Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 299

บทที่ 299

ทางเลือกสองประการ

กู้เซี่ยเทียนพบว่าหลัวซิงหลานผ่ายผอมจนหนังหุ้มกระดูก เหลือเพียงท้องที่ใหญ่นูนสะดุดตายิ่ง

ไม่รู้ว่าพลังชีวิตของตัวหลัวซิงหลานเองแข็งแกร่ง หรือเด็กในท้องนางยังไม่ถึงฆาต เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากหมอชื่อดังในเมืองหลวง ในที่สุดก็ยื้อชีวิตหลัวซิงหลานกลับมาได้

กู้เซี่ยเทียนรู้สึกละอายใจ จึงรีบย้ายหลัวซิงหลานออกมาจากเรือนเล็กทรุดโทรมหลังนั้น อีกทั้งสั่งให้คนทำอาหารบำรุงสารพัดอย่างให้นางกิน…

อุปนิสัยของหลัวซิงหลานเปลี่ยนไปมากหลังออกมาจากเรือนเล็ก สตรีอารมณ์ร้อนนิสัยเปิดเผยเปลี่ยนเป็นเงียบขรึมอย่างยิ่ง มักจะมองไปทางทิศใดทิศหนึ่งด้วยสายตาเหม่อลอย นั่งนิ่งอยู่นานสอง นาน

ไม่พูดไม่จากับผู้ใดเลยสักคำ ไม่เอ่ยปากอีกต่อไป

โชคดีที่ให้กินอะไรนางก็กิน ในที่สุดร่างกายผอมแห้งดั่งลำไผ่ก็มีเนื้อหนึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดูไม่น่าตกใจเพียงนั้นแล้ว…

อันที่จริงช่วงนี้ในวังจัดงานเลี้ยงขึ้นอีกหลายครั้ง กู้เซี่ยเทียนบ่ายเบี่ยงด้วยเหตุผลว่าหลัวซิงหลานร่างกายไม่แข็งแรง ผู้ที่พาไปด้วยทุกครั้งล้วนเป็นเหลิ่งเซียงอวี้

หลังจากหลัวซิงหลานย้ายออกมาจากเรือนหลังเล็กนั้นได้ไม่นาน จักรพรรดิซวนจัดงานเลี้ยงขุนนางขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มีรับสั่งชัดเจน ให้กู้เซี่ยเทียนพาหลัวซิงหลานมาร่วมงานด้วย ทั้งยังส่งรถม้านุ่ม สบายมาเพื่อการนี้…

กู้เซี่ยเทียนจึงพาหลัวซิงหลานไปด้วยจิตใจว้าวุ่น แต่ในงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาได้กำไรไม่น้อย

ในงานเลี้ยง จักรพรรดิซวนตรัสด้วยตนเองว่าจะหมั้นหมายเด็กในครรภ์หลัวซิงหลานไว้ ตรัสไว้ว่าหากเกิดเป็นหญิงก็จะให้ชายาของโอรสเขา เมื่อเติบใหญ่จะให้อภิเษกกับโอรสคนหนึ่งของเขา ยาม นั้นมีองค์ชายที่อายุเข้าเกณฑ์หลายคน จักรพรรดิซวนยังไม่ได้ระบุเจาะจงคนไหน อยากให้เด็กๆ รู้ความสักหน่อยแล้วค่อยเลือกด้วยตัวเอง…

สองเดือนให้หลัง หลัวซิงหลานคลอดลูกสาวก่อนกำหนดหนึ่งเดือน เด็กคนนี้ก็คือกู้ซีจิ่ว

การคลอดก่อนกำหนดประกอบกับขาดสารอาหาร เด็กอายุสี่ห้าเดือนจึงยังตัวเล็กเหมือนลูกหนู ล้มป่วยอยู่บ่อยๆ ทำให้หลัวซิงหลานเกือบคิดว่าเด็กคนนี้คงเลี้ยงไม่รอดแล้ว…

