกาทัณฑ์น้าวสายแล้ว มาจากสำนวนเดิมคือ เกาทัณฑ์น้าวสายแล้ว ต้องยิงเท่านั้น ความหมายคือ เมื่อเริ่มทำอะไรไปแล้ว ก็ต้องทำต่อให้จบ จะหยุดกลางคันไม่ได้