บทที่ 656 ที่แท้เป็นเรื่องราวก็เป็นเช่นนี้!
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ แต่เธอก็ถูกใจเครื่องประดับผมชิ้นนั้นจริง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงซื้อติดมือมา ถือโอกาสชมเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ บนแผงไปด้วย
สายตาของเธอถูกพู่หยกชิ้นหนึ่งดึงดูดไว้
ข้าวของบนแผงเล็กๆ เช่นนี้ย่อมมิใช่สินค้าชั้นเลิศอันใด วัสดุส่วนใหญ่ธรรมดายิ่ง ข้อดีคือทำอย่างประณีตบรรจง
คุณภาพของพู่หยกชิ้นนั้นก็ไม่ดีเท่าไหร่ เป็นวัสดุที่ธรรมดานัก แต่รูปร่างของพู่หยกชิ้นนั้นค่อนข้างแปลกตา มิใช่แบบที่พบเห็นกันทั่วไป แต่คล้ายดวงตาข้างหนึ่งของจิ้งจอก แถมพู่หยกชิ้นนั้นก็เป็นสีแดงด้วย รูปร่างเช่นนี้ ค่อนข้างคล้ายกับแถบแพรนัยน์ตาจิ้งจอกบนหน้าผากของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาก
แน่นอน ไม่คุณภาพของหยกหรือว่าระดับความโปร่งใส พู่หยกชิ้นนี้เทียบกับแถบแพรผืนนั้นไม่ได้เลย หากกล่าวว่าแถบแพรผืนนั้นคือเพชร พู่หยกชิ้นนี้อย่างมากก็เป็นได้เพียงแก้วเท่านั้น…
เพียงแต่กู้ซีจิ่วก็ยังหยิบพู่หยกชิ้นนั้นขึ้นมาดู พอมองก็เห็นความแตกต่างมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นถึงจะเป็นนัยน์ตาจิ้งจอกเหมือนกัน ทว่าชิ้นนั้นของทูตสวรรค์ฝ่ายพอหันข้างนิดๆ ประกายแสงก็จะหรุบหรู่ลง แลดูอ่อนช้อย ส่วนชิ้นนี้เหมือนนัยน์ตาจิ้งจอกที่ถูกทุบจนโง่งม
“คุณชายน้อย นี่คือพู่หยกนัยน์ตาจิ้งจอกขนานแท้” เมื่อครู่กู้ซีจิ่วซื้อเครื่องประดับผมชิ้นนั้นไปอย่างไม่ลังเล เถ้าแก่ผู้นั้้นจึงคิดว่าเธอเป็นลูกค้ารายใหญ่ พยายามแนะนำสินค้าสุดชีวิต “หากท่านแขวนติดกายไว้จะรับกับรูปโฉมล้ำเลิศของท่าน สามารถดึงดูดสายตาของแม่นางน้อยเหล่านั้นได้แน่นอน…”
พู่หยกนัยน์ตาจิ้งจอกชิ้นเดียวก็สามารถดึงดูดความสนใจจากสตรีได้แล้วหรือ?
วาจานี้ดูเหมือนจะแฝงความนัยไว้ กู้ซีจิ่วพิศมองพู่หยกชิ้นนั้นพลางพูดคุยกับเถ้าแก่รายนั้น จึงได้ทราบจากปากของเถ้าแก่ ว่าพู่ไม่ใช่เพียงพู่หยกนัยน์ตาจิ้งจอกเท่านั้นที่ขายดี แม้แต่หัวเข็ดขัดนัยน์ตาจิ้งจอก หมุดปักลวดลายนัยน์ตาจิ้งจอก ล้วนขายดีมากเช่นกัน เนื่องจากเหล่าสตรีล้วนชมชอบ…
เถ้าแก่ผู้นั้นเล่าความจริงให้เธอฟังด้วยท่าทีลึกลับ “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดยามนี้เหล่าสตรีถึงชมชอบนัยน์ตาจิ้งจอก? เป็นเพราะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายน่ะสิ…ท่านลูกค้าก็รู้มิใช่หรือ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นคนรักในฝันของเหล่าหญิงสาว…แต่อย่างไรเสียท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มีเพียงคนเดียว แถมยังสูงศักดิ์จนเอื้อมไม่ถึง สตรีธรรมดาสามัญย่อมไม่กล้าคะนึงหา ถ้าทำให้บุรุษที่ตนชอบสวมใส่เครื่องประดับที่คล้ายคลึงกับแถบแพรคาดหน้าผากเส้นนั้นได้ก็ไม่เลวแล้ว หากท่านแขวนสิ่งนี้ พวกนางต้องชอบแน่นอน…เครื่องประดับเช่นนี้เป็นที่นิยมมาหลายปีแล้ว! แขวนไปนานๆ ก็ไม่เป็นไร ไม่ตกยุคแน่นอน…”
ที่แท้เป็นเรื่องราวก็เป็นเช่นนี้!
กู้ซีจิ่วมองพู่หยกในมือ “ข้าว่าพู่หยกชิ้นนี้ไม่ค่อยเหมือนแถบแพรคาดหน้าผากของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเลยนะ รูปทรงแตกต่างกันโข”
เถ้าแก่ผู้นั้นถูไม้ถูมือ หัวเราะแหะๆ “คุณชายท่านนี้ไม่เข้าใจเสียแล้ว ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีฐานะเช่นนั้น ข้าวของที่เขาสวมใส่ ต่อให้ทุกคนเลียนแบบก็ไม่กล้าเลียนแบบให้คล้ายคลึงกันมากไป เพียงแค่มีเค้าโครงของสิ่งนั้นรางๆ รับเอาเอกลักษณ์ของสิ่งนั้นมาก็พอแล้ว ถ้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ จะเป็นการล่วงเกิน”
กู้ซีจิ่ววางพู่หยกชิ้นนั้นลง ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ย “ข้าไม่ชอบชิ้นนี้”
แล้วเดินจากไป
ของแท้ชิ้นนั้นยังไม่แน่ว่าจะถูกใจเธอเลย นับประสาอะไรกับของปลอมพรรค์นี้เล่า?
เธอเดินไปตามถนน ตั้งใจสังเกตเครื่องประดับของเหล่าบุรุษที่อยู่รอบข้าง พบบุรุษที่สวมใส่เครื่องประดับหยกทรงนัยน์ตาจิ้งจอก
บ้างเป็นครั้งคราวจริง ๆ คุณภาพของหยกเหล่านั้นก็ดีบ้างแย่บ้าง รูปทรงของนัยน์ตาจิ้งจอกก็แตกต่างกัน บ้างก็ไม่เหมือนดวงตา
จิ้งจอก แต่เหมือนตาแมว…
ยามที่เดินผ่านร้านเครื่องหยกร้านหนึ่ง กู้ซีจิ่วมองเข้า ไปแวบหนึ่งโดยไม่ได้เจตนา ก็ได้เห็นคนคุ้นเคย เยี่ยนเฉินกับหลานไว่หู
พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบศิษย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เช่นกัน เยี่ยนเฉินสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อน เอวห้อยกระบี่ยาว เส้นผมมัดรวบขึ้น ขับเน้นให้เขาดูฟันขาวปากแดง หล่อเหลายิ่งนัก อันที่จริงชุดที่เขาสวมคล้ายชุดศิษย์ของเขาซูซานในเรื่องเซียนกระบี่พิชิตมารภาคสองมาก กลิ่นอายก็ค่อนข้างคล้ายกับไป๋โต้วฟูในภาพยนต์ร์มาก ทำให้หัวใจคนสั่นไหวยิ่งนัก