บทที่ 441
เจ้าชอบข้ามากขึ้นอีกนิดหรือไม่ 4
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย “กลั้นหายใจ กลิ่นหอมนี้ประหลาด!”
เจ้าหอยยักษ์ตะลึงงันไปก่อนครู่หนึ่ง แล้วพยายามอ้าฝาพะงาบๆ สุดชีวิต “หอมจัง! อ้าๆ หอมเหลือเกิน!” มันกลิ้งไปกลิ้งมา คิดจะแล่นตามกลิ่นขึ้นไปด้านบน
ซือเฉินเหยียบมันไว้ทันที เอ่ยเสียงต่ำว่า “เจ้าคิดจะไปเป็นเครื่องสังเวยถึงที่หรือ?”
เจ้าหอยยักษ์ดั่งเสพยาหลอนประสาทเข้าไป ดิ้นรนอยู่ใต้เท้าเขา “หอมจัง! ข้าอยากขึ้นไปกิน…”
กู้ซีจิ่วไม่พูดพร่ำทำเพลงพลันสะบัดแขนเสื้อ สายลมหอบหนึ่งม้วนออกมาจากแขนเสื้อเธอ หลังจากพัดกวาดไปรอบโพรงก็ลอยออกไปทันที
กลิ่นหอมทั้งหมดในโพรงถูกสายลมพัดพาออกไป ไม่หลงเหลือไว้สักเศษเสี้ยว
เจ้าหอยยักษ์คล้ายสะดุ้งตื่นจากฝัน อ้าฝาหอยมองทางนั่นทีมองทหางนี้ที “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”
ซือเฉินคลำเจอศิลาเขียวก้อนหนึ่งก่อนจะนั่งลง “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เจ้าเกือบจะส่งตัวเองขึ้นไปเป็นเครื่องสังเวย”
เจ้าหอยยักษ์ตะลึงงัน
กู้ซีจิ่วสอบถาม “สัตว์ขั้นแปดแผ่กลิ่นหอมออกมาเพื่อดึงดูดสัตว์ตัวอื่นใช่หรือไม่?”
ซือเฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว เมื่อสัตว์ขั้นแปดฟักตัวจะต้องใช้เครื่องสังเวยจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงแผ่กลิ่นหอมประหลาดออกมา กลิ่นหอมนี้จะทำให้สัตว์ระดับต่ำวิ่งโร่เหมือนฝูงเป็ด เข้ามาหาที่ตายด้วย ตัวเอง…”
คล้ายจะเป็นการยืนยันคำพูดของซือเฉิน บัดนี้ด้านบนเกิดเสียงดุจหมื่นอาชาควบทะยาน เสมือนมีสัตว์มากมายดาหน้าเข้ามาแล้ว
พวกกู้ซีจิ่วที่อยู่ใต้ตินก็สัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนเหล่านั้นได้
“เพรียกวายุตัวนั้นจะกลายเป็นเครื่องสังเวยของมันหรือไม่?” กู้ซีจิ่วอดถามออกมาประโยคหนึ่งไม่ได้
ซือเฉินเงียบงัน เพียงตบมือเธอเบาๆ
สถานการณ์เช่นนี้เขาก็เพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาก็ไม่ทราบเช่นกัน
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เมื่อสัตว์ขั้นแปดฟักตัวจะกลืนกินทุกสิ่งรอบตัวที่มีระดับต่ำกว่ามันไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็ตาม เพรียกวายุตัวนั้นเป็นสัตว์ขั้นห้า ซ้ำายังบาดเจ็บหนักไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เป็นเครื่องสังเวยสำเร็จรูปพร้อมทานที่สุด…
ด้านบน แสงสีม่วงสาดออกมาอีกครั้ง ตามด้วยเสียงสัตว์คำรามแว่วมาเป็นระลอก เสียงคำรามเหล่านั้นมีความเกรงกลัว หวาดหวั่น สิ้นหวัง และดิ้นรน จากนั้นค่อยๆ แผ่วลงไป
เป็นอันชัดเจนว่า สัตว์ขั้นห้าที่ถูกดึงดูดมาเหล่านี้ถูกไข่ใบนั้นดูดกลืนแล้ว
หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นกระหน่ำเล็กน้อย เธอรู้ความร้ายกาจของสัตว์ขั้นห้าที่นี่ดี ก่อนหน้านี้ยอดฝีมือระดับผู้อาวุโสอย่างพวกเตาซิงหยางทั้งแปดต่อกรกับเพรียกวายุขั้นห้าตัวเดียวก็ยังต้องใช้เรี่ยวแรงมากมายถึงเพียงนั้น ยามนี้ฟังจากเสียงสัตว์ร้ายที่วิ่งมาเมื่อครู่แล้วมีอยู่เจ็ดแปดตัวได้ แต่กลับถูกเขมือบภายในชั่วพริบตา เจ้าไข่ใบนี้ร้ายกาจเพียงใดกัน? สิ่งอยู่ในไข่คืออะไร?
สัตว์วิเศษขั้นแปด เธอไม่เคยเห็นมาก่อน!
‘เสี่ยวชาง เจ้าว่ามีอะไรอยู่ในไข่?’
หยกนภาซื่อตรงนัก ‘ไม่รู้ ข้ามีข้อมูลของสัตว์ขั้นแปดน้อยมาก เท่าที่ข้ารู้ มีเพียงอาชาเวหาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่เป็นสัตว์ขั้นแปด สัตว์พาหนะของสานุศิษย์สวรรค์คนอื่นบ้างก็เป็นสัตว์ขั้นหก บ้างก็เป็นสัตว์ขั้นเจ็ด…’
ที่แท้สัตว์ขั้นแปดหายากถึงเพียงนี้เชียว!
กู้ซีจิ่วรู้สึกแต่ว่าคันยุบยิบในหัวใจ อยากจะกระโจนขึ้นไปดูนัก
‘เจ้านาย ท่านอย่าได้คิดเพ้อเจ้อว่าจะสยบมันได้ จะต้องเป็นผู้บำเพ็ญที่บรรลุขั้นเก้าถึงจะสามารถสยบสัตว์ขั้นแปด พวกมันหยิ่งยโสโอหัง จะยอมจำนนเพียงผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันเท่านั้น’ หยกนภาราดน้ำเย็นดับฝันใส่เธอ
กู้ซีจิ่วกุมขมับ ‘เสี่ยวขาง เจ้าไม่ราดน้ำเย็นแล้วจะตายหรือ?’
‘เจ้านาย ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น เฮ้อ คำเตือนที่หวังดีมักเสียดหู’ หยกนภาทอดถอนใจอย่างผู้ที่ผ่านโลกมามาก
มันเพิ่งจะเอ่ยจบ จู่ๆ เหนือศีรษะก็มีแสงสีม่วงสว่างวาบ สิ่งหนึ่งหล่นลงมาจากฟ้า!
จุดมุ่งหมายคือกระหม่อมกู้ซีจิ่ว!
“ระวัง!” ซือเฉินวาดแขนเสื้อออกไป ลำแสงสีม่วงนั้นหมุนติ้วอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ถูกสายลมจากแขนเสื้อซือเฉินพัดออกไป เพียงเฉเฉียงแล้วหล่นลงมา