บทที่ 557
กู้ซีจิ่ว เจ้ากลัวข้าหรือ 1
มือเธอยังไม่ทันแตะโดนแขนองค์ชายหรงเช่อก็ถูกหลงซือเย่ขวางไว้ “ซีจิ่ว ให้ข้าไปส่งเขาลงเขาเถิด เจ้าไปส่งก็คงไม่สะดวกนัก ข้ามีสัตว์ปีกเป็นพาหนะ สามารถพาเขาไปส่งถึงเมืองเล็กที่ตีนเขาได้ในครึ่งชั่วยาม”
ไม่เปิดโอกาสให้กล่าวอันใด พยุงองค์ชายหรงเช่อขึ้น เรียกกระเรียนมงกุฎแดงสัตว์พาหนะมา พาเขาทะยานขึ้นไป กระเรียนมงกุฎแดงสยายปีกกู่ร้อง ชั่วพริบตาเดียวก็จากไปไกลแล้ว
กู้ซีจิ่วใจลอยอยู่บ้าง
ไม่ว่ายามไหน หลงซือเย่ก็เข้าใจเธออยู่เสมอ และคลายความวิตกกังวลให้เธออย่างเยือกเย็น…
ความฝันที่เกี่ยวข้องกับหลงซือเย่แวบขึ้นมาในสมองเธอ จิตใจเธอว้าวุ่นอย่างน่าประหลาด จู่ๆ ก็อยากถามหลงซือเย่ว่าที่แท้แล้วหัวใจอยู่ตรงไหน?
ทูตทั้งสี่ไปจัดการผลพวงที่ตามมา กู้ซีจิ่วก็กลับไปที่เรือนของตนอีกครั้ง
ต้องกล่าวเลยว่ารสนิยมของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สูงส่งนัก เครื่องเรือนภายในเรือนนี้โดดเด่นยิ่งนัก มีเอกลักษณ์มาก ทำให้คนมองผ่านๆ แวบเดียวก็รู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก
เธอล้างหน้าแปรงฟันอีกรอบ กลับไปนอนบนเตียง
เธอไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดนอนที่ตัดเย็บเอง ชุดนอนตัวนั้นค่อนข้างโปร่งบาง เวลานอนตอนกลางคืนเธอชอบเตะผ้าห่มออก ดังนั้นจึงเปิดเปลือยได้ง่ายยิ่ง หากนอนหลับอยู่ในห้องของตน เธอย่อมเปลี่ยนไปสวมชุดนอนที่สบายเป็นพิเศษตัวนั้น แต่อยู่ที่นี่เธอไม่กล้า!
เรือนหลังนี้ดูงดงามโอ่อ่า ทว่าสี่ทูตกลับสร้างขึ้นมาได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาไม่ได้สร้างขึ้นมา แต่ใช้คาถาเสกออกมาต่างหาก
ถ้าหากคาถาของพวกเขาเกิดเสื่อมลงกะทันหัน…
เช่นนั้นคฤหาสน์ใหญ่หลังนี้ก็อาจจะสลายหายไปกะทันหันเช่นกัน! พอเธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาไม่แน่อาจนอนอยู่บนพื้นดินก็ได้
เรือนหลังนี้ถึงแม้จะงดงาม แต่เธอรู้สึกว่านอนไม่สบายเท่ากระท่อมมุงจากของตน
…………….
นาฬิกาชีวิตของเธอเที่ยงตรงยิ่ง ถึงแม้ตอนกลางคืนเธอจะวิ่งพล่านไปทั่ว เหนื่อยล้าอย่างยิ่ง แต่วันถัดมาเธอก็ยังตื่นเช้าตรู่เหมือนเดิม
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็ไปคารวะท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เรือนหน้า
ดูเหมือนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่งตื่นเหมือนกัน เส้นผมยังแผ่สยายอยู่ สาบเสื้อก็ไม่ได้ผูกไว้แน่นหนา ค่อนข้างหลวมเล็กน้อย มองดูเธอที่เข้ามา “เหตุใดตื่นเช้าถึงเพียงนี้?”
เขายังนึกว่านางจะนอนหลับจนตะวันสายโด่งเสียอีก อย่างไรเสียเมื่อคืนนางก็วุ่นวายยิ่งนัก อีกทั้งวัยเด็กก็เป็นวัยที่ควรนอนให้มากๆ…
กู้ซีจิ่วทำความเคารพเขา กล่าวทักทายก่อน ถึงก้มศีรษะตอบคำถาม “ซีจิ่วตื่นเช้ามาฝึกวรยุทธ์เสมอจนติดเป็นนิสัยแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จ้องมองท้ายทอยของนาง ใจลอยอยู่ครู่หนึ่งค่อยพบว่านางยังคุกเข่าอยู่ คิ้วจึงขมวดนิดๆ ถึงแม้เขาจะเคยชินกับการที่ผู้อื่นคุกเข่าให้เขามานานแล้ว แต่กลับไม่ค่อยชินที่นางมาคุกเข่าให้…
“ลุกขึ้นเถิด ต่อไปไม่ต้องมาคารวะยามเช้าแล้ว”
กู้ซีจิ่วส่งเสียงตอบรับ แล้วค่อยลุกขึ้น
ท่านเทพศักดิ์เห็นนางยังคงก้มศีรษะ ก้มประหนึ่งลูกสะใภ้ตัวน้อยอยู่ ก็อึดอัดยิ่งกว่าเดิม พลันตวัดแขนเสื้อ โต๊ะเล็กตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า บนโต๊ะมีนํ้าผลไม้และขนมอบอีกหลายจาน “เข้ามากิน อะไรสักหน่อยเถิด”
กู้ซีจิ่วยังคงก้มศีรษะเช่นเดิม “ขอบพระคุณท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ไว้ซีจิ่วค่อยกลับไปกินเจ้าค่ะ”
เขาสูงส่งเกินไป รวมโต๊ะกับเขาเธอรู้สึกกดดัน อีกอย่างด้วยฐานะของเขาแล้วเมื่ออยู่ตรงนั้น ต่อให้ร่วมโต๊ะกับเขาก็คงต้องคุกเข่ารับรางวัล ออกจะไม่ใคร่สบายใจนัก มิสู้กลับไปเรือนของตน หรือไม่ก็ค่อยออกไปหาอะไรกิน
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองดูนาง ยกมือขี้นนวดคลึงหว่างคิ้ว
ยามที่นางทำตัวตามสบาย เขารู้สึกปวดหัว
ยามนางเคารพนบน้อบ เขากลับอึดอัดไปทั่วสรรพางค์
บนโลกนี้คนที่เคารพเขามีมากมายเหลือเกิน มีเพียงนางคนเดียวที่แตกต่าง หรือว่าความแตกต่างนี้ก็จะหายไปด้วย?
“กู้ซีจิ่ว เจ้ากลัวข้าหรือ?”
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เงยหน้าขึ้น “ไม่เจ้าค่ะ ซีจิ่วเคารพท่าน”
“ในเมื่อไม่กลัว เช่นนั้นก็เข้ามากินอาหาร!”
กู้ซีจิ่วไม่ได้โต้แย้งเขาอีก ตอบรับว่า ‘เจ้าค่ะ’ แล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะเล็กตัวนั้น