บทที่ 540
ลอบโจมตี 2
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบอ้อมค้อม จึงชะงักฝีเท้า กล่าวกับอวิ๋นซิงหลัวตรงๆ “วิถีแตกต่างมิอาจร่วมทางได้ เจ้ามีธุระอะไรก็พูดมาตรงๆ”
นัยน์ตาอวิ๋นซิงหลัวมีแววเจ็บช้ำพาดผ่าน “ซีจิ่ว เจ้าเกลียดข้าใช่ไหม?”
“หือ?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว เธอไม่ได้เกลียดนาง เพียงแค่ดูแคลนนิสัยของนางเท่านั้น
ถึงอย่างไรเด็กสาวผู้มีก็เคยมอบสิ่งของให้เธอด้วยท่าทีปรารถนาดี ผลคือสิ่งนั้นกลับเป็นภัยต่อเธอ
หากมิใช่ทูตสวรรค์ฝ่ายช้ายยื่นมือมาขวางนางไว้ เกรงว่าเธอคงตายอยู่ในป่าทมิฬเพราะเด็กสาวผู้มีแล้ว!
กู้ซีจิ่วคิดอยู่ตลอดว่าจะตอบโต้กลับไปอย่างไรดี เพียงแต่เธอยังคิดวิธีไม่ทันออก อวิ๋นซิงหลัวผู้นี้ก็มาแสดงตัวตนต่อหน้าเธออีกแล้ว!
“แม่นางกู้ เจ้าเกลียดที่ข้ายื้อแย่งท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเจ้าใช่ไหม? แต่ว่าเจ้ายกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับเขาไปแล้วมิใช่หรือ? เช่นนั้นต่อให้ข้าแย่งชิงเขามาก็คงไม่เป็นไรกระมัง?” อวิ๋นซิงหลัว เม้มริมฝีปากน้อย คล้ายว่าไม่เข้าใจอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก จู่ๆ เธอก็มีความคิดว่าอยากแย่งชิงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาเสีย! ไม่ใช่เพื่ออื่นใด แต่เพื่อยั่วโทสะเด็กสาวเบื้องหน้าคนนี้!
เธอยิ้มบางๆ “สัญญาหมั้นหมายล้มเลิกไปก็ยังกำหนดใหม่อีกครั้งได้ ไม่ได้แปลว่าข้ากับเขาไร้วาสนาต่อกันแล้ว อวิ๋นซิงหลัว พวกเราต่างใช้ฝีมือของตนเถิด” พลางหันหลังคิดจากไป
อวิ๋นซิงหลัวทนไม่ไหวอีกต่อไป “กู้ซีจิ่ว เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? เจ้ามิใช่แม้กระทั่งสานุศิษย์สวรรค์ด้วยซ้ำ…จะอาศัยสิ่งใดมาสู้กับข้า?”
มุมปากกู้ซีจิ่วยกยิ้นนิดๆ “ถึงข้าจะไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ แต่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เอ็นดูข้ามาก ทั้งยังสร้างเรือนให้ข้าร่วมอาศัยด้วย เจ้าเป็นสานุศิษย์สวรรค์แล้วอย่างไรเล่า? มาคารวะท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทว่าแม้แต่ประตูก็ไม่ได้เข้า”
สีหน้าอวิ๋นซิงหลัวเขียวคลํ้าแล้ว “เจ้า…”
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ความมั่นใจของนางถูกกระทบกระเทือนอย่างแรง
นางคิดจะโต้แย้ง ทว่าสรรหาถ้อยคำมาโต้แย้งไม่ได้ชั่วขณะ เนื่องจากสิ่งที่กู้ซีจิ่วพูดเป็นความจริง…
กู้ซีจิ่วไม่แยแสนางอีก หันหลังจากไปตามหาสัตว์เลี้ยงของตัวเอง
อวิ๋นซิงหลัวยืนอยู่ที่เดิม กำมือแน่น สายตาเปี่ยมด้วยความไม่ยินยอม
เหตุใดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องดีกับนังเด็กตัวเหม็นคนนี้ถึงเพียงนั้นนะ?
ถ้ากล่าวถึงวรยุทธ์ กล่าวถึงคุณสมบัติ กล่าวถึงรูปโฉม นางล้วนทิ้งห่างจากนังเด็กตัวเหม็นผู้นั้นหลายขุม แล้วเหตุใดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงรับนังเด็กตัวเหม็นคนนั้นเป็นศิษย์เพียงคนเดียว? เป็นเหตุให้ยามนี้นังเด็กตัวเหม็นผยองถึงเพียงนี้!
………………….
ล่วงเข้ายามดึกแล้ว ด้านนอกมีลมพัดแรงเช่นปกติ
อวิ๋นซิงหลัวนอนอยู่บนเตียง นอนไม่หลับอยู่เนิ่นนาน พลิกไปพลิกมาอยู่ตรงนั้นดั่งแผ่นแป้งทอด
นางไม่พอใจอย่างยิ่ง บนโลกนี้ยังมีใครที่มุมานะได้เช่นนางอีกหรือ? ยังมีใครที่ชมชอบคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้อีกหรือ?
ตี้ฝูอี ตี้ฝูอี ตี้ฝูอี…
นามนี้กึกก้องอยู่ในสมองนาง ทำให้นางปวดใจ
นางพลิกตัวลงจากเตียง กางแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะหนังสือ จับพู่กันเขียนชื่อหนึ่งลงไปซ้ำๆ ราวกับทำเช่นนี้ถึงจะสามารถคลายความคิดถึงที่เปี่ยมล้นอยู่ในใจได้
เกิดเสียงดัง ‘ปึง!’ หน้าต่างที่ปิดสนิทถูกลมพัดเปิด
สายลมกรรโชกพัดพากระดาษแผ่นนั้นที่นางเพิ่งเขียนเสร็จออกไป นางตกใจอย่างยิ่ง รีบพุ่งออกไปทันที นางต้องตามกระดาษแผ่นนั้นกลับมาให้ได้!
เดิมทีนางคิดจะทำลายชื่อเหล่านี้ทิ้งหลังจากเขียนเสร็จ ยามนี้หากปลิวไปเช่นนี้ ถูกใครบางคนด้านนอกเก็บได้ เช่นนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่!
กระดาษแผ่นนั้นปลิวขึ้นสู่ฟ้า อวิ๋นซิงหลัวทะยานกายมาถึงกลางลาน สะบัดแขนเสื้อเหินละลิ่วไปหากระดาษแผ่นนั้น คิดจะทำลายมันทิ้งทันที
จู่ๆ คนผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ อาภรณ์ม่วงเกศาดำ ใบหน้าสวมใส่หน้ากาก กระดาษแผ่นนั้นร่อนเข้าสู่มือเขา
อวิ๋นซิงหลัวดั่งถูกคาถาตรึงร่างตรึงไว้ แข็งทื่อไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงตะโกนออกมาด้วยนํ้าเสียงสั่นสะท้าน “ท่าน…ท่นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
คนผู้นั้นกวาดมองกระดาษแวบหนึ่ง พลิ้วกายลงสู่พื้น ร่อนลงเบื้องหน้านาง