หลัวซิงหลานที่ค่อยๆ ฟื้นตัวเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เฉยชากับทุกเรื่อง เย็นชากับทุกสิ่ง ราวกับปล่อยวางได้โดยสิ้นเชิง

ในที่สุดหลังบ้านของกู้เซี่ยเทียนก็สงบปรองดองได้โล่งอกเสียที

เขายกเลิกการกักบริเวณหลัวซิงหลาน ถึงขั้นอนุญาตให้นางออกไปไหว้พระนอกเมืองได้ แน่นอน ต้องมีผู้คุ้มกันและสาวใช้คอยอารักขาอย่างรัดกุม

กลับนึกไม่ถึงว่าหลัวซิงหลานจะวางแผนการหลบหนีไว้อย่างดีนานแล้ว เมื่อไปไหว้พระอีกหน ด้วยความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ของนาง ในที่สุดนางก็อุ้มกู้ซีจิ่วเล็ดรอดสายตาของผู้ติดตามเหล่านั้นไปได้ หลบหนีสำเร็จ!

แต่เรื่องราวช่างประจวบเหมาะนัก วันนั้นกู้เซี่ยเทียนบังเอิญอยู่ในละแวกนั้นพอดี เมื่อได้ยินข่าวนี้ เขาเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง นำคนตะลุยไล่ล่าค้นหา ในที่สุดก็ไล่ต้อนนางขึ้นไปริมหน้าผาแห่งหนึ่ง

ใต้หน้าผาคือทะเลที่ปั่นป่วน โขดหินประหลาดเป็นตะปุ่มตะป่ำซ้อนทับกัน กู้เซี่ยเทียนมองนางที่อุ้มลูกไว้ด้วยสีหน้าสิ้นหวัง มอบทางเลือกให้นางสองประการ หนึ่ง ตามกลับไปอย่างว่าง่าย แล้วเขาจะทำเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น สอง เขาจะจับกุมนาง ถอดถอนตำแหน่งฮูหยินเอกของนาง เป็นได้แค่อนุของเขา

การที่ภรรยาต้องการหลบหนีไปกับชายผู้หนึ่งซ้ำๆ ทำให้กู้เซี่ยเทียนอยากจะสังหารให้ตายเสีย เขาตัดสินใจไว้แล้วไม่ว่าหลัวซิงหลานเลือกประการใด เขาก็จะสังหารศิษย์พี่ของนางเสีย…

เขานึกว่าหลังจากกล่าวเงื่อนไขสองประการนี้ไป นางจะเดินกลับมาจากริมผาแต่โดยดี แล้วตามเขากลับจวนแม่ทัพอย่างว่าง่าย คาดไม่ถึงว่านางจะเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง เงยหน้าแล้วหัวเราะ จากนั้นเลือกทางที่สาม กระโดดหน้าผา!

เดิมทีนางจะอุ้มลูกกระโดดไปพร้อมกัน ไม่นึกว่าชั่วขณะที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ จู่ๆ เด็กน้อยก็ร่ำไห้ขึ้นมา

หลัวซิงหลานใจไม่แข็งพอ พยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดโยนกู้ซีจิ่วกลับขึ้นไปบนผา ทว่าตัวนางเองร่วงลงสู่ทะเลอนบ้าคลั่ง หายสาบสูญไปตั้งแต่นั้น…

กู้เทียนนั่วที่รีบไล่ตามมาสุดชีวิตเห็นภาพนี้เข้าพอดี แต่เดิมเขาก็ยากจะให้อภัยบิดาที่กระทำต่อมารดาเช่นนั้นอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นฉากอันรวดร้าวนี้ จึงตัดพ่อตัดลูกกับผู้เป็นบิดา หนีออกจากบ้าน หลงเข้าไปในป่าทมิฬ ไม่มีข่าวคราวอีกเลย…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!